“วันนี้น้องผิงแปลก ๆ”
“แปลกอะไรผิงก็ปกกะ... / พี่ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรวันนี้ถึงแปลกไป อาจจะนึกใจดีหรือตั้งใจเข้ามาแกล้งพี่ก็ได้ แต่พี่ดีใจนะ...มันเหมือนพี่ได้เจอน้องผิงของพี่เมฆอีกครั้ง”
“...”
“ไอ้เถ้ามันอยู่ที่นี่ตลอด คิดถึงมันก็มาได้นะ” เขาตัดบทด้วยตัวเองซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็ดีแล้วที่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
“พี่เมฆก็ปล่อยให้มันวิ่งเล่นอิสระสิ พื้นที่บ้านตั้งกว้าง”
“กลัวเจ้าที่ว่า” เขายิ้มล้อบรรยากาศเลยดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะฉันถลึงตาใส่เขาทันที
“อย่ามากัดผิง”
“หึ ๆๆ โอเคครับ ถ้างั้นต่อไปนี้พี่ขออนุญาตปล่อยไอ้เถ้าวิ่งเล่นนะครับ”
“...ก็ตามใจสิคะใครห้าม” ฉันไม่มองหน้าเขาแต่ก้มหน้ามองไอ้ขี้เถ้าแล้วลูบหน้าลูบแก้มมันเล่นแทนโดยที่มันก็ยังนอนอยู่บนตักของพ่อมันที่ฉันรู้ดีว่าตอนนี้พ่อของไอ้ขี้เถ้าเอาแต่มองแม่ของมันตลอดเวลา
บางทีฉันอาจจะมองเขาผิดไปก็ได้...มั้ง
ก็ขอให้เป็นแบบนั้นนะคะ ขออย่าให้ฉันคิดผิดเลย...
-วันต่อมา-
“ตื่นเช้าจังเลยค่ะคุณผิง”
“เมื่อคืนนอนเร็วผิงเลยตื่นเช้า มีอะไรกินพี่มี่”
“มีข้าวต้ทกระดูกหมูค่ะ” ได้ยินเมนูอาหารเช้าที่กินเกือบทุกวันก็อารมณ์ดีเลยค่ะเพราะว่ามันคือเมนูโปรดของน้ำผิง
“มีไข่ยางมะตูมไหม?”
“มีสิคะ คุณเมฆไม่ลืมทำให้คุณผิงอยู่แล้วค่ะ”
ขวับ!
“อะไรนะ?” ฉันที่เดินนำหน้าไปห้องอาหารหันกลับไปถามพี่มี่ทันทีส่วนแม่บ้านคนสนิทก็ทำหน้าตะลึงเหมือนตัวเองเผลอหลุดปากพูดอะไรออกมา
“เอ่อ พี่มี่บอกว่าป้าแก้วไม่ลืมทำให้คุณผิง... / เอาความจริงพี่มี่?” พี่มี่ยังพูดไม่จบฉันก็พูดแทรกด้วยเสียงกดดันเพราะฉันมั่นใจว่าก่อนหน้านี้หูไม่ได้ยินคำว่าป้าแกวเลยสักแอะ
“เอ่อ...”
“พูดเดี๋ยวนี้พี่มี่” ฉันกดดันแม่บ้านคนสนิทก็หน้าเจื่อนทันที
“คือ...คุณเมฆทำให้แล้วค่ะ”
“หมายความว่ายังไง?” ทำไมพี่เมฆต้องทำให้ฉันไม่เข้าใจ
“ก็...คุณเมฆตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าค่ะ คุณผิงขา คุณผิงอย่าบอกคุณเมฆนะคะว่าพี่มี่บอกไม่งั้นคุณเมฆดุพี่มี่แน่ ๆ” พี่มี่ขอร้องฉันพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เขาทำอาหารวันนี้เหรอ?”
“ค่ะ”
“ครั้งแรกรึเปล่า?” ฉันจ้องพี่มี่เขม็งแม่บ้านคนสนิทของฉันก็ทำหน้าลำบากใจ โอเคค่ะเห็นหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน
“อย่าบอกนะว่าข้าวต้มกระดูกหมูคือฝีมือพี่มือทุกครั้ง?”
“คือ...” โอเคค่ะ รู้แล้ว ได้คำตอบแล้ว
“ทำไมพี่มี่ไม่บอกผิง” ฉันต่อว่าแม่บ้านคนสนิททันที จ้องเขม็งเพราะเคยบอกแล้วว่ามีอะไรต้องรายงาน แต่นี่คนที่ทุกคนในบ้านรู้ว่าฉันไม่กินเส้นมาทำอาหารเช้าเมนูโปรดให้ฉันกินบ่อย ๆ แต่ดันไม่รายงานนี่นะ?
“ก็...ก็พี่มี่สงสารคุณเมฆนี่คะคุณผิง” พี่มี่ก้มหน้า เอามือมาประสานกันไว้แล้วบอกฉันเสียงสั่นในขณะที่ฉันกำลังยืนกอดอกจ้องพี่มี่เพี่อไต่สวนโทษ
“สงสารอะไร?”
“...คุณผิงขา คุณผิงไม่เคยเห็นตอนคุณเมฆตื่นเช้ามาทำอาหารให้คุณผิงทานเหมือนพี่มี่นี่คะ”
“แล้ว?”
“คุณเมฆตั้งใจทำมากนะคะ รีบตื่นแต่เช้ามาทำตลอดแล้วก็ต้องรีบกลับไปอาบน้ำแล้วกลับมาให้ทันกินข้าวเช้าพร้อมคุณผิง”
“...”
“พี่มี่รู้ค่ะว่าควรรายงานคุณผิงทุกอย่าง แต่พี่มี่ไม่กล้าทำลายความตั้งใจของคุณเมฆเรื่องนี้เลยค่ะ คุณเมฆตั้งใจทำข้าวเช้าให้คุณผิงมากนะคะ”
“...” ฉันยืนฟังเงียบ ๆ จนกระทั่งพี่มี่เงยหน้ามองฉันอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่คลอออกมา
“พี่มี่ขอโทษนะคะคุณผิง แต่คุณผิงอย่าโกรธคุณเมฆเลยนะคะ อย่าไปว่าคุณเมฆเลยค่ะวันไหนคุณเมฆทำพี่มี่จะรีบรายงานคุณผิงจะได้ไม่ต้องฝืนทาน”
“...ไร้สาระ” ฉันว่าออกมาเบา ๆ แล้วหันหลังเดินไปทางเดิมที่ตั้งใจจะไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ฉันมาถึงห้องอาหารก็ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะมีแค่พี่มีที่เดินตามหลังมา
“คุณผิงขา คุณผิงจะให้พี่มี่ทำอาหารอย่างอื่นให้ทานไหมคะ” น้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ เอ่ยถามออกมา
“มีอะไรก็เอาอันนั้นมานั่นแหละพี่มี่ จะทำให้เสียเวลาทำไม” ฉันดุนิดหน่อยแล้วนั่งลงที่เก้าอี้เพื่อรออาหารเช้ามาเสิร์ฟ
“ดะ ได้ค่ะ ได้ค่ะคุณผิง” พี่มี่ยิ้มดีใจก่อนจะรีบกุลีกุจอเดินไปที่ห้องครัวจากนั้นไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาอีกครั้ง
“ผิงไม่เอากาแฟ...อ้าว มากินข้าวเช้าเหรอคะ” ไม่ใช่พี่มี่แต่เป็นพี่เมฆของคุณแม่ต่างหากฉันเลยทักทายเขาซึ่งแน่นอนว่าคำทักทายของฉันทำเขาชะงักพร้อมกับสีหน้าแปลกใจนิดหน่อย
“ครับ” พี่เมฆตอบพร้อมพยักหน้ารับแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ทำอาหารเช้าให้ไอ้ขี้เถ้าแล้วเหรอคะถึงมากินข้าว”
“ทำแล้วสิ” เขายิ้มตอบรับ
“แล้วทำไมไม่ทำอาหารเช้าของตัวเองด้วยล่ะ ง่ายกว่าเดินมากินที่นี่อีกมั้ง” ฉันแอบแขวะเขานิดหน่อย
“หึ ๆๆ ไม่ล่ะ พี่ไม่ชอบทำกินเอง ชอบทำให้คนที่รักกินมากกว่า” น้ำเสียงสบาย ๆ ตอบออกมาแล้วเขาก็จับรีโมททีวีมากดเปิดเหมือนตอบเล่น ๆ ไม่ใส่ใจอะไรแต่มันกลับทำให้ฉันเงียบไม่พูดอะไรต่อเหมือนกัน
...ชอบทำให้คนที่รักกินมากกว่า
ไอ้ขี้เถ้ามันใช่คนที่ไหนล่ะ -_-
ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อพี่เอื้องก็ยกอาหารเช้ามาพร้อมกับกาแฟหอม ๆ
“อยากกินปาท่องโก๋จัง”
“อะไรนะ?”
“ผิงบอกว่าอยากกินปาท่องโก๋ ไม่ได้กินนานแล้ว กินปาท่องโก๋กรอบ ๆ ร้อนตอนเช้าอร่อยจะตาย”
“พี่ไปซื้อให้ไหม” เขายิ้มถามบาง ๆ ฉันก็ตาโตสิคะ
“ได้เหรอคะ แต่ไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้ผิงค่อยฝากพี่มี่ซื้อจากตลาด”
“ได้สิ หิววันนี้ก็กินวันนี้ พี่ปั่นจักรยานออกไปซื้อแป๊บเดียว กลางซอยมีร้านขาย”
“ผิงไม่ได้ใช้พี่เมฆนะ”
“หึ ๆๆ พี่รู้ครับ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ตอนนี้เลย” เขาพูดขึ้นแล้วก็ลุกขึ้นแต่พอทำท่าจะเดินออกไปก็หันกลับมามองฉันแถมยังทำหน้าเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ฉันคิดแบบนั้นนะ เหมือนเขาเขิน
“อะไรคะ?”
“พี่ไม่ได้พกเงินมา ขอยืมเงินหน่อย” ฮ่า ๆๆ นึกว่าอะไร แต่ก็ตลกเหมือนกันนะคะ คุณเมฆาทายาทศิริชนันท์กรุ๊ปมาขอยืมเงินฉันไปซื้อปาท่องโก่ แทนที่จะขอเงินกันตรง ๆ เพราะที่ไปซื้อก็ไปซื้อให้ฉันกิน น่ารัก เอ่อ...ตลกเป็นบ้า
“ไม่” ฉันตีหน้าขรึมตอบกลับไป
“น้องผิง พี่ยืมแค่ยี่สิบบาทเอง”
“ดอกยี่สิบละร้อย” ฉันตอบกลับไปคนที่กำลังทำหน้าเซ็งเพราะฉันบอกว่าไม่ให้ยืมถึงกับหลุดขำยิ้มกว้างออกมาทันที
“หึ ๆๆ เขามีแต่ดอกร้อยละยี่สิบ”
“เจ้านี้ดอกเท่านี้ ไม่โอเคก็ไปยืมเจ้าอื่นเลยค่ะ”
“โอเคครับเจ้าหนี้คิดดอกได้เลยแต่ตอนนี้เอาเงินมาให้พี่ยืมก่อนเร็ว”
“รอก่อนค่ะเงินอยู่บนห้อง” ฉันบอกเสร็จก็ลุกขึ้นแล้วเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปหยิบเงินมาให้เขาทันที
“อ่ะ ขอน้ำเต้าหู้ด้วยนะพี่เมฆ” ฉันยื่นเงินแบงค์ร้อยให้เขาแล้วก็สั่งของกินเพิ่ม
“ครับผม” เขารับเงินพร้อมกับตอบรับแต่ฉันไม่ยอมปล่อยเงินให้เขาง่าย ๆ ตอนนี้เลยดึงเงินกันทั้งสองฝ่าย
“มีอะไร”
“ดอกเบี้ย เอาไปร้อยนึงดอกเท่ากับห้าร้อยนะคะคุณเมฆา”
“หึ ๆๆ พี่ให้หนูหนึ่งพันเลย”
“...” ฉันรีบปล่อยเงินทันทีที่เขาพูดจบส่วนพี่เมฆก็ยังยิ้มละมุน
“ใส่น้ำตาลไหม หวานน้อยหมือนเดิมรึเปล่า”
“อื้อ”
“โอเคครับ ไปกินข้าวเถอะ” เขาบอกแล้วก็หันหลังเดินออกไปทันทีส่วนฉันน่ะเหรอ
...อยากปั่นจักรยานไปซื้อปาท่องโก๋กับพี่เมฆเหมือนตอนเป็นน้องมอต้นที่พี่มอปลายปั่นพาไปซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กินทุกเช้าวันหยุดจัง
-เวลาต่อมา-
“มาแล้วครับ” เขาหายไปประมาณ 10 นาทีได้มั้งก็เดินกลับมาพร้อมถุงปาท่องโก๋ที่หอมฉุย~ ฉันได้กลิ่นปาท่องโก๋ก็วางโทรศัพท์ที่กำลังเล่นทันที
“เจ้าเดิมเปล่าคะ”
“พี่ไม่ซื้อเจ้าอื่นให้โดนบ่นหรอก”
“ชิส์~” โดนเขาล้อด้วยรอยยิ้มฉันก็ย่นจมูกใส่ทันทีแต่หางตารู้สึกเหมือนเห็นอะไรแปลก ๆ เลยหันไปมอง
“ไม่มีอะไรทำเหรอคะพี่เอื้อง? พี่มี่ด้วย” ฉันเห็นพี่เอื้องกับพี่มี่ยืนยิ้มเลยถามออกไปด้วยน้ำเสียงดุสองสาวเลยยิ้มเจื่อนแล้วรีบหันหลังเพื่อเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนเอื้อง”
“คะคุณเมฆ”
“สองถุงนี้ของทุกคน” เขายื่นปาท่องโก๋สองถุงให้พี่เอื้องเลยยิ้มดีใจแล้วรีบเดินมาเอาปาท่องโก๋ไปส่วนเขาก็หันกลับมาแล้วแกะหนังยางของถุงน้ำเต้าหู้เพื่อใส่แก้วที่ฉันให้พี่มี่เอามาให้ก่อนหน้าแล้ว
“ทำไมยังไม่กินข้าว” ระหว่างที่กำลังแกะหนังยางเขาก็มองมาที่ชามข้าวต้มของฉัน
“ก็รอพี่เมฆไง” ฉันตอบพร้อมกับหยิบปาท่องโก๋เข้าปาก กรอบมาก~ ยังร้อน ๆ อยู่เลย แต่อีกคนดันนิ่งไปฉันเลยต้องมองหน้าเขา ยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเพื่อถามว่า มองเพื่อ? ทั้งที่ปากก็ยังเคี้ยวปาท่องโก๋ตุ้ย ๆ
“...ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณเพื่อ? ผิงแค่อยากกินปาท่องโก๋กับข้าวต้มเลยรอ” ฉันตอบออกไปแต่เขาก็ยังยิ้มเหมือนเดิม
“พี่ว่ามันไม่ค่อยเข้ากันนะ”
“วันหลังก็ทำโจ๊กสิ”
“อะไรนะ?”
“เปล่าค่ะ จะแกะเสร็จไหมนั่น?” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากรู้ว่าตัวเองเผลอหลุดปากพูดออกไปพี่เมฆเลยไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากแกะน้ำเต้าหู้ใส่แก้วให้ฉันแล้วก็กินข้าวกันเงียบ ๆ มีคุยกันบ้างนิดหน่อยซึ่งมันแตกต่างจากปกติมาก แต่ก็ช่างเถอะ พักปากพักสมองไม่หาเรื่องเขาบ้างจิตใจตัวเองก็สงบเหมือนกัน
ที่สำคัญได้กินข้าวโดยที่ไม่ทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อนฉันว่าตัวฉันก็...มีความสุขดีนะ
“...” ฉันนั่งทบทวนอะไรบางอย่างในใจแล้วแอบมองเขาที่กินข้าวเงียบ ๆ สลับกับมองทีวีที่มีข่าวเช้าอยู่หลายครั้งแล้วในใจก็เกิดความรู้สึกแปลก ๆ
นี่ฉัน...กำลังเป็นอะไร