ตอนที่ 4 อู้อวิ๋น

1496 คำ
“บ้าเอ้ยยย! รู้แล้วว่าทำไมตัวละครในนิยายชอบพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า ก็เพราะมันปรึกษาใคร พูดให้ใครฟังไม่ได้ยังไงล่ะ” ผมนุ่มสลวยถูกขยี้จนชี้ฟู หญิงสาวสบถอย่างขัดใจ ปกติเธอมีแม่บ้าน เลขา ผู้จัดการ ตามติดคอยให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง แปะ “เฮ้อ เลิกฟุ้งซ่าน มีสติให้มากกว่านี้สิ” หลังจากระบายความเครียดไปบ้างสองมือก็ตบแก้มสองข้างของตนเพื่อเรียกสติ “อืม….เนื้อเรื่องในตอนพิเศษ…หลังจากชินอ๋องได้รับพระราชทานยาพิษ…ก็มารู้ทีหลังว่าพระเอกแอบช่วยเหลือสับเปลี่ยนยา ตอนนั้นท่านอ๋องบอกว่าอยากขอไปใช้ชีวิตยังสถานที่ที่ในสมัยเด็กเคยไปกับพระเอกที่เป็นพี่ชาย…กระท่อมริมป่าหมู่บ้านแถบชายแดนทางตะวันออก…อืม แล้วยังไงต่อนะ….คิดสิคิด” สมองน้อยๆ เริ่มประมวลผลอย่างหนัก เนื้อหานิยายที่อ่านมามีระบุไว้มากกว่านี้นี่ “เมืองเจียงซี!!” ดวงตาหงส์เบิกกว้างเมื่อนึกสถานที่ที่ชายในดวงใจลงหลักปักฐานอยู่ ร่างบางพยุงตนเองขึ้นจากที่นอนแล้วลุกไปรื้อค้นยังอีกด้านของห้องซึ่งเป็นส่วนที่เจ้าของร่างเดิมเก็บเอกสารงานของสำนักเอาไว้และของที่เธอต้องการคือ แผนที่ “เจอแล้ว” เสียงหวานกระตือรือร้นยิ่ง รีบหยิบม้วนกระดาษลงมากางออก นิ้วเรียวไล่ดูตามแผนที่ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบเป้าหมาย “ไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้ อืม…ถ้าใช้วิทยายุทธของร่างนี้ไปคงราวๆ 10 วันล่ะมั้ง เอ้ย กระมัง” เฟิ่งหงพยายามเลียนแบบการพูดของคนในสมัยนี้เอาไว้ให้คล่องปาก มิเช่นนั้นคงดูเป็นคนน่าสงสัย ดูจากแผนที่แล้วสำนักของเธอตั้งอยู่ในหุบเหวที่มีทางเข้าออกทางเดียวคือถ้ำใต้น้ำ พูดง่ายๆ คือต้องดำน้ำเพื่อเข้าออกสำนัก มิน่าเล่าถึงไม่มีใครหาเจอ อีกทั้งลูกศิษย์ในสำนักทุกคนยังโดนผูกพันธสัญญามิให้แพร่งพรายที่ตั้งสำนักอีกด้วย “ก่อนอื่นต้องจัดการงานที่ค้างคาของสำนักให้หมดก่อนสินะ” เมื่อตัดสินใจได้แล้วดวงตาคู่สวยก็กวาดมองรายงาน สารลับ และบันทึกต่างๆ มากมายบนโต๊ะอย่างเคร่งขรึม…งานเยอะจริงๆ ผ่านไปกว่าสิบวันแล้วที่เจ้าสำนักได้ลุกขึ้นมาจัดการงานต่างๆ และเรียกประชุมผู้อาวุโส สั่งคนในสำนักให้งดรับงานจ้างวานสังหารในทุกกรณี ผู้ฝ่าฝืนรับโทษสูงสุดของสำนัก เธอให้เหตุผลว่ายามนี้การตรวจตราของสมาพันธ์นั้นเข้มงวด เสี่ยงต่อการเปิดเผยที่ตั้งสำนักเกินไป นอกจากนี้เธอยังจัดงานให้บรรดาเด็กๆ และคนในสำนักได้มีงานทำโดยที่ไม่ต้องออกไปรับงานลอบสังหาร เห็นแบบนี้เธอก็มีดีกรีเป็นถึงลูกคุณหนูไฮโซแห่งวงการธุรกิจเชียวนะ เด็กๆ มีหน้าที่จับกลุ่มออกหาสมุนไพร ทั้งแบบรักษาและมีพิษ ส่วนศิษย์ในสำนักมีหน้าที่วิจัยและบันทึกผลในการทดลองสมุนไพรต่างๆ เพื่อเป็นความรู้ให้แก่เด็กรุ่นถัดไป บรรดาผู้อาวุโสมีหน้าที่กระจายงาน ตรวจตรา และคอยดูแลอย่างเข้มงวด ค่าใช้จ่ายในช่วงนี้เธอให้เซี่ยจินเจินจัดการจากคลังสมบัติของสำนักได้เลย แต่ต้องมีบันทึกที่ชัดเจน “เอาล่ะ ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางแล้ว เช่นนั้นข้าจะเดินทางไปพักรักษาตัวเสียที” เธอกล่าวกับรองเจ้าสำนักและเพื่อนอีกคนของเธอ “อาการบาดเจ็บยังไม่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ” สวีหวังเหว่ยถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะพยายามตัดใจจากหญิงสาวแต่ก็ยังคงความห่วงใยเช่นเดิม “พักรักษาตัวที่สำนักจะไม่ดีกว่าหรือหงเอ๋อร์ ข้างนอกอันตรายยิ่งนัก” เสียงหวานของเซี่ยจินเจินเองก็เต็มไปด้วยความห่วงใยไม่น้อย ถึงแม้จะเจ็บปวดเวลาเห็นชายหนุ่มแสดงออกว่ารักใคร่อีกฝ่าย แต่นางก็แยกแยะถูกผิดได้ “เจ้าสองคนอย่าได้กังวลไป ข้าแค่อยากไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างข้าอุดอู้อยู่แต่ในสำนักมาตลอดชีวิต ออกไปแสวงหาความรู้ใหม่ๆ บ้างก็คงดีไม่น้อย” เธอพูดไปตามความจริง เจ้าของร่างเดิมแทบจะไม่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระ ตั้งแต่เด็กวนเวียนอยู่กับการฝึกวิชา โตมาหน่อยก็มีตำแหน่งสูงส่งตกลงบนบ่าอันบอบบางนี้ ช่างน่าสงสาร “เช่นนั้นเจ้าต้องพา ซินซิน (ยามตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า) และ ซิงซิง (ดวงดาว) ไปด้วย” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ สาวใช้สองนางนั้นคือคนสนิทของเฟิ่งหง มีความสามารถไม่เป็นสองรองใครและไว้ใจได้ “ไม่ล่ะ ข้าอยากไปเพียงลำพัง และห้ามส่งใครตามมาโดยเด็ดขาด” เจ้าสำนักเฟิ่งซือหวางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนบรรยากาศในห้องเริ่มอึดอัด “แต่แบบนั้นเจ้าอาจจะเป็นอันตรายได้นะ หงเอ๋อร์” เซี่ยจินเจินกลั้นใจเอ่ยท้วงเพื่อนสนิทด้วยความกังวล “ข้าดูแลตนเองได้ พวกเจ้าอยู่ทางนี้ก็ดูแลสำนักให้ดีเล่า มีเรื่องอันใดสำคัญอาเหว่ยก็ตัดสินใจได้เลย ข้าเชื่อใจพวกเจ้า” ใบหน้าสวยสดแย้มยิ้มเพื่อยืนยันสิ่งที่พูด ความทรงจำทั้งหมดได้บอกอยู่แล้วว่าทั้งสองคนนี้คอยดูแลร่างเดิมตอนได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และเธอก็หวังว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ทั้งคู่จะสามารถสานสัมพันธ์กันต่อไปได้ เมื่อไม่สามารถคัดค้านใดๆ ได้ทั้งสองจึงได้แต่จำยอมปล่อยให้เจ้าสำนักคนสำคัญออกไปท่องเที่ยวพักผ่อน แต่ยังคงย้ำอีกครั้งว่าต้องส่งข่าวหากันบ้าง มิเช่นนั้นพวกเขาจะส่งคนออกตามหา ซึ่งเฟิ่งหงทำได้แค่รับปาก ด้วยเกรงว่าเพื่อนในวัยเด็กจะรั้งเธอมิให้เดินทางเสียที “ท่านเจ้าสำนัก จะมิให้พวกข้าตามไปด้วยจริงๆ หรือเจ้าคะ” เสียงหวานใสของหญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อผู้เป็นนายกำลังเตรียมออกเดินทาง “เจ้าอยู่ที่นี่แหละซิงซิง เจ้าด้วย พวกเจ้าต้องเป็นหูเป็นตาให้ข้าที่นี่ อย่างน้อยข้าก็ยังวางใจไปพักรักษาตัวได้อย่างสบายใจ” เฟิ่งหงอ้างเหตุผลพันแปดเพื่อไม่ให้ทั้งสองนางตามเธอไป ด้วยท่านอ๋องเองก็มีฝีมือ มิน้อย ถ้ามีคนตามเธอไปมีหวังคงวุ่นวายแน่ “เจ้าค่ะ” สองสาวรับคำเสียงแผ่ว ใบหน้าน่ารักเศร้าโศกประดุจลูกหมากำลังโดนทิ้ง “และห้ามแอบตามไปล่ะ ถ้าข้ารู้ข้าจะโกรธพวกเจ้า” สาวน้อยในชุดสีฟ้าอ่อนเหลือบครามปักลายนกตัวเล็กๆ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม ก่อนจะหักใจใช้วิชาตัวเบาออกเดินทางทันที มิเช่นนั้นคงมีคนมายื้อเธอเอาไว้อีกเป็นแน่ การเดินทางของเธอนับว่าเรียบง่าย ลำบากแค่ตอนออกจากสำนักมาเพียงเท่านั้น ระหว่างทางเธอก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าจะทำเช่นไรดีถึงจะสามารถเข้าหาท่านอ๋องของเธอได้ ‘แกล้งทำเป็นย้ายเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วทำความรู้จักดีรึเปล่า ไม่ๆ ในนิยายตอนพิเศษมีเขียนไว้ว่าเขาปฏิเสธหญิงสาวทุกคนที่เข้าหา อืม….หรือจะทำเป็นคนส่งข่าวจากวังหลวงดีล่ะ…เฮ้อ มันจะได้ที่ไหนกัน ขืนทำแบบนั้นก็ความแตกตั้งแต่ยังไม่เริ่มสิ โอ้ย! เอาไงดีนะ หรือจะเข้าไปบอกทุกสิ่งทุกอย่างไปตามความจริงเลยดี….ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!...แต่ครอบครัวนางเอกในนิยายก็เชื่อง่ายๆ เลยนะ’ เฟิ่งหงถกเถียงกับตนเองจนวุ่นวายใจไปตลอดทาง จนกระทั่งได้ข้อสรุปว่า คนที่นางเอกในนิยายบอกนั้นคือคนในครอบครัว มีความผูกพัน และอยู่ด้วยกันมานาน ถ้าจะเชื่อมันก็ไม่แปลก แต่สำหรับเธอและท่านอ๋องเธอคือคนแปลกหน้า ถึงจะเล่าที่มาที่ไปของเขาได้ถูกต้องจนหมดเปลือก ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันได้เลยว่าเขาจะเชื่อเธอ ดีไม่ดีอาจจะสังหารเธอทิ้งข้อหาเป็นภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของพี่ชายเขาก็ได้ ก็นะ…ความจริงที่ฮ่องเต้ช่วยชินอ๋องซึ่งโดนโทษประหารในข้อหากบฎต่อแผ่นดินนั้นสามารถล้มบัลลังก์มังกรได้อย่างแน่นอน ‘เจ้าน่ะ เป็นใครกัน’ เสียงทุ้มเล็กๆ ดังขึ้นในหัวจนคนที่นั่งพักอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัว “ใครน่ะ!” เสียงหวานตวาดลั่น สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณชายป่า ‘เจ้าจะตะโกนทำไม เจ้าก็ได้ยินเสียงข้าอยู่ในหัวเจ้า’ น้ำเสียงหน่ายใจนั่นเป็นความคุ้นเคยอันน่าประหลาด ขณะนั้นเองความทรงจำเสี้ยวหนึ่งก็ผุดขึ้นมา ‘อู้อวิ๋น!! (เมฆหมอก) ’ เฟิ่งหงตอบกลับในกระแสจิตอย่างที่เห็นในภาพที่พาดผ่านเมื่อครู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม