ตอนที่ 2 การก่อตั้งสำนักมาร

1581 คำ
ทุกวันนางต้องทนทรมานจากความเจ็บปวดของพิษที่กำเริบและไม่สามารถรักษามันให้หายขาด เพราะบิดามารดาของนางทำแค่เพียงไม่ให้นางตายโดยเลี้ยงมันเอาไว้ในร่างกายของนาง ตามตำราลับที่พวกเขาได้มากล่าวว่า สัตว์มีพิษสามารถถูกฝึกให้เชื่อฟังจากผู้ที่มีพิษมากกว่าได้ และนางก็ถูกใช้เพื่อฝึกวิชาลับนั่น เวลาผ่านไปความเจ็บปวดทรมานมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ครั้นเมื่อนางฝึกวิชาลับนั้นสำเร็จ สิ่งแรกที่นางตัดสินใจทำคือสังหารผู้เป็นบิดามารดาของตนเองอย่างไร้เยื่อใย หลังจากนั้นนางจึงเลือกเส้นทางการก่อตั้งสำนักมารขึ้น ศิษย์ในสำนักส่วนมากคือเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งพิง ครั้นเมื่อได้เรียนรู้วิชาพิษก็เริ่มรับงานลอบสังหารง่ายๆ เช่น แฝงตัวเป็นบ่าวลอบวางยาฮูหยินเอก หรือไม่ก็ลอบวางยาบุคคลไม่สำคัญเพื่อป้องกันการโดนตามล่า และด้วยเพราะวิชาที่ส่งต่อกันของเจ้าสำนักเป็นวิชาปราณพิษ อายุขัยของแต่ละคนจึงไม่มาก ยิ่งร่างกายต่อต้านมากเท่าไหร่ ก็ทำให้เสียชีวิตไวเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ถูกเลือกคือเด็กที่มีร่างกายเข้ากันได้กับพิษทั้งหลาย เจ้าสำนักรุ่นแรกได้ออกกฎไว้ว่าผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งนี้ต้องเป็นเด็กกำพร้าหรือโดนพามาตั้งแต่ยังเป็นทารกเท่านั้น และตัวเฟิ่งหงเองก็เป็นทารกที่ถูกลักพาตัวมาเช่นกัน “เรื่องราวลึกลับซับซ้อนจริงๆ เฮ้อ” จางเฝ**นลู่หรือยามนี้เธอได้กลายเป็นเฟิ่งหงไปเสียแล้วอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ เพราะเรื่องราวมันวุ่นวายมากกว่านั้นเมื่อตัวร้อยอสรพิษถูกเลี้ยงดูมาพร้อมกันกับเด็กหลายๆ คน มีทั้งบุตรของผู้อาวุโสในสำนัก ศิษย์รุ่นเดียวกัน รวมไปถึงอีกหนึ่งตัวเลือกที่เข้าชิงตำแหน่งเจ้าสำนักคู่กันกับนาง ซึ่งเมื่อนางได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักเนื่องจากมีร่างกายที่เข้ากันกับพิษได้อย่างดีเยี่ยม หญิงสาวคนนั้นก็ได้รับหน้าที่ออกไปแฝงตัวยังแคว้นแห่งหนึ่ง จากความทรงจำแคว้นนั้นคือแคว้นจ้าว “ผู้หญิงคนนั้นคือ พระสนมหลิวซูซ่าน (ความเมตตาอันงดงาม) สนมนางหนึ่งที่มีเขียนบรรยายไว้เพียงไม่กี่บรรทัดว่างดงามล่มแคว้นและเป็นคนของยุทธภพ คือนางนั่นเอง!” แน่นอนว่านั่นเป็นชื่อปลอมที่ลู่เพ่ย (หยกที่น่าเลื่อมใส เทิดทูน) ใช้หลอกล่อฮ่องเต้แคว้นจ้าว พวกนางเป็นเพียงเด็ก ไร้ตัวตน มีแซ่ที่ไหนกัน เฟิ่งหงประติดประต่อเรื่องทั้งจากนิยายและในความทรงจำของเธอ ลู่เพ่ยและเจ้าของร่างเดิมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กสนิทสนมกันจนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนรัก แม้แต่ตอนที่เฟิ่งหงรับตำแหน่งเจ้าสำนักนางก็เข้ามากอดและกล่าวคำว่านางจะคอยสนับสนุนเฟิ่งหงตลอดไป จนกระทั่ง ลู่เพ่ยแฝงตัวเข้าไปเป็นสนมแคว้นจ้าวอยู่ 2 ปี ต่อมาส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ บอกว่ากำลังโดนจับผิดและลองใจว่าเป็นสายลับรึไม่ ฮ่องเต้แคว้นจ้าวสั่งให้ลู่เพ่ยที่ดำรงตำแหน่งสนมหาวิธีให้องค์หญิงผู้ซึ่งต้องเดินทางไปแคว้นเหลียงได้รับการอภิเษกสมรสเพื่อเป็นการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแคว้น จะกับฮ่องเต้ก็ดี กับชินอ๋องก็ถือว่าไม่แย่ ดังนั้นนางจึงอยากให้เฟิ่งหงลอบวางยาปลุกกำหนัดทั้งสองพระองค์ เพราะการรักษาความปลอดภัยของแคว้นเหลียงนั้นรัดกุมมาก การที่ให้ร้อยอสรพิษลงมือนั้นปลอดภัยที่สุด ฉายาร้อยอสรพิษนี้ได้มาเพราะเจ้าของร่างเดิมสามารถฝึกสัตว์พิษได้มากกว่าร้อยชนิด และพิษที่นางใช้ยังมากมายตั้งแต่พิษธรรมดาไปจนถึงพิษร้ายแรง ไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้านางมาก่อนด้วยนางปกปิดตัวตนได้ดีเยี่ยม นางจึงตกปากรับคำเพื่อนสมัยเด็กไป และนั่นคือการเดินลงสู่หลุมกับดักที่ลู่เพ่ยได้ขุดเอาไว้ “คนที่เราไว้ใจ มักหักหลังกันได้อย่างร้ายกาจที่สุดสินะ” เธอเหนื่อยหน่ายจริงๆ ชีวิตก่อนเธอพบเห็นการหักหลังกันมากมายในแวดวงธุรกิจ ลู่เพ่ยคงอิจฉาริษยาเฟิ่งหงที่ได้รับเลือกสู่ตำแหน่งเจ้าสำนัก นางถึงวางกับดักหลอกล่อให้เฟิ่งหงทำผิดกฎยุทธภพ ทั้งยังมีเรื่องน่าแปลกใจที่ ตัวลู่เพ่ยเองกลับแอบไปฝึกวิชามารนอกรีตอย่างมนต์ดำและลอบทำร้ายเฟิ่งหง สุดท้ายแม้เจ้าของร่างเดิมจะหนีจากการลอบสังหารกลับมาจนถึงสำนักได้แต่ก็สิ้นใจเพราะมนต์ดำนั่น เรื่องราวมากมายเกี่ยวโยงกันจนเธอปวดหัว เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ อย่างน่าหงุดหงิด แล้วเหตุใดเธอจึงมาอยู่ในร่างนี้? มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอมาไกลถึงนี่กัน? จะให้เธอมาตามล้างแค้นให้เฟิ่งหงคนก่อนอย่างนั้นหรอ? ....บ้าแล้ว! เธอเป็นเพียงลูกคุณหนูไฮโซที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงดังในบทนางร้ายนะ!! จะเอาอะไรไปสู้กับคนที่ฝึกกระทั่งวิชามารนอกรีตแบบนั้นล่ะ ให้มานั่งแก้แค้นแทนร่างนี้เธอได้ตายอีกรอบพอดีกัน ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดึงสติอันฟุ้งซ่านของเฟิ่งหงให้กลับมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองออกคำสั่งคนรับใช้เอาไว้ ไม่ให้ผู้ใดรบกวนนี่ “หงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ให้ข้าเข้าไปดูอาการหน่อยได้รึไม่” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์ทำให้คิ้วที่เคยขมวดกันคลายลง จากความทรงจำคนที่มาเยี่ยมเธอตอนนี้คงเป็น สวีหวังเหว่ย (ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่) เพื่อนสมัยเด็กอีกคนของเจ้าของร่างเดิม และดูจากท่าทางในภาพจำเหล่านั้น ผู้ชายคนนี้คงแอบหลงรักเฟิ่งหงมานานแล้ว “หยุดเลย จางเฝ**นลู่ เธอห้ามนอกใจท่านอ๋องเด็ดขาด!” เฟิ่งหงคนใหม่กล่าวราวกับจะย้ำเตือนตนเองให้จำให้แม่น ในชีวิตก่อนเธอต้องการดูแลชินอ๋องเช่นไร ครานี้เธอได้มีโอกาสทำเช่นนั้นแล้ว จะมาเสียเรื่องเพราะผู้ชายหน้าตาดี นิสัยดี น่ารัก อบอุ่น ไม่ได้! ก๊อก ก๊อก ก๊อก “หงเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดรึไม่ ข้าได้ยินเสียงเจ้าพูดเบามาก หรือเจ้าจะไม่มีแรงแม้แต่จะพูดกันนะ” สวีหวังเหว่ยเคาะประตูห้องอีกครั้งด้วยความกังวล เขาไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า เผื่อว่าเจ้าของห้องอาจจะทำธุระส่วนตัวอยู่ โดยท้ายประโยคเขาพูดเหมือนถามตนเองมากกว่า “เข้ามาสิ” เสียงหวานติดแหบเล็กน้อยจากการเจ็บป่วยเอ่ยบอก ด้วยไม่อยากให้คนข้างนอกสงสัย แอ๊ดดดดด เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างกายสูงโปร่งในชุดสีน้ำเงินเข้มปักลายเมฆาจะเยื้องย่างเข้ามาในห้องส่วนตัวของเจ้าสำนัก เฟิ่งหงพิจารณาคนตรงหน้าด้วยการกวาดสายตาเพียงไม่นาน ใบหน้าคมสันได้รูป คิ้วกระบี่เป็นทรงสวยรับกับดวงตาเรียวแหลมดูเฉลียวฉลาด จมูกโด่งทรงหยดน้ำประหนึ่งไปทำศัลยกรรมความงามมา ริมฝีปากหยักสีชมพูเข้ม ผมเงาสีดำขลับดุจแพรไหมถูกรวบตึงแล้วสวมด้วยกวาน รูปร่างไม่ถึงกับกำยำล่ำสันแต่ก็ไม่เพรียวบางจนเกินไป โดยรวมแล้วถึงว่าเป็นผู้ชายที่หล่ออันดับต้นๆ มากกว่าดาราบางคนที่เธอเจอมาเสียอีก “หงส์เอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ขาเรียวยาวก้าวเข้ามาหาร่างบางบนที่นอนอย่างร้อนรน หลังจากอีกฝ่ายกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องมาตลอด “อาเหว่ย เจ้าจะกังวลเกินไปแล้ว” ราชินีจอเงินสวมบทบาทอย่างรวดเร็วราวกับมีเสียง ‘แอคชั่น!’ ของผู้กำกับดังอยู่ในหัว “จะไม่ให้กังวลได้เยี่ยงไร เจ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง เจินเอ๋อร์ก็เป็นห่วงเจ้ามาก ยามนี้นางไปต้มของบำรุงมาให้เจ้าอีกแล้ว” เสียงทุ้มของ สวีหวังเหว่ยอ่อนโยนและห่วงใยจนคนฟังเกือบจะเคลิบเคลิ้มไป ‘ยัยเฝ**นลู่! หล่อนจะนอกใจท่านอ๋องไม่ได้นะ!’ เสียงใสในสมองร้องดังดึงสติไม่ให้เผลอไผลไปกับหนุ่มหล่อแสนอบอุ่นตรงหน้า อา…แสงจากเทพบุตรสาดส่องหน้าเธอจนเธอต้องหยีตาเลยทีเดียว “แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น” เธอตอบกลับไปพร้อมกับความคิดมากมายในหัว เอาเถิด ถึงแม้เธอจะต้องเทผู้ชายแสนดีตรงหน้า แต่ก็มีสาวน้อยบางคนเฝ้ารอรับไปดูแลอยู่ล่ะนะ “บาดเจ็บเล็กน้อยตรงไหนกัน เจ้าเก็บตัวมาแรมปีแล้วนะ” เสียงกระเง้ากระงอดดังมาจากหน้าประตูพร้อมร่างบางระหงในชุดสีชมพูอ่อนปักลายดอกเหลียนฮวา (ดอกบัว) ดูสดใสสมวัย นี่แหละสาวน้อยที่เธอพูดถึง นางคือ เซี่ยจินเจิน (ล้ำค่าดุจทองคำ) เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูมาพร้อมๆ กันกับเจ้าของร่างเดิมตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนนี้เป็นบุตรของผู้อาวุโสในสำนักและนางก็แอบรักชายหนุ่มมานานเช่นกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม