“แค่ท่านให้ที่ซุกหัวนอนกับคนแปลกหน้าเช่นข้า นั่นก็เป็นพระคุณแล้วเจ้าค่ะ!” รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้างามจนใจชายหนุ่มสั่นไหว
“อืม ข้ามีนามว่า จิ้นเจิ้นเทียน เจ้าเรียกข้าว่า พี่เจิ้นเทียนเถิด ดูแล้วเจ้าคงอายุน้อยกว่าข้า” ซึ่งเขาคงเดาได้ถูกแล้ว ตัวเขามีอายุ 19 หนาว แต่ดรุณีน้อยนางนี้คงเพิ่งผ่านการปักปิ่นมาไม่นาน แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้คือวิญญาณด้านในของนางอายุ 24 หนาวแล้ว
“พะ พี่เจิ้นเทียน” สาวน้อยช่างว่าง่าย ใบหน้านวลแดงเรื่อยามเอ่ยเรียกคนตรงหน้า
‘นางดูเชื่อคนง่ายเกินไปรึไม่ ถ้าข้าเป็นคนร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร’ ชายหนุ่มเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้กล่าวออกไป เพราะถ้าเกิดเขาทักเรื่องนี้นางคงกลับมาหวาดระแวงอีกครั้ง
“ต่อไปเจ้าก็นอนที่ห้องนี้ ส่วนข้าจะไปนอนที่ห้องโถง” เขาบอกพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปจัดแจงที่นอนสำหรับคืนนี้ แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปก็รู้สึกถึงชายเสื้อที่ถูกดึงเอาไว้เสียก่อน
“หืม” เสียงทุ้มดังในลำคอ คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไรรึไม่
“ข้าไปนอนที่ห้องโถงเองเจ้าค่ะ แค่ท่านช่วยข้าก็มากพอแล้ว ถ้ายังต้องมาสละที่นอนให้ข้าอีกคงเป็นการรบกวนท่านมากเกินไป” เฟิ่งหงกล่าวด้วยความรู้สึกจากใจจริง เธอไม่อยากให้เขาลำบากเพราะเธอเลยสักนิด แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดที่ต้องหลอกลวงเขาจะแย่อยู่แล้ว
“ข้าเป็นบุรุษ นอนที่ไหนก็เหมือนๆ กันนั่นแหละอย่าได้กังวล เจ้าก็นอนพักเพิ่มเสียหน่อย ข้าจะเข้าเมืองไปซื้อของใช้ของเจ้ามาให้” พูดจบร่างสูงก็ผละไปไม่รอคำปฏิเสธอีก เขาคงต้องไปหาเสื้อผ้ามาให้นางเปลี่ยนเสียก่อน เมื่อครู่นางลุกจากผ้าห่มไปอยู่ติดผนัง ชุดบางส่วนที่ขาดเผยผิวกายขาวผ่องสู่สายตาของเขาจนใบหูแดงไปหมด ดีที่มันอยู่ใต้เส้นผมนางจึงไม่ทันเห็น
“กรี๊ดดดดดดดดด เขาหล่อมากกกกกกกก โอ้มายก็อดดดด (Oh my god) ” เมื่ออยู่เพียงลำพังเธอก็จับสัมผัสว่าเขาไปแล้วจริงๆ จากนั้นจึงระเบิดอารมณ์ที่กักเก็บเอาไว้ออกมาทันที เธอแทบอยากจะกรีดร้องออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้าของชายในฝัน สามีมโนที่เธอเอาแต่คิดถึงเขาตลอดเวลาขณะอ่านนิยายเรื่องนั้น ตัวจริงหล่อกว่าคำบรรยายที่นักเขียนบรรยายเอาไว้เสียอีก ขนาดพระเอกชั้นแนวหน้าบางคนยังเทียบไม่ได้เลย
“ขนาดอยู่ในชุดธรรมดายังดูดีขนาดนี้ ถ้าเทียนเกอแต่งตัวแบบในชีวิตก่อนของข้าล่ะก็….อร๊ายยยยย” สรรพนามสนิทสนมเหล่านี้ล้วนมาจากการที่เธอพร่ำมโนถึงบุรุษในดวงใจมาเนิ่นนาน ยามถ่ายหนังเสร็จก็จะมาติดตามอ่านนิยายออนไลน์ที่นักเขียนลงให้อ่านฟรีเพียงวันละตอน ซึ่งไม่เหมาะกับคุณหนูใจร้อนอย่างเธอมาก! แต่เพราะนักเขียนลงในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวันจึงทำให้การรอคอยของเธอยังมีจุดหมายปลายทางไม่ต้องแคว้งคว้าง จนกระทั่งนิยายเรื่อง ‘จากสาวนักฆ่า มาเป็นคุณหนูจวนแม่ทัพ’ ออกเป็นเล่ม E-book ออกมา เธอจึงไม่รีรอที่จะซื้อมาอ่านรวดเดียวจนจบ…และนั่นก็ทำให้เธอต้องเสียใจอยากรุนแรง เพราะพระรองคนนี้ของเธอถูกนักเขียนรังแกจนไม่มีชิ้นดี!
แต่เอาเถิด ตอนนี้เธอได้มาพบเขาแล้ว เธอจะเป็นผู้มอบความสุขที่เขาโหยหาให้เอง! ดวงตาคมเฉี่ยวฉายแววมุ่งมั่น จากนั้นร่างบางระหงก็พยุงกายลุกจากที่นอน สายตาสาดส่องหาผ้าขี้ริ้วและถังน้ำ บทเรียนแรกของการเป็นภรรยาที่ดี งานบ้านต้องหมดจด!
……..
….
..
“นะ นี่เจ้าลุกขึ้นมาทำอันใดกัน” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยอย่างตะกุกตะกักกับภาพตรงหน้า โฉมงามที่ควรนอนอยู่บนเตียงบัดนี้อยู่ในสภาพเปรอะเปื้อนและเปียกปอนจนดูแทบไม่ได้ ที่ดูไม่ได้เพราะเสื้อผ้าซึ่งขาดรุ่งริ่งนั่นยิ่งเปียกน้ำยิ่งแทบปิดสิ่งใดไม่มิด
“ขะ ข้าอยากตอบแทนพี่เจิ้นเทียนบ้างเจ้าค่ะ คิดว่าแค่ทำความสะอาดบ้านเท่านั้น ไม่คิดว่า….ฮึก” เสียงหวานสั่นเครือด้วยความเสียใจ เนื่องจากคุณหนูไฮโซเช่นเธอไม่เคยทำอะไรเช่นนี้ แทนที่จะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ กลายเป็นจะโกรธเคืองเสียมากกว่า เพราะบ้านไม้เปียกแฉะไปแทบทุกที่ เธอจำได้ว่าสาวใช้ในบ้านแค่เอาผ้าชุบน้ำ แล้วก็ถูๆ เท่านั้นก็เรียบร้อยนี่นา แน่นอนเฟิ่งหงไม่รู้ว่าไม้ถูพื้นที่สาวใช้ใช้นั้นเป็นแบบรีดน้ำอัตโนมัติ เพียงจุ่มๆ แล้วยกขึ้นมา กดปุ่มคำสั่งมันก็จะรีดน้ำส่วนเกินออกไปทันที
“คงเพราะเจ้าไม่เคยทำกระมัง ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวข้าจัดการเอง” จิ้นเจิ้นเทียนคาดเดาจากผิวพรรณที่ขาวนวลเนียนราวกับหิมะแรกของอีกฝ่าย คิดว่าคงเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่เป็นแน่ มือหนาวางสิ่งของมากมายที่ซื้อมาเอาไว้ที่โต๊ะไม้หน้าบ้าน เพราะโต๊ะในบ้านเปียกโชกไปด้วยน้ำจนเขาต้องเดินไปหยิบผ้าเก่าๆ ผืนหนึ่งมาเช็ดใหม่ทั้งหมด
“พี่เจิ้นเทียน…ท่านสอนข้าได้รึไม่เจ้าคะ ข้าอยากทำประโยชน์ให้กับท่านบ้าง” ใบหน้างามกดงุดจนแทบชิดอก ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดแล้วกลัวโดนดุ
“เจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอา ข้าซื้อชุดใหม่มาให้เจ้าแล้วแต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะใส่ได้พอดีหรือไม่ มันวางอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านนั่น” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมชี้ไปยังกองสิ่งของที่เขาวางเอาไว้
“เจ้าค่ะ” เฟิ่งหงรับคำเสียงอ่อย เธอรู้สึกตนเองมอมแมมเกินไป จึงรับคำอย่างง่ายดาย ไม่อยากเอาสภาพไม่น่ามองให้เขาเห็นบ่อยนัก
เมื่อร่างบางเดินคอตกออกไปแล้ว บุรุษหนึ่งเดียวในห้องก็ยกยิ้มขำ แววตาฉายชัดถึงความเอ็นดูคนตัวเล็ก นางทำท่าประหนึ่งว่าจะโดนเขาตีเสียอย่างนั้น ดูเหมือนตั้งแต่พบนางเพียงไม่ถึงวันเขากลับมีรอยยิ้มที่หาได้ยากในรอบปีที่ผ่านมา
“เสร็จแล้วหรือ เช่นนั้นก็มาทานมื้อเย็นกันก่อนเถิด ข้าซื้อหมั่นโถและบะหมี่เนื้อมา เจ้ากินได้ใช่หรือ-” เสียงทุ้มขาดหายไปช่วงนึงเพราะดวงตาคมเงยขึ้นมาสบเข้ากับร่างบอบบางที่อาบน้ำทำความสะอาดจนกลิ่นกายหอมกรุ่น รูปร่างสมส่วนในชุดปกติเผยให้เห็นสิ่งที่ควรมีก็มีไม่ได้ขาด สิ่งที่ควรเว้าก็คอดกิ่วจนดูเหมือนจะโอบได้ด้วยแขนข้างเดียว แม้นางจะอยู่ในชุดผ้าหยาบสีหม่นธรรมดาแต่กลับดูราวนางปีศาจตัวน้อยที่แปลงกายมา ใบหน้านั่นงดงามยั่วยวนไม่ได้สวยหวานหรือดูอ่อนแอราวดอกบัวขาว แต่นั่นยิ่งทำให้ใจซึ่งเคยบอบช้ำจากการผิดหวังกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง
“ข้ากินได้เจ้าค่ะ” ถึงเธอจะค่อนข้างเลือกกินมากในชีวิตก่อน เพราะอาหารส่วนมากเชฟประจำตระกูลเป็นผู้จัดการทุกอย่างด้วยวัตถุดิบระดับดีเยี่ยม แต่เมื่อมาอยู่ในยุคนี้เธอก็สามารถปรับตัวได้เช่นกัน
“อืม” เสียงหวานที่ตอบกลับมาเรียกสติของชายหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ มือหนายื่นตะเกียบไม้ที่ทำขึ้นเองให้อีกฝ่าย พร้อมนั่งลงฝั่งตรงข้าม ตรงหน้าเป็นชามบะหมี่คนละชาม และหมั่นโถคนละลูก ทั้งสองต่างลงมือกินกันเงียบๆ จนจบมื้ออาหาร
“ข้าจะล้างเองเจ้าค่ะ” เฟิ่งหงกล่าวอย่างกระตือรือร้น เธอยังคงเชื่อมั่นว่าการเป็นภรรยาที่ดีควรเริ่มต้นที่งานในบ้าน! เพราะนางเอกส่วนมากก็เก่งงานบ้านกันทั้งนั้น…
“เจ้ามั่นใจหรือ” จิ้นเจิ้นหลงถามด้วยความไม่มั่นใจ ขนาดถูบ้านนางยังทำให้บ้านไม้ของเขาแทบเปียกไปทั้งหลัง
“อื้อ!” คนตัวเล็กรับคำอย่างแข็งขัน แค่ล้างชามเอง มันจะไปยากอะไร!
“ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้น…ก็ตามใจเจ้า” ชายหนุ่มรับคำอย่างไม่มีทางเลี่ยง เห็นนางมุ่งมั่นขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากขัดใจนาง
“ข้าจะทำให้ดีเจ้าค่ะ” เฟิ่งหงตอบรับอีกครั้งก่อนจะเก็บชามบนโต๊ะแล้วเดินไปทางหลังบ้านซึ่งมีโอ่งน้ำอยู่