ลงกับใครไม่ได้ ฉันเลยหันไปหาเพื่อนผู้ชายเต็มขั้นที่นั่งอยู่ข้างตัว คนกำลังร้องเพลงเกือบสะดุ้ง หันมามองฉัน พร้อมกับทำหน้าเหวอ
“ไรวะ? ผีเข้ารึไง”
“เข้าแกน่ะเซ่! รูดซิปเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”
กล้าสะดุ้งสุดตัว โยนไมโครโฟนทิ้งลงโซฟาข้างกาย พร้อมกับตะปบเป้ากางเกงตัวเองอย่างไว ฉันเลยฉวยจังหวะนั้นคว้าไมโครโฟนมากะร้องเพลงที่กล้าร้องค้างไว้ ฮ่าๆ เสียรู้ผู้ฉลาดล้ำโลกซะแล้ว
‘เป็นกะเทยควาย! แอบมองพวกผู้ชาย เห็นแล้วต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ด เช็ด เช็ดน้ำลาย ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่สนใจว่าใครจะมอง กะเทยควายเราออกอาการ เก็บอาการไม่ไหวอยู่แล้ว...’
ฉันชะงัก อ้าปากค้าง ทำไมเพลง I will survive เปี๋ยนไป๋ ทำนองใช่ชัดๆ แต่นี่มันเพลงอะไรคะ? เมื่อกี้ก็มัวโมโหจนลมออกหูเลยไม่ทันฟัง พอกล้ากับปืนหันมาเห็นหน้าเอ๋อๆ ของฉัน พวกมันก็ฮาครืน ก่อนที่กล้าจะแย่งไมโครโฟนกลับไปจ่อปาก ร้องคลอเสียงต้นฉบับ ขยับตัวเต้นยึกยักซะเกือบเหมือน
‘ว้าย กะเทยควาย ชอบยิ้มให้ผู้ชาย เห็นแล้วมันทนไม่ไหวต้องเอามาซ้ดซดให้สะใจ ไม่สนใจว่าใครจะมอง ไม่สนใจว่าใครจะมอง กะเทยควาย มันออกอาการอยู่แล้ว... Buffalo yeh...’ [1]
ใหม่กับสต็อปกุมท้องหัวเราะลั่นแบบที่ถ้าเป็นยามปกติฉันก็จะหัวเราะร่วมกับพวกมันนะ แต่ตอนนี้ไม่ปกติเฟ้ย เครียด! เหมือนโดนตอกย้ำเรื่องที่สารภาพรักกับเก้งกวางแบบนังบลูเบอร์รี่ -*- ต้องอาศัยน้ำดับพิษ!
“เฮ้ย พิ้งค์ นั่นมันสปาย!”
พรวด!
ไม่ทัน... ใหม่กับสต็อปต่างยื่นสองมือมาหาฉันแต่ห้ามไม่ทัน น้ำสีกุหลาบออกดำรสหวานเฝื่อนๆ ที่ฉันซดด้วยความเจ็บใจ ตอนนี้ถูกพ่นใส่หน้ากล้าเป็นที่เรียบร้อย หงะ... อย่าค่อยๆ หันมาทำหน้าเหี้ยมแบบน้าน! เพื่อนพิ้งค์คนงามไม่ได้ตั้งใจจริงๆ น้า T^To
“พิ้งค์! แกตาย!”
ว้าก! ฉันลุกพรวดวิ่งหนีไปรอบห้องท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนของเหล่าเพื่อนทรยศ! ถ้ารอดไปได้ฉันจะแจ้งความ พวกแกยังไม่บรรลุนิติภาวะนะเฟ้ย ริอ่านกินสปาย จะฟ้องคุณพ่อฉัตรชัย! (อาจารย์ฝ่ายปกครอง)
แต่กล้าก็ชะงักกึกเมื่อถูกบลูรั้งคอเสื้อด้านหลังไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หมอนั่นหันไปโวยวายใส่บลูแทน แล้วทุกอย่างก็จบลงตรงนั้น เหมือนทุกครั้งที่บลูช่วยฉันไว้... ความร้อนในปากพลันวูบวาบลงคอไป พอหยุดวิ่งก็กลับมึนศีรษะจนแทบทรงตัวไว้ไม่ไหว บ้าเอ๊ย! ฉันแพ้สปาย... ฉันพ่ายแอลกอฮอล์...
“พิ้งค์!” คือเสียงประสานดังก้องโสตประสาท ก่อนสวิตช์สติฉันจะดับลงโดยไม่ทันตั้งตัว
ริมถนนใหญ่ยามดึกสงัดของตัวเมืองขอนแก่น สว่างจ้าด้วยเสาไฟฟ้าหลายสิบต้นวางเรียงราย และไฟหน้ารถที่วิ่งสวนกันไปมาเป็นระยะดูวังเวง หากเมื่อแว่วเสียงหัวเราะของเหล่าเด็กหนุ่มสาววัยใส ก็ราวกับความเงียบเหงากระเจิงวับหายไปในราตรี
เด็กสาวหนึ่งในนั้นถูกแบกอยู่บนแผ่นหลังหนึ่งในเพื่อนชาย ใบหน้าสวยสมวัยแดงจัดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และลามลงคอมาถึงแขน เรื่องสัพเพเหระถูกยกขึ้นมาคุยกันเฮฮา แต่ร่างโปร่งที่แบกยัยตัวเล็กไว้กลับเงียบขรึมผิดวิสัย จังหวะการก้าวเดินตามเพื่อนทั้งสี่เบื้องหน้าก็ช้าลง ราวอ่อนแรง
“เฮ้ยบลู ถ้าหมูพิ้งค์มันหนักให้ฉันช่วยก็ได้” ปืน เพื่อนชายตัวโตสมฉายาหมีควายปลาร้าสับหันมารับอาสา แต่บลูขยับร่างเล็กบนหลังจนเข้าที่ แล้วส่ายหน้า ผองเพื่อนเลยกลับไปคุยเล่น เฮฮา เดินห่างออกไปทีละน้อยจนเกือบลับตา บลูสาวเท้าไปข้างหน้าช้าๆ ก่อนพึมพำออกมาเสียงเบา ทั้งที่ก็รู้ว่าเด็กสาวที่หลับสนิทบนแผ่นหลังไม่มีทางได้ยิน...
“ขอโทษนะ พิ้งค์”
[1] เพลง กะเทยควาย ศิลปิน ใหญ่ ประสงค์