หมู่บ้านภักดีแผ่นดิน หมออบเชย ดีใจเมื่อเห็นหน้าทั้งหลานชายและหลานสาว คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆไม่งั้นหลานชายไม่รีบขับรถหาถึงบ้านแบบนี้
“สวัสดีครับยาย /สวัสดีค่ะยาย”สองคนยกมือไหว้ยายเชยพร้อมกัน
“ยายสบายดีนะคะ คิดถึงจังเลยค่ะ”เรณูเข้าไปโอบกอดเอวผู้เป็นยาย
“เหมือนกันครับผมคิดถึงยายมากที่สุดเลย”
“ปากหวานกันจริงนะหลานๆนี่ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน เดินทางเป็นยังไงบ้าง”
“ทั้งทหารทั้งตำรวจ เยอะแยะไปหมดเลยครับ ยาย”
“คงสักระยะนั่นแหละ นี่มากันพ่อกับแม่รู้ไหม”
“เออ...ขวัญ พี่ลืมเลย แล้วนี่ต้องบอกไหมเนี้ย พ่อกับแม่จะมีเวลาคิดไหม ว่าเรามาหายายทำไม ผมว่าไม่ต้องบอกดีสุดครับยายมะรืนผมก็กลับแล้ว น้องลางานได้สามวันเอง “
“สามวันก็คุ้มแล้ว มาช่วยยายได้เยอะเลย พรุ่งนี้เราจะไปที่ศูนย์อพยพ”
“ได้เลยจ๊ะยาย แต่ตอนนี้ขอกินข้าวนะคะหิวมากเลย “
“ยายครับ ผมต้องพบสามคนพ่อแม่ลูกข้างล่าง และด่วนมาก งดเครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง ช่วงที่ยายคุยกับเขาไม่ได้พกโทรศัพท์ใช่ไหมครับ”
“ไม่มี ยายรู้ รออีกสิบนาทีนะ ยายปิดสัญญาณสื่อสารแป๊ปเดียว ”
ทั้งสามคนลงไปด้านล่าง เรณูถือขนมที่พี่ชายซื้อมาจากกรุงเทพฯเดินรั้งท้าย ยายนำหน้า เขตชัยคนที่สอง สองพี่น้องคุ้นเคยกับห้องใต้ดินบ้านยาย สมัยเด็กๆสองคนเข้ามาช่วยยายทำงานบ่อยๆ
ภาพตรงหน้าคือชายร่างใหญ่ผิวเข้ม นอนอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีผู้หญิงหน้าตาสวยคม บนตักมีเด็กหญิงผมหยิกหยอยนั่งอยู่ เรณูส่งยิ้มให้แม่กับลูก
สองผัวเมียรู้ว่าเธอเป็นหมอ เพราะใส่เสื้อมีสัญลักษณ์สีขาวมีป้ายชื่อบอก ส่วนผู้ชายอีกคนน่าจะเป็นพี่น้องกัน หน้าคล้ายกันมาก
“นี่หลานชายฉันชื่อเขตชัย เขามีบริษัทฯค้าขายพวกเวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ คนนี้หลานสาวเป็นน้องของเขตชัย หมอเรณู เรียกหมอขวัญก็ได้ เป็นหมอศัลยกรรม ทำงานอยู่โรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ”
“สองคนผัวเมียยกมือไหว้ทั้งสองคน หมอขวัญยื่นขนมให้เด็กน้อย เด็กหญิงยกมือไหว้ขอบคุณ”
“ผมเป็นเพื่อนกับอินทนนท์ เพื่อนที่สนิทกันมาก คุณไม่ต้องตกใจเขาปลอดภัยดี เขาไม่ได้ผิดนัดที่จะมาหายาย ข้ามมาแล้วแต่ถูกยิง เพราะเข้าช่วยลูกน้อง ปะทะกันแถวด่าน ผมรู้เรื่องและส่ง ฮ.มารับเขาเองและปลอดภัยแล้ว อาจต้องพักรักษาตัวประมาณ 1 เดือน “
“นี่อย่าบอกนะคะว่าคนที่ขวัญผ่าตัดให้ คือเจ้าอินทนนท์ จากโพคะยา”เรณูมองหน้าพี่ชาย สลับกับหันไปมองหน้าสามคนพ่อแม่ลูก
“ใช่ หมอขวัญเป็นคนผ่าตัดให้นนท์ อีกสองเดือนข้างหน้าผมจะพาเขามาพักที่นี่ เขาห่วงชาวบ้านและทหารของเขา อยากมาอยู่ใกล้ๆ ผมรบกวนยายด้วยนะครับ เพราะถ้าเขาอยู่ไกล ขวัญกำลังใจของคนโพคะยาจะไม่มีเลย”
“ไม่มีปัญหา มาได้เลย ดีแล้ว เขาจะได้สื่อสารกับคนของเขาได้ เวลาที่มารักษาตัวกันที่นี่ เพราะบางคนถ้าเป็นคนชนเผ่าจริงๆเขาพูดภาษาไทยไม่ได้เลย “
“คุณหมออบเชยครับ ผมไม่มีอะไรตอบแทนที่ช่วยเรา ผมมีแต่สิ่งนี้ คุณหมอรับไว้เถอะครับ เรามีเราก็ใช้ไม่ได้ เผื่อคุณหมอจะได้เอาไปซื้อของที่จะต้องใช้ในห้องนี้ ผมรู้ว่าเดือนๆหนึ่งหมอใช้เยอะมาก และเป็นคนของเราเกือบ 100% ที่มาขอความช่วยเหลือ”
“รับไว้เถอะค่ะคุณหมอ จริงๆเรารู้เราทำให้คุณหมอลำบากใจ เราอยากช่วยคุณหมอค่ะ เราไม่รู้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้นานเท่าไหร่ กลับบ้านก็ไม่ได้ ไม่รู้จะไปที่ไหนเลย”หญิงสาวที่นั่งข้างเตียงเอ่ยขึ้น
“คุณหมออบเชยครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ คือความจริงแล้วผมชื่อนักรบเป็นน้องชายแท้ๆของเจ้าอินทนนท์ และภรรยาผมเจ้านางพรรณราย ที่ผมบอกว่าเคยทำงานที่กรุงเทพฯจริงๆผมกับภรรยาไปเรียนที่กรุงเทพฯครับ ผมขอโทษที่ต้องปกปิดคุณหมอ “นักรบและพรรณรายยกมือไหว้ขอโทษหมออบเชย รวมถึงเด็กหญิงเห็นพ่อกับแม่ยกมือไหว้ก็ยกมือไหว้ตาม แถมไหว้ เขตชัยกับเรณูด้วย เด็กหญิงวัย 5 ขวบ กำลังช่างพูด น่ารักจนเรณูอดที่จะเข้าไปเล่นด้วยไม่ได้
“เจ้าอินทนนท์ ส่งผม ภรรยา และลูกให้ข้ามมาฝั่งนี้ พี่ชายผมกับพ่ออยู่กับทหารและชาวบ้านฝั่งโน้น เราเพลี่ยงพล้ำแต่ก็ไม่เสียขวัญ โชคดีที่มีเพื่อนของพ่อคอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทั้งอาวุธและทหาร พี่นนท์ให้ผมมาส่งข่าวบอกเพื่อนของพ่อ ผมทำสำเร็จแต่กลับไปฝั่งโน้นไม่ได้ เลยหนีมาขอความช่วยเหลือจากคุณหมอ ปู่บอกว่า คุณหมอเป็นเพื่อนที่ท่านไว้ใจที่สุด ”
หมออบเชยนิ่งไป ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นหลานชายของเพื่อนสนิท “เจ้าสายลม เจ้านางแสงคำ เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่มีการปะทะเราไม่ได้ติดต่อกันเลย หมอก็ยุ่งมาก เราเป็นเพื่อนเรียนด้วยกันเมื่อสมัยที่เขามาเรียนที่กรุงเทพฯ”
“เจ้ายายแสงคำบวชชีครับ เข้ามาอาศัยเรียนศึกษาธรรมที่ฝั่งนี้ แต่ไม่เปิดเผยตัว มีพี่นนท์เท่านั้นที่รู้ว่ายายอยู่ที่ไหน”
“พวกเราทุกคนฝั่งโน้นรู้จักคุณหมออบเชยกันทุกคนครับ ปู่ พ่อ และแม่เล่าให้ฟังตลอด พี่เขตชัยด้วย เราซาบซื้งที่คุณหมอช่วยสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ พ่อกับแม่เล่าให้ฟังเสมอ ว่าปู่มีเพื่อนรักอยู่ฝั่งไทยเป็นหมอชื่อหมออบเชย”
“อยู่ที่นี่เราไม่มียศฐาอะไรนะครับ ผมกับภรรยาก็เป็นแค่คนธรรมดา ทุกคนเรียกชื่อปกติได้เลย ใจผมอยากฝากภรรยาและลูกไว้ และเมื่อผมแข็งแรง ผมกับพี่ชายจะกลับไปช่วยพ่อ ผมรู้มาว่าเพื่อนพ่อเข้าไปช่วยเหลือพวกเราได้ทันเวลาพอดี ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ว่าพี่นนท์กับผมอยู่ฝั่งนี้ คนที่ยิงผม เข้าใจว่าเราสองคนพี่น้องเสียชีวิตแล้ว แต่ถึงพวกเขารู้ ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ เขาไม่กล้าหรอกเก่งแต่อยู่ทางโน้น”
“นนท์ให้ผมเอาสิ่งนี้มาให้คุณ เขาบอกว่าสำคัญกับประชาชนของเขามาก ผมถึงต้องมาด้วยตัวเอง ”เขตชัยยื่นซองเอกสารสีน้ำตาล ในนั้นมีแต่เอกสาร แผนที่มากมาย
“อีกสองวัน พรุ่งนี้ฉันกับหมอขวัญจะไปที่ศูนย์อพยพ เพื่อช่วยหมอและพยาบาลดูแลภายในศูนย์ และอีกครั้งก็คือสัปดาห์หน้า วางแผนให้ดี พรุ่งนี้คุณไม่พร้อมหรอก ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี ตกลงเป็นสัปดาห์หน้า เราจะเดินทางพร้อมกัน “
“ครับคุณหมอ ขอบคุณมากครับ “
“เมื่อไหร่ที่เดินไหว ฉันจะพาเดินขึ้นไปข้างบน พรรณรายและลูกก็ขึ้นไปได้ ไม่มีใครเห็น "
เอาล่ะพักผ่อนกันนะ ทองคำนี่ฉันจะรับไว้ พรุ่งนี้จะมีเวชภันฑ์มาส่งอีกสองคันรถ จะมีใครมารับได้ไหม ที่เดิม”
“มีครับคุณหมอ วันพรุ่งนี้พรรณรายจะขึ้นไปส่งข่าวให้โพคะยารับทราบครับ “
“ตกลงตามนั้น เอาล่ะพักผ่อนซะนะ นอนให้เยอะๆยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้น้ามารับนะคะสาวน้อย คืนนี้นอนที่นี่กับพ่อแม่ก่อนนะคะ”
ยายหลานกลับขึ้นมาชั้นบน รู้สึกอย่างที่นักรบพูด เสียงฝั่งโน้นเงียบมาหลายชั่วโมงแล้ว ดี แต่ก็ไม่น่าไว้ใจ
“ยายครับ เขาส่งสัญญาณกันยังไงเหรอครับ”
“ยายก็ไม่รู้เหมือนกัน เคยเห็นเพื่อนของยาย เขาจะยืนเหนือลมแล้วผิวปาก เป็นจังหวะ แค่นั้น”
“ยายคะ นอกจากคนฝั่งโน้น มีคนบ้านเราบ้างไหมที่ให้ยายช่วยเหลือ”
“ไม่มีให้ช่วย มีแต่เขามาช่วยยาย เอาของมาให้ไปช่วยญาติเขาทางโน้น”
“ยายจ๋า ขอขวัญมาอยู่กับยายด้วยได้ไหม ขวัญเขียนใบลาออกแล้วนะคะ ทีแรกว่าจะไปทำงานกับพี่เขต แต่ขอมาอยู่ดูแลยาย ช่วยงานยายก่อนดีกว่า “
“ดีมาก พี่สนับสนุน เดี๋ยวพี่จ่ายเงินเดือนให้เอง มาเลย พี่ว่าไม่ต้องกลับไปก็ได้นะอยู่ที่นี่เลย พี่ห่วงยาย”
“แต่ยังไง ขวัญก็ต้องกลับไปเคลียร์งาน”
“พูดจริงหรือเปล่าหนูขวัญ อย่ามาล้อยายเล่นนะ”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะคะยาย ขวัญตั้งใจนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที”
“เอาล่ะแยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว หรือจะนอนด้วยกัน”
“นอนด้วยกันครับ “
“นอนด้วยกันค่ะ”
สองพี่น้องตอบพร้อมกัน
“งั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วเจอกันที่ห้องนอนยาย”
หมออบเชยนั่งอยู่ที่โซฟา ภายในห้องนอน หญิงชรานั่งจดรายการสิ่งของที่จะนำไปส่งที่ศูนย์อพยพ หมออบเชยทำแบบนี้เป็นประจำตลอด ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว คอยช่วยตาช่วยพ่อทำงาน เพราะบ้านอยู่ใกล้ชายแดน รับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้มาตลอด นึกดีใจกับคนฝั่งโน้นที่ได้เพื่อนอย่างหลานชาย การเงินของเขตชัยถือว่าดีมาก บริษัทฯซื้อ-ขาย เครื่องมือแพทย์ หมออบเชยมองดูทองคำที่นักรบให้มา มูลค่ามากมายเหลือเกิน สมัยก่อนรุ่นตารุ่นพ่อ ก็ทำกันแบบนี้ คนฝั่งโน้นมีทองคำมากมาย แต่ก็ไม่สามารถที่จะแปลงเป็นเงินได้ ต้องอาศัยข้ามมาฝั่งนี้
สมัยก่อนก็จะถูกพ่อค้าหัวใสหลอก แต่บังเอิญที่เขามาเจอตาทวด และพ่อของหมออบเชย ตากับพ่อจะนำทองไปขาย ทำรายละเอียดให้พวกเขาดู อย่างละเอียด และตั้งแต่นั้นมา พวกเขาก็มักจะแวะมาหาตาทวด และพ่อของหมออบเชยเป็นประจำ เพิ่งจะมาห่างไปเมื่อพ่อของหมอเสียชีวิต และฝั่งโน้นอยู่กันอย่างสงบสุข ต่างก็ห่างเหินกันไป แต่หมอก็ติดตามข่าวจากเพื่อนถามไถ่กันตลอดเวลา ฝั่งโน้นเงียบสงบมาหลายปี
กระทั่งอยู่ๆก็มีการปะทะกันขึ้น แรกๆต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อาจเป็นการปะทะกัน ของพวกขนยาเสพติด เรื่องราวเริ่มลุกลามขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสงครามขนาดย่อม เริ่มมีชาวบ้านหนีข้ามมาขอทำงานฝั่งนี้ ล่าสุดมีทหารบาดเจ็บหนีเข้ามาฝั่งนี้ มีการผลักดันออกไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีการหนีเข้ามาอีกตามชายฝั่ง เสียงปืนเสียงระเบิดเริ่มดังถี่ขึ้น จากที่หนีเข้ามาเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตร กลายเป็นเข้ามาถึงสวนของหมออบเชย ทำยัได้ก็ต้องช่วยกันไป ห้องพยาบาลที่ปิดร้างมาหลายปี ได้เปิดเพื่อช่วยเหลือคนป่วยอีกครั้ง ซึ่งเจ้าของบ้านก็เต็มใจมากที่จะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
"ยังไม่นอนเหรอครับยาย จดอะไรอยู่ครับ" สองพี่น้องเดินเข้ามาหายายพร้อมกัน
"ยังลูก ยายกำลังจดรายการของที่จะเอาไปให้ที่ศูนย์พรุ่งนี้ ง่วงกันหรือยัง"
"ยังเลยค่ะยาย ขวัญมีเรื่องอยากถามยายจ๊ะ ห้องที่จะให้พรรณรายขึ้นมา อยู่ตรงไหนหรือจ๊ะ ทำไมขวัญไม่เคยเห็นเลย"
"เห็นสวนข้างบ้านเรานั่นไหม แถวต้นจามจุรีนั่น ตรงนั้นเป็นสวนป่า สมัยตาทวดกับตาปลูกไว้ตอนนี้รกทึบไปหมดแล้ว"
"อย่าบอกนะครับยาย ว่ามีห้องอยู่แถวนั้น"
"ตรงที่พ่อกับแม่เราเขาห้ามไม่ให้เข้าไปวิ่งเล่นนั่นแหละ แถวนั้นสัตว์มีพิษเยอะ"
"ขวัญอยากเห็นแล้วค่ะยาย "
"ป่ะ ยายจะพาไปมาทางนี้ "หมออบเชยลุกขึ้น หยิบไฟฉายกระบอกใหญ่คาดหัว เดินนำหน้าหลานชายและหลานสาวออกทางด้านหลังห้อง ซึ่งทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า หลังห้องของยายมีทางออกไปสู่อีกที่หนึ่ง สองพี่น้องตะลึงกับทางเดินกว้างประมาณสองเมตร ทางเดินและผนังทั้งสองข้างเป็นปูนทั้งหมด เดินไปประมาณห้าสิบเมตร มีบันไดขึ้นไปด้านบนประมาณสิบขั้น
ยายใช้กุญแจไขแม่กุญแจดอกใหญ่ สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าทั้งสองคนเวลานี้ก็คือ บ้านขนาดย่อม ที่มีเครื่องใช้ครบถ้วนทุกอย่าง ด้านนอกของบ้านถูกปกคลุมด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดและที่สำคัญมีหน้าต่างรอบบ้าน และเป็นกระจกกันกระสุน มองมาจากด้านนอกจะไม่มีใครรู้เลยว่าด้านในนี้มีบ้านอยู่อีกหนึ่งหลัง สองพี่น้องตื่นตาตื่นใจมาก ตะลึงกับสิ่งที่เห็น ยายกดรีโมทเปิดทีวี ในจอมีภาพข่าวของเพื่อนบ้าน มีเจ้าหน้าที่รายงานข่าวเป็นภาษาอังกฤษ
"อะไรกันครับยาย บ้านหลังนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ "
"จริงด้วยค่ะยาย ว้าวมากเลยนะคะ ที่สุดคือห้องเหมือนอยู่คอนโดที่กรุงเทพฯเลยค่ะ"
"เป็นความลับ ยายเจอห้องนี้เมื่อครั้งยายอายุเท่าหนูขวัญ และมีแค่ครอบครัวเราเท่านั้นที่รู้ อ้อไม่ใช่ซิ มีครอบครัวของนักรบด้วย บ้านหลังนี้ตาเขามาตกแต่งเพิ่มให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จูนกับแสง และลูกๆก็ไม่มีใครรู้ ยายไม่ไว้ใจใคร"
"ดีแล้วครับยาย ผมก็ไม่อยากให้ใครรู้มาก ยายจะเดือดร้อน"
ยายอบเชยเดินนำหน้าหลานสาวหลานชายกลับลงไปที่บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบัน หลังจากที่ทั้งสามคนเดินกลับ ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นป่าเหมือนเดิม