ชายแดนไทย
หมู่บ้านภักดิ์ดีแผ่นดิน ตั้งอยู่ชายแดนไทยซึ่งอยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากชายแดนเพียง 60 กิโลเมตร คุณหมออบเชย ธรณีธรรม หรือใครๆที่รู้จักบ้างก็เรียก ยายอบเชย ป้าอบเชย หรือน้าอบเชย คุณหมออบเชย เป็นคนพื้นถิ่น หลังจากที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว กลับมาอยู่บ้านเกิด ทำสวนทำสวน ทำไร่ ช่วยรักษาคนป่วยบ้างเมื่อมีคนมาหา วันนี้หญิงชราออกเดินทางเข้าไปในอำเภอเมือง ด้วยรถยนต์กระบะสี่ประตูส่วนตัว หมออบเชยอายุ 75 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงมาก ใครที่ไม่รู้อายุจริงของท่าน ต่างก็เข้าใจว่าประมาณหกสิบกว่าๆ เพราะหน้าตาที่อิ่มบุญ และร่างกายที่ดูแข็งแรงของท่าน
ในทุกๆสองสัปดาห์ คุณหมออบเชย ต้องเข้าไปในเมืองเพื่อไปซื้ออาหารสด และเครื่องปรุงนิดหน่อย ที่สำคัญรองลงมาจากพวกอาหารก็คือ ยารักษาโรค จำเป็นมากที่จะต้องมีไว้ประจำบ้าน ถึงแม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากหลานชาย แต่บางครั้งมีคนป่วยมาก ทุกอย่างก็ไม่พอ
“จูน กับแสง เฝ้าบ้านนะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อของในเมือง บ่ายก็กลับแล้ว ถ้ามีใครมาถามเรื่องยา ก็บอกเขาว่า ฉันกำลังไปซื้อ ให้เขามาพรุ่งนี้ หรือไม่ก็ให้เขารอ หาข้าวหาปลาให้เขากินด้วยนะ”
“รับทราบครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณหมอ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะคุณหมอ”
“ไม่เป็นไรสบายมาก ไปก่อนนะ เสร็จแล้วจะรีบกลับ ไม่ค่ำหรอก”
สองคนผัวเมียมองตามรถกระบะ 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่หมออบเชยขับออกไปจากรั้วบ้าน มองจนลับสายตา สองผัวเมียถอนหายใจ ต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง ตาจูนไม่ลืมที่จะออกไปล็อคประตูรั้วหน้าบ้าน สังหรณ์ใจว่าอีกไม่นานคงมีคนมาหาหมอ เหมือนเคย
เสียงปืนยังคงดังกึกก้องมาจากอีกฝั่ง สะเทือนมาถึงฝั่งนี้ จนชาวบ้านแถบนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ตกใจอะไร แค่หาที่หลบเมื่อได้ยินเสียงบ่อยๆ แน่นอนทุกบ้านต้องมีหลุมหลบภัย ชาวบ้านบางคนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่ นเพราะกลัวตาย แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ปักหลักอยู่ที่นี่ อยู่ร่วมกันเพราะพวกเขาคิดว่า ที่นี่คือผืนดินไทย
หมออบเชย เป็นหมอประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งนี้ เมื่อเกษียณอายุแล้ว ก็กลับมาอยู่บ้าน ทำสวนทำไร่นิดๆหน่อยๆ พื้นฐานครอบครัวของคุณหมอเป็นชาวสวนชาวไร่ เพราะอยู่ที่ชายแดนนี้มาตั้งแต่เกิด ทำให้ได้เห็นคนบาดเจ็บมากมาย ทั้งเจ็บป่วยทางใจ ทางกาย เป็นแรงบันดาลใจให้หมออบเชย ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะเป็นหมอ และก็สมดั่งใจ หมออบเชยเรียนหมอสำเร็จ จบออกมาทำงาน และตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะเกษียณคือ ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ประจำภาค หลังเกษียณหมออบเชยไม่เปิดคลินิค เหมือนเพื่อนๆ เลือกที่จะกลับมาอยู่บ้าน ทำสวนสมุนไพร
สามีของหมออบเชย เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ตั้งแต่เมื่อครั้งคุณหมออายุได้ 50 ปี จากนั้นก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอดไม่ได้แต่งานใหม่ ตั้งใจทำงานชีวิตทุ่มเทให้กับงานเต็มที่ เมื่อเลือกที่จะเป็นหมอรักษาคนป่วย ก็ต้องทำให้สมกับที่ตั้งใจไว้
หมออบเชยมีลูกสาวคนเดียวชื่อ แพทย์หญิงเพียงใจ หมอผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง แต่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลของรัฐ ที่กรุงเทพมหานคร คุณหมอเพียงใจแต่งงานกับ หมอเพชร หมอผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ ท่านทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเป็นของครอบครัว
คุณหมอเพชรและคุณหมอเพียงใจมีบุตรด้วยกันสองคนคือ เขตชัย วสันต์วิหค ลูกชายคนโต เป็นเจ้าของบริษัทฯนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ส่วนลูกสาวคนเล็กคือ หมอเรณู วสันต์วิหค หรือหมอขวัญ แพทย์ผู้เชี่ยวด้านศัลยกรรม ทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐ ที่กรุงเทพมหานคร เช่นกัน แต่ทำคนละที่กับผู้เป็นแม่
คนในครอบครัว เป็นหมอมีเพียงเขตชัย หลานชายคนโต เขาไม่ชอบอาชีพหมอ เขาบอกว่าทุกคนไม่ค่อยมีเวลา ต้องทุ่มเท ต้องรับผิดชอบชีวิตคน และเขากลัวเลือด เขตชัยชอบเป็นพ่อค้า แต่ในทางด้านอาชีพเขาก็หนีไม่พ้นวงการแพทย์
คุณหมออบเชยขับรถเข้าตัวเมืองคนเดียว ท่านไม่ค่อยอยากให้ใครมาด้วยนัก ชอบไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า ระยะทางจากหมู่บ้านไปในตัวจังหวัดใช้เวลาไม่นาน เพราะแค่ห้าสิบกิโลเมตร หมออบเชยจดรายการของที่จะซื้อมาแล้ว ทำให้ไม่ยากนัก มาถึงก็จ่ายเงินมีคนขนของขึ้นรถให้ เดือนนี้ซื้อผ้าพันแผลเยอะหน่อย ไม่อยากรบกวนหลานชาย เขตชัยส่งของมาให้ยายทุกเดือน สามสี่เดือนมาแล้ว ทุกอย่างหมดเร็วมาก
คุณหมอแวะหาเพื่อนสนิทที่มีร้านขายยาอยู่ในเมือง อุดหนุนยาที่ร้านเพื่อนเป็นประจำ ซื้อกันจนแทบจะไม่ต้องจ่ายเงิน
“อบเชย ระมัดระวังตัวหน่อยนะช่วงนี้ ที่นี่มีนายตำรวจมาใหม่ รุ่นใหม่ไฟแรง ออกตรวจตลอด นี่เห็นว่าจะไปแถวบ้านที่เธออยู่ด้วยนะ “
“ขอบใจนะวิมล ฉันก็ระวังตัว แต่ก็นะเราเป็นหมอ มีคนไข้มาก็ต้องรักษา ฉันทนให้เขากลับไปตายไม่ได้หรอก ถึงจะคนละเชื้อชาติคนละภาษาก็เป็นคนเหมือนกัน เขามาขอพึ่งเราก็ต้องช่วย”
“ฉันล่ะเป็นห่วงเธอจังเลยอบเชย มีอะไรก็โทรมานะ ฉันยินดีช่วย ส่วนบิลนี้ไม่ต้องจ่าย ฉันร่วมทำบุญกับเธอด้วย พรุ่งนี้จะให้รถไปส่ง “
“ขอบใจนะวิมล ฉันอุ่นใจแล้ว ไม่อยากรบกวนเขตชัยเขา ปกติเขาก็ส่งมาให้ทุกเดือน แต่หลังๆมาตั้งแต่เสียงปืนดังขึ้นมาอีก ทุกอย่างขาดแคลนไปหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งข้าวสาร น้ำปลา ปลาร้า เกลือ ต้องใช้ทั้งนั้น ถ้าไม่ได้เธอกับพวกเพื่อนช่วย ก็คงแย่เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกอบเชย คิดซะว่าช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ฉันเข้าใจ รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวต้องขับรถกลับบ้านอีก มืดค่ำไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันให้คนของฉันขับตามหลังไป แต่ของต้องเป็นพรุ่งนี้นะ”
“บ่ายสามโมงหมออบเชยเดินทางออกจากตัวเมืองกลับบ้าน บรรทุกของมาเต็มคันรถ คุณหมออบเชยต้องใช้รถสี่ประตูไม่งั้นจะเป็นที่สงสัย ห่างออกไปรถกระบะสี่ประตูเหมือนกัน ขับตามมาห่างๆ เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่อีกฝั่งลุุกขึ้นมาสู้รบกัน “
รถกระบะที่ตามมาส่งขับเลยไปแล้ว ยายอบเชยเลี้ยวรถเข้าบ้าน สี่ประตูอีกคันที่ขับตามมาขับเลยไปเมื่อเห็นว่าหมอปลอดภัย จอดรถเรียบร้อย เสียงโทรศัพท์ของคุณหมอดังรัวๆ
“ว่าไงหนูขวัญ มีอะไรหรือเปล่าลูก ยายเพิ่งถึงบ้าน “
“ไม่มีอะไรจ๊ะยาย หนูคิดถึงยายเลยโทรหา ยายไปในเมืองมาเหรอจ๊ะ ได้ของเยอะไหม”
“เยอะกว่าเดิมลูก คนใจดีมีเมตตาก็ยังคงมี บ้านเราก็แบบนี้แหละ แต่ขาดปฎิทินนะ ยายอยากได้ ไม่ใช่ซิเขาอยากได้กัน “
“ไม่ต้องห่วงจ๊ะยาย อาทิตย์หน้าหนูกลับไปหายาย เดี๋ยวหนูขนไปเอง ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ”
“ขอบใจนะลูก ไว้ค่อยคุยกันนะ ยายจะรีบเก็บของ “
“ได้จ๊ะยายดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ หนูรักยายจ๊ะ”
“มาเร็ว จูนเรียกแสงมาด้วย เด็กๆไปไหนกันหมด เร็วเข้า”
หมออบเชย ตาจูน นางแสง และคนงานอีกสามคนช่วยกันขนยาและเครื่องมือปฐมพยาบาลลงไปเก็บที่ห้องใต้ดิน อย่างรวดเร็ว
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง หลายคนไหมจูน”
“สามคนครับ ยายแสงหาข้าวให้กิน แล้วทำแผลให้ ให้ยาแก้ปวด ตอนนี้นอนอยู่ข้างล่างครับ มาทั้งครอบครัว สามคนพ่อแม่ลูก ผู้ชายเจ็บหนัก เขาพูดไทยได้ครับชัดมากด้วย”
“เจ็บหนักด้วยเหรอ จูน ไปล็อคประตูหน้าบ้าน เปิดไฟทุกดวงเลยนะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูเอง อย่าลืมล้างรถด้วยนะจูน”
หมออบเชยสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ ใช้กุญไขประตูเหล็กเข้าไปด้านใน ผ่านไปสามด่าน กว่าจะถึงห้องด้านใน ข้างล่างเย็นมากทั้งที่ไม่ได้ติดแอร์ มีแต่กลิ่นยา ห้องขนาด 10X20 เมตร เหมือน โรงพยาบาลขนาดย่อม ที่อยู่ใต้พื้นดิน สถานที่แห่งนี้มีมาตั้งแต่สมัยที่ตาทวดของหมออบเชย ท่านเป็นหมอสมุนไพร เป็นคนสำคัญที่คอยช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ห้องนี้ปิดตัวไปนานหลายสิบปี กระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมอได้เปิดมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ตามรอยตาทวดและบิดา
บนเตียงเหล็กร่างชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่นอนอยู่บนนั้น น่าจะกำลังหลับ ข้างเตียงผู้หญิงอยู่ในชุดชนเผ่าถ้าไม่เปรอะเปื้อนชุดจะสวยมาก ที่ตักเด็กหญิงอยู่ในชุดชนเผ่าเหมือนแม่นอนหลับอยู่บนตัก
“ไม่ต้องตกใจ ฉันเอง หมออบเชย เป็นยังไงบ้างไม่ต้องกลัวนะ อยู่ที่นี่จะปลอดภัย “หมอเข้าไปยืนใกล้ๆเตียงคนเจ็บ
“สวัสดีครับคุณหมอ ผมชื่อรบ นี่เมียผมชื่อพรรณ และลูกสาวชื่อพวยหอม ผมไม่รู้จะขอบคุณหมอยังไงครับ ไม่มีที่ไปเลยจริงๆนายของผมมาส่งได้แค่ครึ่งทาง เพราะไม่กล้าขับรถเข้ามาที่นี่กลัวว่าหมอจะเดือดร้อน เราสามคนเดินลัดเลาะป่ายางมาครับ มาตั้งแต่เมื่อเช้า หลบอยู่ที่สวนยางรอจนค่ำถึงกล้าออกมา”
หมออบเชย มองหน้าสามคนพ่อแม่ลูกอย่างเห็นใจ หน้าตาของสองคนผัวเมียดูเศร้ามาก ไม่รู้ว่าผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ไหนจะลูกสาวตัวน้อยอีก แทนที่จะได้อยู่บ้านมีความสุข ต้องมาหนีสงคราม
“ไม่ต้องลุกๆนอนพักไป เดี๋ยวหมอขอตรวจหน่อยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง พรรณพาลูกไปนอนเสียที่เตียงนั่น ให้ลูกนอนดีๆแล้วก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เสื้อผ้าอยู่ในตู้ ห้องน้ำอยู่ด้านโน้น ไม่ต้องเกรงใจ รีบทำทุกอย่าง แล้วนอนพักผ่อนให้มากที่สุด”
หมอจัดการกับแผลที่แขนและขาของคนไข้ ที่แขนต้องเย็บห้าเข็ม ที่ขาไม่ต้องเย็บ แค่กระสุนถากนิดหน่อย ที่แขนน่าเป็นห่วง คงต้องพักหลายวัน กว่าจะหายดี
"ไม่ต้องห่วงนะ เสร็จแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนอนหลับให้สบายใจ พักผ่อนให้เพียงพอ หมออยู่ที่นี่ตลอด แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวหมอจะออกไปกินข้าวสักหน่อย ขนมและนมนี่กินได้เลย ห้ามเกรงใจ ยาแก้ปวดกินตามนี้หมอเขียนให้แล้ว อ่อ อ่านภาษาไทยได้ใช่ไหม”
“ได้ครับ ผมกับเมียเคยไปทำงานที่กรุงเทพฯ อ่านและเขียนได้ครับ"”
“ดีมาก มีใครรู้บ้างว่ามาฝั่งนี้”
“มีนายรู้คนเดียวครับ นายผมมาส่งผมครึ่งทาง เพราะไม่อยากให้คุณหมอเดือดร้อน และเดี๋ยวนายผมจะหาโอกาสมาพบกับคุณหมอครับ"
“ถ้าติดต่อเขาได้ ไม่ต้องให้เขามาน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยปลอดภัย คนอื่นๆด้วย ถ้าจำเป็นหมอจะไปเอง เอาล่ะพักผ่อนได้แล้ว อย่าลืมไหว้พระก่อนนอน พรุ่งนี้เจอกัน”
หมออบเชยออกไปแล้ว เสียงล็อคประตูเหล์กดังก้อง สามครั้ง นักรบกับพรรณรายมองหน้ากัน น้ำตาไหล ทั้งสองคนยกมือไหว้ท่วมหัว หันไปทางประตูที่หมออบเชยเดินออกไป พรรณรามเข้ามากอดนักรบ ทั้งสองสวมกอดกันทั้งน้ำตา พรรณรายกระชับมือกำห่อผ้าที่คาดเอวไว้แน่น
“แสง เดี๋ยวพรุ่งนี้ทำอาหารเผื่อสามคนด้วยนะ”
“ค่ะคุณหมอ”
“จูน แน่ใจนะว่าไม่มีใครเห็น”
“แน่ใจครับหมอ หมาไม่มีเห่าเลย เขามากันผมยังไม่ได้เปิดไฟ ผมทำความสะอาดเส้นทางที่พวกเขามาเรียบร้อยครับ”
“ดี กำชับพวกลูกด้วยนะ เดี๋ยวเรียกมากินข้าวด้วยกัน เสร็จแล้วจะได้แยกย้ายกันไปนอน นี่เสียงปืนยังไม่หยุดเลยใช่ไหมตั้งแต่ฉันไป”
“ครับหมอ ผมว่าคืนนี้ไม่แน่นะครับอาจมีมาอีก “
“เปลี่ยนเวรกันนะ มาก็มาทำยังไงได้ เขาก็คนเราก็คน เตรียมตัวไว้ด้วย เผื่อต้องเดินทางกลางคืน”
“ครับหมอ ผมพร้อมตลอดเวลาครับ”
ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน มีเพียงตาจูนกับลูกชายคนโตที่คอยเดินยามตรวจตรารอบบ้าน