...ขณะเดียวกันคนเดินหนี ไม่ใช่ว่าอยากพูดจาแรง ๆ ใส่ แต่เด็กอย่างอลินพูดเข้าใจง่ายซะที่ไหนล่ะ หลายวันที่ผ่านมาเขาลือกันให้แซตว่าเด็กนักเรียนมาหาเขาทุกวัน บางคนแค่เห็นก็เอาไปเม้าท์มอยเป็นตุเป็นตะ เขามีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นแพทย์ที่หลายคนให้ความเคารพไม่ว่าจะเป็นเพื่อน รุ่นน้อง พยาบาล แม้แต่อาจารย์แพทย์ ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอใส่ชุดนักเรียนวิ่งตามเขาแบนนี้ อีกอย่างมีแต่เธอที่เสียหาย เสียหายมากกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ
ทว่าขณะนั้นเอง
กึก!
ฝ่าเท้าหนาหยุดก้าวเดินเมื่อเห็นใครบางคน พอเดินเข้าตึกอาคารที่ทำงานของตัวเอง ร่างหนาก็หยุดชะงักเมื่อมองเห็นร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่ง เขากระตุกยิ้มมุมปากบาง ๆ เมื่อเห็นว่าในมือของเธอมีตะกร้าสำหรับใส่ตลับห่อข้าว จะดีไม่ใช่น้อยหากว่าห่อข้าวนั้นเธอเอามาให้เขา
แผ่นดินไม่คิดยุ่งกับเธอหรอก เธอแต่งงานมีสามีแล้ว เขาบังเอิญเจอกับเธอ หยิบยื่นมิตรภาพให้ซึ่งกันและกัน แม้แต่ตอนนี้ที่เธอหันมาเจอเขา ชายหนุ่มเพียงแค่ยิ้มให้บาง ๆ ก็เท่านั้น ใจเจ็บแปล๊บแต่ก็ต้องทำเป็นยิ้มให้ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“ไงวะ เคลียร์ยัง” พอกลับมาถึงห้องพัก ณภัทรคนเป็นเพื่อนก็เอ่ยถามทันที เพื่อนของเขาแนะนำให้เคลียร์กับอลินให้จบ ๆ ไม่งั้นเสียงซุบซิบนินทาก็คงไม่จบไม่สิ้นสักที
“อือ ก็หวังว่าจะไม่มาอีกนะ” เขาตอบรับ ก่อนจะคว้าน้ำดื่มขึ้นมาดื่ม
“แต่เมื่อกี้ที่กูเห็นอยู่ที่โรงอาหาร น้องเขาไม่ได้แย่เลยนะเว้ย...สวยอีกต่างหาก”
“ไอ้เวร เด็กนะเว้ยมึงพูดอะไรออกมา” แผ่นดินแทบสำลัก พวกเขาโตพอและมีวุฒิภาวะมากพอที่จะไม่คิดอย่างนี้
“แหม ก็...รอให้น้องโตอีกหน่อย มึงบอก 16 ช่ะ ก็อีก สามปีสองปี โป๊ะเชะเลยเพื่อน”
“ไอ้เลว! กูไม่ได้เลวเหมือนมึงโว้ย~” ว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ ถ้าจะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ได้ ช่วงว่างระหว่างอายุเป็นปัจจัยให้คนเลิกกันถมเถไป เขาไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งวุ่นวาย ตอนนี้เขาต้องการหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา อายุไล่เลี่ยกัน แต่งงานมีลูกให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานสักที
“อีกอย่างกูไม่ได้ชอบน้องเขา” ว่าพร้อมกับส่ายหน้า ยืนยันสิ่งที่คิดว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอคนนั้น แม้ว่าภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเธอจะติดตาของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย...
วันต่อมา...
กากบาทบนปฏิทินถูกเขียนไว้
‘นัดหมอแผ่นดิน มาวิน” เพื่อนชายในห้องเอ่ยถาม ซึ่งทุกคนรู้ดีว่ามาวินแอบชอบอลินอยู่
“เหรอ เราเห็นเธอร้องไห้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ” เขาว่าด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มทำให้อลินยิ้มให้บาง ๆ
“นี่เห็นไหม เราไม่ได้เป็นอะไรเลย มาวินไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เขาฉีกยิ้มให้เธอเช่นกัน มาวินเป็นเด็กเรียนดี หน้าตาออกไปทางตี๋ ๆ ซึ่งอลินไม่ได้ถูกใจหรือชอบเขากลับ “ยังไงเราก็เป็นห่วงเธอนะ”
“หึ ขอบคุณนะ” เด็กสาวยิ้มให้กับเพื่อนบาง ๆ จริง ๆ มาวินสารภาพรักกับเธอไปแล้วล่ะ แต่อลินไม่ได้ชอบเลยปฏิเสธไป กระนั้นเขาก็ยังหวังดีกับเธอเสมอ “เราแค่เจ็บแขนน่ะ เดี๋ยวก็ไปหาหมอบ่ายวันนี้”
“โอเค หายไว ๆ นะ” มาวินว่าพร้อมกับฉีกยิ้ม เขาเดินจากไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง
“แก มาวินก็ดีนะทำไมแกไม่ชอบเขา” อลินหน้าหงอยในทันที เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอแผ่นดินไม่ชอบเธอ คนไม่รักยังไงมันก็ไม่รัก ไม่ว่าจะต้องพยายามกี่ครั้ง ไม่รักก็คือไม่รัก...
อลินมานั่งรอคนเป็นพ่อที่หน้าโรงพยาบาลหลังจากขออนุญาตคุณครูมาหาหมอได้แล้ว แต่ทว่าพอนั่งรอได้สักพักคนเป็นพ่อก็ไม่มาตามนัดเสียที ซึ่งบ่ายวันนี้อลันไปแข่งบาสเกตบอลที่ต่างจังหวัดทำให้คนเป็นแม่ไปด้วย รอนานพอสมควรจึงยกโทรศัพท์โทรหาพ่อตัวเอง
ติ๊ด!
รอไม่นานท่านก็รับ
“คุณพ่อยังไม่ออกมาเหรอคะ” ถามเสียงเศร้า แค่เรื่องของคุณหมอก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากแล้ว
[คือลิน พ่อเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากลูกความของพ่อ งานมีปัญหานิดหน่อย เขาต้องไปออกรายการทีวีพ่อต้องไปด้วย]
“คะ?” เธอนิ่งอึ้ง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อย พึมพำเบา ๆ แทบไม่มีเสียง อีกแล้วหรือ อีกแล้วที่พ่อผิดนัดเธอแบบนี้
[เดี๋ยวพ่อให้ลุงไต้ฝุ่นไปแทนนะ]
“มะไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร” ว่าเสร็จก็กดตัดสายทิ้งทันที ร้องไห้ออกมาเมื่อพ่อเลือกงานมากกว่าตัวเธออีกตามเคย น้ำตาของเธอไหลพราก กดโทรศัพท์โทรหาคนเป็นแม่ หลังจากที่โดนหมอแผ่นดินด่ามาเมื่อวานเธอก็ไม่กล้าไปสู้หน้าเขาเพียงลำพัง
ติ๊ด!
“คุณแม่คะ...”
[ว่าไงลิน ตอนนี้พี่ลันกำลังลงสนามเลยนะ ดูสิ ๆ] คนเป็นแม่กดเปิดกล้องเพื่อให้เธอได้ดูพี่ชายฝาแฝดกำลังลงสนามบาสฯ อลินส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดตัดสาย แม่น่าจะถามเธอหน่อยว่าได้หาหมอหรือยัง ความน้อยใจทำให้เธอกดตัดสายทิ้งพร้อมกับนั่งร้องไห้คนเดียวหน้าโรงพยาบาล ไม่อายสายตาของใครหลายคน
“ฮึก ฮืออ~” ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ใครจะกล้าแบกหน้าไปหาเขาคนนั้นอีก แม้จะเป็นคนหน้าด้านหน้าทน แต่เขาก็ด่าว่าเธอไม่มีพ่อแม่สั่งสอน เสียใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน หรือจะจริงอย่างที่เขาว่า...จริง ๆ แล้วเธอก็ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนจริง ๆ
คุณหมอแผ่นดินนั่งมองรายชื่อของเด็กนักเรียนคนนั้น วันนี้เธอไม่มาตามนัดทำให้เขารู้สึกโกรธ อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เขาด่าเธอไปเมื่อวาน ตกตะกอนความคิดได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นรุนแรงใช้ได้เลย เพราะเขาก็ไม่ควรลามปามไปถึงพ่อแม่ของเธอ แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ
“โทรไม่ติดเลยค่ะ ทั้งพ่อแม่ และก็เบอร์ของเธอ” ภัสสรพยาบาลประจำห้องตรวจของเขาเอ่ยพูดขึ้น
“พ่อแม่ก็โทรไม่ติดงั้นเหรอ คุณครูล่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวฉันลองโทรหาครูดูค่ะ” ดีที่วันนั้นเธอกรอกข้อมูลครบถ้วนจึงได้เบอร์ติดต่อมา รวมถึงคุณครูที่พามาส่งโรงพยาบาล ทว่า
“คุณครูบอกว่าอลินลาเรียนภาคบ่ายไปหาหมอแล้วนะคะ” แผ่นดินยกมือขึ้นกุมขมับ แบบนี้ไม่ดีเลย หากว่าเธอใช้ข้ออ้างออกจากโรงเรียนเพื่อมาหาหมอ แต่จริง ๆ เธอไม่ได้มาแบบนี้คนที่จะถูกเอาเรื่องมากที่สุดคือเขาเอง
“เฮ้อ...หาเรื่องให้จนได้” พึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด สุดท้ายแล้วก็ต้องตามง้อ ฝ่ามือหนาคว้าโทรศัพท์มากดเปิดเข้าไอจีเพื่อดูแอ็กเคานต์ของเธอ สุดท้ายแล้วก็ต้องจำใจกดรับเธอเข้ามาติดตามชีวิตของเขา
“เฮ้อ...ยัยเด็กคนนี้ ถ้าเจอตัวต่อไปไม่ใช่แค่ด่าแน่” ก่นด่าออกมาไม่หยุดระหว่างส่งข้อความไปหาเธอคนนั้น
“มาหาหมอเดี๋ยวนี้”
“ไม่คิดว่าแขนจะเคลื่อนผิดรูปหรือไง”
“มาเดี๋ยวนี้”
พิมพ์ข้อความไปแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้นแผ่นดินโมโหมาก
“เอ่อ คุณหมอคะ พ่อของเธอเป็นทนายชื่อดังคุณหมอรู้หรือเปล่าคะ” ภัสสรอยากบอก เพราะว่านามสกุลของเธอดังมาก เช่นเดียวกับชื่อของบิดา
“หือ?”
“ทนายอัทธ์น่ะค่ะ ตอนนี้กำลังทำคดีดังในข่าวเลยค่ะ” เขาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่ก็จำได้ว่าทนายอัทธ์นั้นเป็นใครเพราะดังมาก ๆ ข่าวใหญ่ข่าวดังโดยเฉพาะข่าวอาชญากรรมมักมีชื่อทนายคนนี้มาเอี่ยวเสมอ เป็นพ่อของเธอหรือเขาไม่ทันได้สังเกตชื่อเลย
“ตอนนี้ก็กำลังออกทีวีด้วยค่ะ สงสัยคงไม่ว่างพาลูกมามั้งคะ” ได้ยินอย่างนี้ถึงกับพ่นลมหายใจออกมา พ่อของเธอจะรู้ไหมหนอว่าลูกไม่ได้มาหาหมอ
“เฮ้อ...พ่อแม่ไม่ใส่ใจลูกเอาซะเลย” พึมพำออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ พอคิดแบบนี้ความรู้สึกผิดก็เข้ามาเกาะกุมจิตใจของเขา
‘เด็กนี่ไม่เข้าใจจริง ๆ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนหรือไง’
หวนนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อวานก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ เขาไม่น่าพูดแบบนั้นเลยจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะไปจี้ใจดำเธอหรือเปล่า
“ไอ้ดินเอ๊ย...” สบถด่าตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นบีบนวดต้นคอให้คลายความกังวล
“เอ่อ เรียกคนไข้คนถัดไปเลยไหมคะ”
“ครับ” ตอบรับพร้อมกับเปิดดูข้อความที่ส่งไปหาเธอคนนั้น ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะเธอไม่ตอบข้อความของเขาเลย...
เพราะความน้อยใจทำให้ปิดโทรศัพท์ไม่รับสายใครทั้งนั้น เด็กสาวนั่งหลบเสาอยู่ที่ศาลาหน้าโรงพยาบาล ร่างบางนั่งมองฝ่ามือของตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
“ฮึก...ฮือ~” ความน้อยใจสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่รักพี่ชายมากกว่า อลินรู้สึกอย่างนั้นมาโดยตลอด แม้แต่เรื่องเรียน...จริง ๆ แล้วพ่อไม่เห็นด้วยที่เธอจะเรียนนิติศาสตร์ ส่วนเหตุผลนั้นทำเอาเธอไม่อยากจะเชื่อ เพราะเธอเกิดเป็นผู้หญิงแค่นั้นเอง...
เวลาเดินไปเรื่อย ๆ กระทั่งฝนเทลงมาไม่รู้ตัว อลินสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองสายฝนที่กระหน่ำลงมา ภายในศาลาสำหรับพักรอรถโดยสารของทางโรงพยาบาล อลินหันไปมองอาคารโรงพยาบาลก็แทบมองไม่เห็นเพราะฝนกระหน่ำลงมาแรงมาก
...บริเวณโดยรอบก็ไม่มีคน สงสัยว่าเขาจะหนีไปหลบฝนที่อื่น ส่วนเธอก็เพิ่งมารู้ตัวว่าฝนตกเพราะเอาแต่เหม่อ
ซ่า~ ซ่า~
อลินกลืนน้ำลายลงคอ ความเย็นทำให้เธอรู้สึกเจ็บกระดูกขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะรู้สึกเย็นจนเข้ากระดูกล่ะมั้ง สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะเปิดโทรศัพท์เพื่อโทรให้คนขับรถมารับ ทว่าข้อความต่าง ๆ นานาก็เด้งเข้ามา พ่อของเธอส่งมาเช่นกัน แต่ที่ทำให้สะดุดสายตาคงไม่พ้นข้อความนี้
“มาหาหมอเดี๋ยวนี้”
“ไม่คิดว่าแขนจะเคลื่อนผิดรูปหรือไง”
“มาเดี๋ยวนี้”
ใจดวงน้อยเต้นตึกตักเมื่อเขาส่งข้อความมาหาในที่สุด อลินไม่คิดว่าจะได้เห็นข้อความจากเขาคนนั้น เด็กสาวยิ้มทั้งน้ำตา เธอส่งคำร้องขอกดติดตามเขาไปนานแล้วแต่เขาก็ไม่รับ ทว่าคราวนี้เขารับแถมยังส่งข้อความมาหาเธออีกด้วย
เด็กสาวรีบส่งข้อความกลับด้วยมือที่สั่นเทา
“หนูติดฝนค่ะ”
ติ๊ง!
[ที่ไหน]
“กรี๊ดดด~” หากว่าไม่มีเสียงฝน เสียงกรีดร้องของเธอคงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องแล้ว อลินกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
[ที่ศาลาหน้าโรงพยาบาลค่ะ]
“รอนั่น ห้ามไปไหน” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อถูกสั่ง เธอทำแก้มป่องพร้อมกับบิดตัวไปมา หลงลืมไปเลยว่าเขาเพิ่งต่อว่าเธอมาเมื่อวาน
ทว่าขณะนั้นเอง
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน มองดูรายชื่อที่ปรากฏด้วยความน้อยใจ แต่ก็ต้องกดรับ
ติ๊ด!
“ค่ะคุณพ่อ”
[อยู่ไหน หาหมอหรือยัง ลุงไต้ฝุ่นบอกไม่เจอหนู] พ่อของเธอมีน้ำเสียงร้อนรน เอาเข้าจริงเธอก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อ แต่ว่า...เธอไม่ใช่ที่หนึ่ง หากมีทางเลือก พ่อก็เลือกงานก่อนเสมอ ท่านมักให้ลุงไต้ฝุ่นซึ่งเป็นผู้ช่วยทนายมารับมาส่งแทนบ่อย ๆ
“หนูยังอยู่กับหมอค่ะ” โกหกออกไป อลินยังไม่อยากกลับบ้าน และก็ไม่ทันได้ไปหาหมออย่างที่พูด หากกลับไปก็อาจจะโดนดุก็ได้
[แล้วตอนนี้ตรวจไปหรือยัง]
“กะกำลังตรวจค่ะ” ว่าเสียงตะกุกตะกักเพราะกำลังโกหก อลินเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างลุ้น ๆ
[แล้วทำไมพ่อได้ยินเสียงฝนหนักขนาดนั้น ไม่ได้อยู่ในตึกเหรอ]
“อยู่ค่ะ เอ่อ...ไม่รู้สิคะว่าทำไมเสียงดัง” ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนขี้โกหก แต่ก็ไม่ทันแล้ว
[โอเค ยังไงเดี๋ยวพ่อโทรหาลุงไต้ฝุ่นนะ ตรวจเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านนะลิน]
“ค่ะ คุณพ่อ” เธอรีบกดตัดสาย ใจก็กระหน่ำเต้นรัวหลังจากโกหกคนเป็นพ่อไป แม้นที่ผ่านมาจะขี้น้อยใจแต่เธอก็เป็นคนเถรตรง พูดจาตรง ๆ แต่พอได้โกหกแล้ว...ก็ทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่าพูดตรง ๆ เสียอีก
...อลินยืนอยู่ใต้ชายคาศาลาหลังเล็กหน้าโรงพยาบาล เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบต้นแขนด้วยความหนาวเหน็บ มองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นอะไรด้วยความที่ฝนยังคงกระหน่ำตกลงมาจนภาพเบื้องหน้าเป็นฝ้าสีขาว
ทันใดนั้นเอง
ซ่า~ ซ่า~
“คุณหมอ...” ร่างหนาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ แผ่นดินหอบหายใจเหนื่อยจากการวิ่งตากฝนมาพร้อมกับร่มหนึ่งคัน แต่ถึงอย่างนั้นหยาดฝนก็ทำให้เสื้อกาวน์บางส่วนชุ่มไปด้วยน้ำ รวมถึงผมของเขาที่ถูกฝนสาดใส่จนทำให้เปียกชุ่ม ชายหนุ่มสะบัดศีรษะแรง ๆ จนผมของเขาสะบัดตาม ทำให้หยาดน้ำฝนกระเซ็นไปทั่ว
“โห...” อลินอ้าปากเหวอ เขาเหมือนกับพระเอกซีรี่ส์เกาหลีที่เธอเคยดู ยิ่งตอนที่ฝ่ามือหนาเสยผมขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วมองใบหน้าเหวอของเธอ เขาหล่อสุด ๆ
“เด็กบ้า...” ริมฝีปากหนาพึมพำด่าออกมาเบา ๆ มองคนตัวเล็กด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมาอยู่ที่นี่ เธอทำให้เขารู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัว เธอเป็นยัยตัวบ้าที่เข้ามาให้เขาปวดหัว แม้จะเพิ่งรู้จักกันก็ตามที...