บทที่ 4 วุ่นวาย

2410 คำ
อลินกลับบ้านมาด้วยใบหน้านิ่งเรียบราวกับว่ามีบางอย่างให้คิดในหัว จนคนเป็นแม่ที่มองเห็นนั้นจับสังเกตได้ ลูกสาวเอาแต่เล่นโทรศัพท์ ต่างจากเมื่อก่อนที่ชอบพูดไม่หยุด “จริง ๆ แล้วอลินกำลังมีความรักครับแม่” เสียงของลูกชายกระซิบกระซาบที่ใบหู ทำให้คนเป็นแม่เบิกตากว้าง “จริงเหรอ” “ครับ แต่ว่าไม่ใช่รุ่นเดียวกัน” “หือ...เป็นรุ่นพี่เหรอ” ถามด้วยความสงสัย แต่ก็ได้รับการส่ายหน้าเบา ๆ จากลูกชายราวกับจะบอกว่าไม่รู้ นั่นทำให้คนเป็นแม่ยิ่งสงสัย ก้าวขาเดินไปหาบุตรสาวที่นั่งทำหน้าเครียดอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่น “อลิน ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนล่ะ” หย่อนสะโพกลงนั่งข้าง ๆ เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงใจเย็น “เดี๋ยวก่อนค่ะ” ว่าขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่ได้สนใจคนเป็นแม่ เด็กสาวกำลังเขี่ยโทรศัพท์ส่องหาเฟซบุ๊กของหมอแผ่นดิน เพราะไอจีเขาตั้งค่าความเป็นส่วนตัวไว้ ไม่ง่ายเลยที่จะสามารถเข้าไปหาข้อมูลว่าเขาชอบอะไร ทำอะไรบ้าง “ทำไรเหรอ ให้แม่ดูหน่อยได้ไหม” พยายามชะเง้อคอมองหน้าจอโทรศัพท์ของลูกสาว แต่อลินก็ยกโทรศัพท์หนี “ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่” พูดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มองตามเดิม ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวหนูขึ้นห้องก่อน” “อ้าว เดี๋ยวสิลิน” ใบหน้าของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความกังวล เกรงว่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จะทำให้ลูกสาวมีปัญหากับการเรียน สองฝ่าเท้ารีบก้าวเดินตามแต่หางตาก็ไปสะดุดเห็นว่าสามีกำลังกลับมาถึงบ้านพอดี “เฮีย...” ร่างบางของภรรยาคู่ชีวิตเดินไปคล้องแขนสามี “หือ มีไรหรือเปล่า” ถามด้วยความสงสัย ปกติภรรยาไม่ได้เดินมาหาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลแบบนี้ ทว่า “ก็อลินมีความรักแม่เลยกังวลครับ” อลันเอ่ยแทรกทันที เจตนาก็แค่เป็นห่วงน้องสาว “วันนี้เล่นโทรศัพท์ทั้งวันเลย ครูสอนก็ไม่สนใจ” “จริงเหรอ...” คนเป็นแม่ถามเสียงอ่อน ในใจกังวลไปต่าง ๆ นานา “ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ลูกก็มีความรักตามประสา ตามอายุ” ว่าพร้อมกับถอดสูทที่สวมอยู่ออก แต่คำพูดของสามีก็ไม่ได้ทำให้เธอคลายกังวล “ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเป็นห่วงลูกค่ะ เฮียลองไปถามหน่อยสิ เมื่อกี้ฉันพยายามถามแล้วแต่ลูกไม่ตอบเลย” ใบหน้าหล่อเหลาของสามีพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างไรเสียการพูดคุยน่าจะเป็นทางออกที่ดี ...อลินนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนที่นอนโดยที่ยังไม่ทันได้เปลี่ยนชุดตามที่แม่บอก ทว่าเสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นทำให้ร่างเล็กรีบดีดตัวลุกเตรียมจะไปเปลี่ยนชุด “พ่อขอเข้าไปนะลูก” เสียงทุ้มลึกของคนเป็นพ่อทำให้อลินขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าพ่อจะกลับบ้านในวันนี้ “ค่ะ” เธอตอบรับอย่างงง ๆ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร ซึ่งบานประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้เป็นพ่อทำเอาเด็กสาวขนลุก หวาดเสียวว่าจะโดนดุ “มีอะไรหรือเปล่าคะ” “หึ ทำไมถามเสียงสั่นแบบนั้น ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า” คนเป็นพ่อไม่ตอบ แต่โยนคำถามให้แทน ตามสไตล์ทนายความที่ชอบตั้งคำถามกับผู้ต้องสงสัยเสมอ “ปะเปล่าสักหน่อย หนูก็แค่สงสัยไงคะ” กลอกตาไปมาไม่กล้าสบตากับคนเป็นพ่อ “หึ พ่อไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากรู้ว่าลูกมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” “ไม่มีอะไรค่ะ พี่ลันบอกอะไรพ่อหรือเปล่าคะ” เดินเข้าหา พร้อมกับคล้องแขนคนเป็นพ่อด้วยท่าทีออดอ้อน “หึ ลันบอกว่าลินกำลังมีความรัก” อลินฉีกยิ้มยิงฟันให้กับคนเป็นพ่อ “ค่ะ..” เธอตอบอย่างคนอารมณ์ดี ไม่อยากปิดบังอะไรทั้งนั้น แต่ใบหน้าของคนเป็นพ่อกลับไม่ยิ้มแย้มอย่างที่เธอคิด “ทำไมคะ หนูมีความรักไม่ได้เหรอ” “ไม่ใช่ว่ามีไม่ได้ พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ว่ามันต้องมีขอบเขตหน่อย” “คะ?” เอียงคอสงสัย ขยับกายห่างจากคนเป็นพ่ออัตโนมัติ เกิดอาการน้อยใจขึ้นมาทันที “ก็ลันบอกว่าหนูเล่นแต่โทรศัพท์ไม่สนใจเรียน” “ก็ครูสอนน่าเบื่อค่ะ หนูไม่อยากเรียนในห้องเรียน อ่านเองก็ได้ ยังไงหนูก็สอบได้อยู่ดีพ่อไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” “แล้วทำไมไม่ให้เกียรติครูผู้สอนบ้างล่ะ เล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนครูเขาให้เล่นเหรอ” ว่าเสียงเข้ม อลินดื้อมากกว่าพี่ชายฝาแฝดเป็นไหน ๆ “ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ หรือพ่อไม่อยากให้หนูมีความรัก แต่ว่าพี่ลันมีได้” “ก็ลันเป็นผู้ชาย มันไม่มีอะไรเสียหายนะลูก” “ผู้ชาย? เอะอะ ๆ ก็ผู้ชาย ทำไมคะ เป็นผู้หญิงแล้วมีแฟนไม่ได้เหรอ” ว่าทั้งน้ำตา ยังไม่ได้คบเลย พ่อก็พูดดักทางเสียแล้ว “ไม่ใช่อย่างนั้น...” พอเห็นอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็ว่าเสียงอ่อน ไม่ได้อยากห้ามอย่างที่ลูกเข้าใจ เพียงแค่อยากให้อยู่ในขอบเขต อลินอายุยังน้อยอยู่เลย “พ่อไม่ได้ห้ามเลยลิน แค่อยากให้ลูกรู้เวลาหน่อย เห็นลันบอกว่าเป็นรุ่นพี่อีกใช่ไหม” “อึก...” กลืนน้ำลายลงคอ เสมองไปทางอื่นไม่ยอมตอบคนเป็นพ่อ ทั้ง ๆ ที่คิดไว้ว่าจะแนะนำให้พ่อรู้จัก แต่คราวนี้มีบางอย่างสะกิดใจบอกว่าพ่อคงไม่เห็นด้วย เลยเลือกปิดปากเงียบ “หือ? แนะนำให้พ่อรู้จักหน่อยสิ ชวนมากินข้าวที่บ้าน หรือข้างนอกก็ได้ ไว้พ่อหาวันว่างให้” ยิ้มบาง ๆ เดินเข้าหาลูกสาว พยายามพูดคุยกับเด็กวัยนี้ที่กำลังมีความคิดเป็นของตัวเอง “อึก นะหนูยังไม่ได้คบหรอกค่ะ แต่ว่า...เอ่อ แค่หนูชอบเขาเฉย ๆ” “แอบชอบ?” “ก็...ประมาณนั้นค่ะ” ว่าพร้อมกับก้าวขาเดิน สอดแขนกอดเอวของคนเป็นพ่อด้วยท่าทีอ้อน ๆ “พ่อไม่ต้องห่วงหนูนะ หนูไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก” “หึ พ่อไม่ได้กลัวหนูทำอะไรไม่ได้ พ่อกลัวว่าหนูจะถูกทำไม่ดีต่างหาก” เอ่ยพูดด้วยความเป็นห่วง พลางลูบศีรษะลูกสาวคนเดียวเบา ๆ ไม่อยากห้ามอะไรมากเดี๋ยวจะยิ่งทำให้เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ ไว้หาคนคอยตามเฝ้าลูกไว้ อย่างไรเสียลูกสาวก็ยังเด็กมาก เขาไม่อยากให้ยัยหนูก้าวผิด... หลายวันต่อมา... แค่ได้แอบมองตรงนี้ก็ทำให้วันทั้งวันนั้นสดใส อลินนั่งมองคุณหมอหนุ่มในโรงอาหารของโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่รู้ตัว ชายหนุ่มกำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนของเขา “คนนี้เหรอ หล่อจริง ๆ ด้วย” โยษิตาเพื่อนสาวเอ่ยถาม ซึ่งอลินยืนยันด้วยการพยักหน้ารับ “วันนี้เขาใส่แว่นด้วย ยิ่งหล่อไปกันใหญ่” ว่าพร้อมกับเขินบิด สาวน้อยแก้มแดงขึ้นมาด้วยความเขินอาย “ตะแต่ว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะลิน” “หึ ไม่รู้สิ ความรักมันไม่มีข้อจำกัดหรอก” อลินว่าพร้อมกับเท้าคางมอง ทว่าขณะนั้นเอง พรึ่บ! “ก้มลงสิโย เขามองเห็นกันพอดี” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากลับหันมามองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เธอรีบก้มหน้าลง แต่เพื่อนสาวกลับไหวตัวไม่ทัน “อ้าว...” พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ไม่เห็นพี่หมอแล้ว อลินทำหน้าเศร้าทันที “เพราะแกเลยไม่ก้มหน้าลง เขาคงเห็นแล้ว” “อ้าว ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ยังไงเขาก็ไม่เคยเห็นฉันอยู่ดี” “นั่นสิ ไปไหนนะ” ว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืน ร่างเล็กในชุดนักเรียนสองคนโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน เธอเดินชะเง้อคอมองหาพี่หมอจนคนเป็นเพื่อนเดินตามไม่ทัน “ลิน กลับกันเถอะเดี๋ยวเข้าเรียนภาคบ่ายไม่ทัน” “เดี๋ยวสิ กลับตอนนี้ก็คงไม่มีสมาธิเรียน” ว่าด้วยความเสียดาย อยากคุยด้วยแต่หลายวันที่ผ่านมาเขาเอาแต่หลบหน้าเธอ เด็กสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำเรื่องไม่เหมาะสม “แต่ว่า...ยังไงเราต้องเข้าเรียนนะ” โยษิตาว่าเสียงอ่อน ไม่อยากให้อลินต้องทำอะไรแบบนี้เลย “เฮ้อ...ก็ได้” สุดท้ายก็ต้องยอมถอยไปก่อน นึกเสียดายที่ไม่ได้คุยด้วยเลย แต่วันพรุ่งนี้ก็จะได้มาหาหมอแล้ว อย่างไรเสียก็จะได้เจอเขาอีก ทว่า “พี่หมอ...” พอหันหลังกลับ กลับเจอคนที่อยากเจอยืนกอดอกพิงผนังอาคารโรงอาหารอยู่ เขามองเธอไม่วางตาเลยทีเดียว แผ่นดินคิดหนีกลับขึ้นห้องพักโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอ แต่หลายวันที่ผ่านมายิ่งเขาหนีเธอก็ยิ่งตามหา “เอ่อ นะนี่เพื่อนของฉันค่ะ ชื่อว่าโย” “สวัสดะดีค่ะคุณหมอ” โยษิตาว่าเสียงตะกุกตะกัก เพราะคุณหมอตรงหน้าทำหน้าดุดันไม่เกรงใจใครเลย ทำให้เธอไม่กล้ามากพอที่จะอยู่ข้าง ๆ เพื่อน “ลิน ฉันขอไปเรียนก่อนนะ” “อือ...” พยักหน้าให้เพื่อนพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ อลินยิ้มแหย ๆ ให้กับคุณหมอ “บังเอิญจังเลยนะคะ เราเจอกันอีกแล้ว” “หึ บังเอิญมากเลยสินะ เธอเรียนอยู่โรงเรียนแต่มาเจอฉันที่โรงพยาบาลได้” ว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แผ่นดินเอือมระอาเด็กนี่เต็มทน “กะก็หนูน่ะ แค่มากินข้าวที่นี่ พอดีหนูได้ยินมาว่าอาหารที่โรง’ บาลอร่อยมาก ใคร ๆ ก็ต้องมากิน” แม้จะจริงอย่างที่สาวน้อยคนนี้พูด แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเธอแค่มากินอาหารอย่างที่พูด “มานี่ เดินตามฉันมา” สายตาคมมองเห็นว่ามีคนหลายคนกำลังมองเขาอยู่ ทำให้ต้องรีบเดินเลี่ยงผู้คนออกไป ซึ่งอลินก็เดินตามอย่างว่าง่าย ...นัยน์ตาสีน้ำตาล เช่นเดียวกับสีผมของเธอ อลินเป็นเด็กน่ารักมาก ใครเห็นก็ต้องจ้องมองไม่ละสายตา ผมของเธอยาวจนถึงกลางหลังแต่ถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าผูกโบสีน้ำเงิน เด็กสาวสูงไม่มากหากเทียบกับเขา แต่ไม่ใช่ว่าเตี้ย เรียกได้ว่าสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทย ใบหน้าจิ้มลิ้ม ตาของเธอเหมือนจะมีแค่ชั้นเดียว ทำให้ดูเป็นสาวหมวย ตัวเล็กน่ารัก “เอ่อ พี่หมอคะ” เขาเอาแต่จ้องหน้าของเธอ อลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหวด้วยความเขินอาย เขามีสายตาทำลายล้าง คมและบาดลึกถึงใจของเธอ “เธอ...” กระแอมเสียงเล็กน้อย ชายหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอกราวกับว่าเป็นครูฝ่ายปกครอง เขาทำให้เธอต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “คะ?” เอียงคอสงสัย เม้มริมฝีปากเขาหากันอดกลั้นรอยยิ้มไว้ในใจ ไม่อยากให้เขาเห็นว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่ ทว่า “เลิกวุ่นวายสักทีจะได้ไหม” เขากลับทำให้ความคิดเมื่อครู่พังลงในพริบตาเดียว หมอแผ่นดินว่าเสียงเข้ม พลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา การที่เธอมาหาเขาทุกวันแบบนี้ทำให้เพื่อนที่ทำงานมองเขาไม่ดี เพราะเธอยังเด็กมาก “หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ แค่มากินข้าวเองนี่” ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อลินเสมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตากับเขา “มากินข้าว? เหอะ! เธอกำลังทำให้ฉันลำบากใจในการทำงาน เพื่อนร่วมงานของฉันพูดถึงเธอกันทั้งนั้น” “โอ๊ะ! จริงเหรอคะ ทะทำไมคนอื่นขี้นินทาจัง” “เขาไม่ได้นินทา แต่เธอไม่รู้จักกาลเทศะ” เปลือกตาบางกะพริบปริบ ๆ อลินคิดว่าตัวเองยังไม่ทันได้ทำอะไรเสียหายเสียด้วยซ้ำ ต่างจากคนที่โตกว่ามากประสบการณ์อย่างเขา การที่เธอใส่ชุดนักเรียนเดินตามเขาต้อย ๆ นี่แหละที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย และเธอก็ไม่รู้กาลเทศะอีกด้วย “นะหนูแค่มาที่นี่เพื่อ...” “เลิกโกหก! เด็กนี่ไม่เข้าใจจริง ๆ ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนหรือไง” ใบหน้าเล็กชาวาบด้วยความตกใจ เปลือกตาของเธอกะพริบถี่ ๆ หลังจากโดนด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง รอบดวงตาของเธอร้อนผ่าว รู้สึกเจ็บแปล๊บที่กลางอก น้ำตาไหลพรากออกมาในทันที เธอยืนอึ้งอยู่กับที่ ทำเอาคนเผลอตวาดเสียงนั้นตกใจเช่นกัน “ทะทำไม พูดแรงจัง” ว่าเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากอาบแก้มใส ตกใจมากไม่คิดว่าพ่อเทพบุตรในฝันจะด่าออกมาด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ “ที่ฉันพูดก็อยากให้เธอรู้ เธอยังเด็กแล้วคอยวิ่งตามผู้ชายมันไม่ดีต่อตัวเธอเอง คนอื่นเขามองยังไงเธอสนใจบ้างเถอะ หลายวันจนเกือบอาทิตย์ที่เธอมาที่นี่ เธอทำให้ฉันลำบากใจ” หมอหนุ่มรัวคำพูดออกมาไม่หยุด ความอัดอั้นถูกระบายออกมาจนหมด ที่ผ่านมาเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่เธอข้องแวะมาที่ทำงานของเขา ถามคนนั้นคนนี้ทีจนเพื่อนที่ทำงานมาบอกเขาว่ามันไม่เหมาะสม และไม่รู้จักกาลเทศะ “ฉะฉัน ฮึก ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาปัญหามาให้สักหน่อย ก็แค่...มาหาเอง ฮือ~” ตกใจจนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง ไม่คิดว่าเขาจะมีผลต่อหัวใจมาก แค่โดนตะคอกเสียงใส่ก็ร้องไห้ออกมาหนักขนาดนี้ “ไปซะ ไม่ต้องมาอีก มาแค่ตามนัดก็พอ” ว่าเสร็จก็เดินจากไป ทิ้งให้คนตัวเล็กยืนร้องไห้เสียงดัง อกหักดังเป๊าะคงเป็นแบบนี้ อลินซบใบหน้าลงใส่ฝ่ามือ ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ถูกพูดจาแรง ๆ ใส่ ไม่เคยมีใครด่าเธอแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทำไมเขาใจร้ายจัง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม