พรหมแห่งรัก50%

2484 คำ
“ความจริงยังเช้าแท้ๆ น่าจะพักอีกสักหน่อย เลยต้องตื่นก่อนไก่ขันมาดูคนแก่” เสียงบ่นร่ำๆ แม้จะพร่าและค่อยจนบางคำขาดความชัดเจนทว่ายังเต็มเปี่ยมด้วยความเอื้ออาทร หม่อมราชวงศ์ธนาธิปเหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าของร่างเหี่ยวคล้อยไปตามกาลเวลาในวัยเจ็ดสิบซึ่งกำลังหันไปดุสาวใช้ที่ตระหนกไม่เข้าเรื่อง มุมปากหยักได้รูปกดยิ้มเพียงเล็กน้อย แม้กระนั้นสีหน้าโดยรวมก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบเฉยเช่นเดิม “แต่น้ำตาลขึ้นสูงพอสมควรนะครับ” ราชนิกุลนายแพทย์หนุ่มหันไปเก็บเครื่องตรวจระดับน้ำตาลชนิดพกพาลงไปในล่วมยา แล้วหันมาประคองร่างคนแก่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนก่อนหน้าให้ลงมาจากเตียง “อายุมากแล้วก็อย่างนี้ เจ็บป่วยตามเรื่องตามราวประสาคนแก่ เลยต้องลำบากคุณชายเปล่าๆ” “ไม่ลำบากหรอกครับ เดี๋ยวผมจะปรับยาให้ ช่วงนี้คุณป้าคงต้องควบคุมเรื่องอาหารสักหน่อย” “ดูสิ ป้าเลยโดนคุณชายดุเลย” คำพ้อเจือเสียงกลั้วหัวเราะนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนพูดไม่ได้รู้สึกตามความหมาย เสียงเม็ดฝนกระทบขอบหน้าต่าง สาวใช้ในชุดยูนิฟอร์มสีกรมท่าค้อมตัวยกชามข้าวต้มกลิ่นหอมกรุ่นเดินเข้ามาเสิร์ฟเจ้านายทั้งสองอย่างรู้หน้าที่ มือเหี่ยวอูมจัดการเลื่อนพวงเครื่องปรุงไปไว้ตรงหน้าชายหนุ่มเช่นทุกครั้งที่เคยทำ เป็นความใส่ใจที่วาดจันทร์มีให้กับราชนิกุลหนุ่มจนกลายเป็นกิจวัตร “แล้วงานการตอนนี้เข้าที่เข้าทางดีแล้วหรือคะคุณชาย” เสียงพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบระหว่างมื้ออาหารคงพอทำเลาให้ความเงียบเหงาภายในตึกใหญ่ของ ‘วังรมย์นลิน’ บรรเทาเบาลงไปได้บ้าง ธนาธิปมองแววตาเอื้ออาทรของสตรีสูงวัยในชุดเสื้อลูกไม้คอปกสีโอลด์โรสติดกระดุมด้านหน้าเข้าชุดกับผ้าถุงไหมลายสร้อยดอกหมากโทนสีเดียวกันที่เอื้อมมือไปเลื่อนจานขนมปั้นสิบสดมาให้ ที่ทำให้เขาหวนนึกถึงหม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวี มารดาผู้ซึ่งจากไปไกลลับ ความทรงจำเกี่ยวกับตัวหม่อมแม่มีไม่มาก หม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวีสิ้นชีพิตักษัยเนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอและโรคภัยที่รุมเร้าหลังจากคลอดบุตรชายอันเป็นความหวังและรอคอยมานานตั้งแต่บุตรชายอายุได้ไม่กี่ขวบ ชีวิตไร้แม่ของหม่อมราชวงศ์ธนาธิปอันเป็นทายาทสายตรงของราชสกุล ‘ธุวานนท์’ เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอุ้มชูของพระญาติทางฝั่งท่านแม่เป็นหลัก ด้วยหม่อมเจ้าอธิรุจ ผู้เป็นบิดาเป็นนักการทูต ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องพำนักอยู่ต่างประเทศและมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ช่วงชีวิตสมบูรณ์พร้อมแต่ขาดหายซึ่งความรักความอบอุ่นอย่างที่ควรจะมีของเด็กชายในวันนั้น ทำให้เขานึกเปรียบเทียบตนเองกับวาดจันทร์ในตอนนี้ ความใหญ่โตโออ่าล้อมรอบด้วยเรือนน้อยใหญ่ของวังรมย์นลิน ห้อมล้อมด้วยผู้คน หัวใจของหญิงชราต้องแข็งแกร่งเพียงไหนในการยืนหยัดเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่ร่มเงาให้ ‘บ้านยังคงเป็นบ้าน’ ได้อย่างเช่นทุกวันนี้ แววตาของมารดาที่เขาจำได้นั้นแสนอ่อนโยน เช่นเดียวกับเจ้าของมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาที่ยังคงอ่อนโยนกับเขาเสมอตั้งแต่เมื่อครั้งวัยเยาว์จนกระทั่งตอนนี้ วาดจันทร์เป็นกำพร้าตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบและใช้ชีวิตในบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ข้างวัง หม่อมพิณผู้เป็นยายของเขาเห็นแล้วสงสารจึงรับตัวให้เข้ามาเป็นนางข้าหลวงทำหน้าที่ต้นห้องและพี่เลี้ยงของหม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวีบุตรสาวที่สุขภาพไม่แข็งแรงทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปไหนและมีเพื่อนเล่นน้อยตั้งแต่วัยเยาว์ เนิ่นนานแต่เล็กจนเติบใหญ่ แม้ต่างฐานันดร แต่ความผูกพันทางจิตใจของหม่อมเจ้าหญิงกับสามัญชนลูกกำพร้าทำให้นับถือกันและกันไม่ต่างจากพี่น้อง เช่นเดียวกับหม่อมพิณที่เอ็นดูวาดจันทร์ไม่ต่าง เหตุการณ์พลิกผันอีกครั้งในชีวิตหญิงสาวกำพร้าเมื่อเติบใหญ่ เพราะหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราของวาดจันทร์สะดุดตาหม่อมราชวงศ์หนุ่มใหญ่แห่งราชสกุลรมย์นลินซึ่งวัยห่างกันหลายปี แม้อีกฝ่ายจะเคยแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว แต่เพราะภรรยาที่หนึ่งซึ่งมียศทัดเทียมกันเสียชีวิต อีกทั้งหม่อมพิณเห็นว่าวาดจันทร์จะได้ตั้งต้นชีวิตที่ดีและฝ่ายชายสัญญาว่าจะยกย่องให้เกียรติ จึงยอมยกต้นห้องของบุตรสาวให้ วาดจันทร์ใช้ชีวิตในฐานะสะใภ้รมย์นลินอย่างมีความสุขตามอัตภาพ แม้ผู้เป็นสามีจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยตามประสาผู้ชายทรงเสน่ห์สมบูรณ์พร้อมในทุกอย่าง แต่นางก็ไม่คิดถือสา ยังคงทำตัวเป็นช้างเท้าหลังที่ดี เลี้ยงดู ‘หม่อมหลวงทัศนัย’ บุตรชายคนโตของสามีที่เกิดจากภรรยาแรกและ ‘หม่อมหลวงทศ’ บุตรชายของตนเองด้วยความรักอย่างเท่าเทียมจนเติบใหญ่ หม่อมหลวงทัศนัยก็รักนางเหมือนแม่บังเกิดเกล้า แต่ไม่ชอบหม่อมหลวงทศผู้เป็นน้องชายต่างมารดามาแต่ไหนแต่ไร เมื่อสิ้นบิดา วังรมย์นลินถูกยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของบุตรชายทั้งสอง ส่วนสมบัติอื่นนอกจากนี้ก็ถูกแบ่งอย่างเท่าเทียม สร้างความไม่พอใจให้หม่อมหลวงทัศนัยซึ่งไม่ลงรอยกับน้องชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความร้าวฉานระหว่างสองพี่น้องจึงแสดงออกมาอย่างชัดเจนในวันที่สิ้นพ่อ สุดท้ายเป็นหม่อมหลวงทศที่ยอมตัดปัญหาโดยการย้ายออกไปปลูกบ้านใหม่ในบริเวณเดียวกันและพยายามไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในวังรมย์นลินถ้าไม่มีเหตุจำเป็น การไม่ต้องเจอหน้ากันทุกวันพอทำเลาให้ปัญหาระหว่างพี่น้องทุเลาลงไปได้บ้าง แต่กระนั้นก็ยังสร้างความหนักใจไม่จางให้แก่ผู้เป็นแม่ เพราะมีข่าวถึงความไม่ลงรอยกันของลูกชายทั้งสองเข้ามากระทบหูบ่อยๆ ส่วนมากไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์จากกิจการ วาดจันทร์เคยเอ่ยขอร้องลูกชายคนเล็กถึงขั้นให้คืนสมบัติส่วนที่บิดาแบ่งให้แก่พี่ชายและจะยกส่วนที่เป็นของนางให้แทน แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้หม่อมหลวงทศปฏิเสธคำขอร้องของแม่ “มีคุณชายมานั่งคุยเป็นเพื่อนอย่างนี้ ป้าหายเหงาไปเยอะเลยค่ะ” มากล้นด้วยความห่วงหาอาทรในน้ำเสียง รอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าของราชนิกุลหนุ่มกับประโยคบอกเล่าระคนเสียดายของคนแก่ “เสียดายนะคะ คุณชายมาทีไร ยัยหนูเล็กไม่อยู่ให้เจอตัวสักที มีเรื่องให้คลาดกันตลอด” “ครับ” เสียงทุ้มรับคำ ธนาธิปเข้าไปประคองแขนเหี่ยวย่นของหญิงวัยเจ็ดสิบที่ยืนยันจะเดินออกมาส่งเขาด้วยตัวเอง “สายแล้ว รีบไปเถอะ ประเดี๋ยวรถจะติด ขอบใจมากที่เป็นห่วงป้า พระคุ้มครองนะคะคุณชาย” รถยุโรปสัญชาติเยอรมันของราชนิกุลหนุ่มเคลื่อนตัวออกจากตึกใหญ่ไปตามเส้นทางที่สองฝั่งริมทางขนาบข้างด้วยต้นสนเรียงราย ความสูงลิ่วที่โน้มตัวเข้าหากันจนกลายเป็นซุ้มทอดยาวจนเกือบถึงหน้าประตูวัง ภายใต้ความร่มรื่นของไม้ประดับต้นสูง สายตาหม่อมราชวงศ์หนุ่มเหลือบมองไปเห็นซุ้มไม้ประดับตัดแต่งเป็นทรงกลมเว้นช่องว่างไว้ตรงกลาง ภาพเด็กหญิงตัวน้อยสองแก้มแดงปลั่งเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่นั่งคุดคู้ร้องไห้อยู่ในนั้นอย่างน่าสงสาร ยัยหนูเล็กของป้าวาดจันทร์… ความทรงจำเมื่อครั้งอดีตผุดขึ้นมา ก่อนถูกเก็บไว้ที่เดิมหรือลอยหายไปกับสายฝนฉ่ำ ยากที่ใครจะรู้… เพียงแค่รถเคลื่อนผ่านประตูออกไป “ความจริงยังเช้าแท้ๆ น่าจะพักอีกสักหน่อย เลยต้องตื่นก่อนไก่ขันมาดูคนแก่” เสียงบ่นร่ำๆ แม้จะพร่าและค่อยจนบางคำขาดความชัดเจนทว่ายังเต็มเปี่ยมด้วยความเอื้ออาทร หม่อมราชวงศ์ธนาธิปเหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าของร่างเหี่ยวคล้อยไปตามกาลเวลาในวัยเจ็ดสิบซึ่งกำลังหันไปดุสาวใช้ที่ตระหนกไม่เข้าเรื่อง มุมปากหยักได้รูปกดยิ้มเพียงเล็กน้อย แม้กระนั้นสีหน้าโดยรวมก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบเฉยเช่นเดิม “แต่น้ำตาลขึ้นสูงพอสมควรนะครับ” ราชนิกุลนายแพทย์หนุ่มหันไปเก็บเครื่องตรวจระดับน้ำตาลชนิดพกพาลงไปในล่วมยา แล้วหันมาประคองร่างคนแก่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนก่อนหน้าให้ลงมาจากเตียง “อายุมากแล้วก็อย่างนี้ เจ็บป่วยตามเรื่องตามราวประสาคนแก่ เลยต้องลำบากคุณชายเปล่าๆ” “ไม่ลำบากหรอกครับ เดี๋ยวผมจะปรับยาให้ ช่วงนี้คุณป้าคงต้องควบคุมเรื่องอาหารสักหน่อย” “ดูสิ ป้าเลยโดนคุณชายดุเลย” คำพ้อเจือเสียงกลั้วหัวเราะนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าคนพูดไม่ได้รู้สึกตามความหมาย เสียงเม็ดฝนกระทบขอบหน้าต่าง สาวใช้ในชุดยูนิฟอร์มสีกรมท่าค้อมตัวยกชามข้าวต้มกลิ่นหอมกรุ่นเดินเข้ามาเสิร์ฟเจ้านายทั้งสองอย่างรู้หน้าที่ มือเหี่ยวอูมจัดการเลื่อนพวงเครื่องปรุงไปไว้ตรงหน้าชายหนุ่มเช่นทุกครั้งที่เคยทำ เป็นความใส่ใจที่วาดจันทร์มีให้กับราชนิกุลหนุ่มจนกลายเป็นกิจวัตร “แล้วงานการตอนนี้เข้าที่เข้าทางดีแล้วหรือคะคุณชาย” เสียงพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบระหว่างมื้ออาหารคงพอทำเลาให้ความเงียบเหงาภายในตึกใหญ่ของ ‘วังรมย์นลิน’ บรรเทาเบาลงไปได้บ้าง ธนาธิปมองแววตาเอื้ออาทรของสตรีสูงวัยในชุดเสื้อลูกไม้คอปกสีโอลด์โรสติดกระดุมด้านหน้าเข้าชุดกับผ้าถุงไหมลายสร้อยดอกหมากโทนสีเดียวกันที่เอื้อมมือไปเลื่อนจานขนมปั้นสิบสดมาให้ ที่ทำให้เขาหวนนึกถึงหม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวี มารดาผู้ซึ่งจากไปไกลลับ ความทรงจำเกี่ยวกับตัวหม่อมแม่มีไม่มาก หม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวีสิ้นชีพิตักษัยเนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอและโรคภัยที่รุมเร้าหลังจากคลอดบุตรชายอันเป็นความหวังและรอคอยมานานตั้งแต่บุตรชายอายุได้ไม่กี่ขวบ ชีวิตไร้แม่ของหม่อมราชวงศ์ธนาธิปอันเป็นทายาทสายตรงของราชสกุล ‘ธุวานนท์’ เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูอุ้มชูของพระญาติทางฝั่งท่านแม่เป็นหลัก ด้วยหม่อมเจ้าอธิรุจ ผู้เป็นบิดาเป็นนักการทูต ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องพำนักอยู่ต่างประเทศและมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ช่วงชีวิตสมบูรณ์พร้อมแต่ขาดหายซึ่งความรักความอบอุ่นอย่างที่ควรจะมีของเด็กชายในวันนั้น ทำให้เขานึกเปรียบเทียบตนเองกับวาดจันทร์ในตอนนี้ ความใหญ่โตโออ่าล้อมรอบด้วยเรือนน้อยใหญ่ของวังรมย์นลิน ห้อมล้อมด้วยผู้คน หัวใจของหญิงชราต้องแข็งแกร่งเพียงไหนในการยืนหยัดเป็นต้นไม้ใหญ่ แผ่ร่มเงาให้ ‘บ้านยังคงเป็นบ้าน’ ได้อย่างเช่นทุกวันนี้ แววตาของมารดาที่เขาจำได้นั้นแสนอ่อนโยน เช่นเดียวกับเจ้าของมือเหี่ยวย่นตามกาลเวลาที่ยังคงอ่อนโยนกับเขาเสมอตั้งแต่เมื่อครั้งวัยเยาว์จนกระทั่งตอนนี้ วาดจันทร์เป็นกำพร้าตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบและใช้ชีวิตในบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ข้างวัง หม่อมพิณผู้เป็นยายของเขาเห็นแล้วสงสารจึงรับตัวให้เข้ามาเป็นนางข้าหลวงทำหน้าที่ต้นห้องและพี่เลี้ยงของหม่อมเจ้าหญิงทิพย์รวีบุตรสาวที่สุขภาพไม่แข็งแรงทำให้ไม่ค่อยได้ออกไปไหนและมีเพื่อนเล่นน้อยตั้งแต่วัยเยาว์ เนิ่นนานแต่เล็กจนเติบใหญ่ แม้ต่างฐานันดร แต่ความผูกพันทางจิตใจของหม่อมเจ้าหญิงกับสามัญชนลูกกำพร้าทำให้นับถือกันและกันไม่ต่างจากพี่น้อง เช่นเดียวกับหม่อมพิณที่เอ็นดูวาดจันทร์ไม่ต่าง เหตุการณ์พลิกผันอีกครั้งในชีวิตหญิงสาวกำพร้าเมื่อเติบใหญ่ เพราะหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราของวาดจันทร์สะดุดตาหม่อมราชวงศ์หนุ่มใหญ่แห่งราชสกุลรมย์นลินซึ่งวัยห่างกันหลายปี แม้อีกฝ่ายจะเคยแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว แต่เพราะภรรยาที่หนึ่งซึ่งมียศทัดเทียมกันเสียชีวิต อีกทั้งหม่อมพิณเห็นว่าวาดจันทร์จะได้ตั้งต้นชีวิตที่ดีและฝ่ายชายสัญญาว่าจะยกย่องให้เกียรติ จึงยอมยกต้นห้องของบุตรสาวให้ วาดจันทร์ใช้ชีวิตในฐานะสะใภ้รมย์นลินอย่างมีความสุขตามอัตภาพ แม้ผู้เป็นสามีจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยตามประสาผู้ชายทรงเสน่ห์สมบูรณ์พร้อมในทุกอย่าง แต่นางก็ไม่คิดถือสา ยังคงทำตัวเป็นช้างเท้าหลังที่ดี เลี้ยงดู ‘หม่อมหลวงทัศนัย’ บุตรชายคนโตของสามีที่เกิดจากภรรยาแรกและ ‘หม่อมหลวงทศ’ บุตรชายของตนเองด้วยความรักอย่างเท่าเทียมจนเติบใหญ่ หม่อมหลวงทัศนัยก็รักนางเหมือนแม่บังเกิดเกล้า แต่ไม่ชอบหม่อมหลวงทศผู้เป็นน้องชายต่างมารดามาแต่ไหนแต่ไร เมื่อสิ้นบิดา วังรมย์นลินถูกยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของบุตรชายทั้งสอง ส่วนสมบัติอื่นนอกจากนี้ก็ถูกแบ่งอย่างเท่าเทียม สร้างความไม่พอใจให้หม่อมหลวงทัศนัยซึ่งไม่ลงรอยกับน้องชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความร้าวฉานระหว่างสองพี่น้องจึงแสดงออกมาอย่างชัดเจนในวันที่สิ้นพ่อ สุดท้ายเป็นหม่อมหลวงทศที่ยอมตัดปัญหาโดยการย้ายออกไปปลูกบ้านใหม่ในบริเวณเดียวกันและพยายามไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวในวังรมย์นลินถ้าไม่มีเหตุจำเป็น การไม่ต้องเจอหน้ากันทุกวันพอทำเลาให้ปัญหาระหว่างพี่น้องทุเลาลงไปได้บ้าง แต่กระนั้นก็ยังสร้างความหนักใจไม่จางให้แก่ผู้เป็นแม่ เพราะมีข่าวถึงความไม่ลงรอยกันของลูกชายทั้งสองเข้ามากระทบหูบ่อยๆ ส่วนมากไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์จากกิจการ วาดจันทร์เคยเอ่ยขอร้องลูกชายคนเล็กถึงขั้นให้คืนสมบัติส่วนที่บิดาแบ่งให้แก่พี่ชายและจะยกส่วนที่เป็นของนางให้แทน แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้หม่อมหลวงทศปฏิเสธคำขอร้องของแม่ “มีคุณชายมานั่งคุยเป็นเพื่อนอย่างนี้ ป้าหายเหงาไปเยอะเลยค่ะ” มากล้นด้วยความห่วงหาอาทรในน้ำเสียง รอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าของราชนิกุลหนุ่มกับประโยคบอกเล่าระคนเสียดายของคนแก่ “เสียดายนะคะ คุณชายมาทีไร ยัยหนูเล็กไม่อยู่ให้เจอตัวสักที มีเรื่องให้คลาดกันตลอด” “ครับ” เสียงทุ้มรับคำ ธนาธิปเข้าไปประคองแขนเหี่ยวย่นของหญิงวัยเจ็ดสิบที่ยืนยันจะเดินออกมาส่งเขาด้วยตัวเอง “สายแล้ว รีบไปเถอะ ประเดี๋ยวรถจะติด ขอบใจมากที่เป็นห่วงป้า พระคุ้มครองนะคะคุณชาย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม