กาฝากรมย์นลิน

2105 คำ
หลายวันเดือนผ่าน เธอมีชีวิตของเธอ ส่วนเขาก็คงมีชีวิตในแบบของเขา ในขอบรั้วมหาวิทยาลัย มีบางครั้งที่กุลญาดาบังเอิญได้เจอราชนิกุลหนุ่มบ้าง เธอยกมือไหว้ แต่เขาพยักหน้ารับเหมือนคนเหินห่าง เหมือนไม่ได้มีศักดิ์เป็นอา อย่างที่พ่อกับย่าพาเธอไปแนะนำให้รู้จักเมื่อครั้งงานคล้ายวันประสูติหม่อมเจ้าอธิรุจ วันนี้เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย หลังจากเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวออกมานั่งรอที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะเพราะบิดาบอกว่าจะมารับไปกินข้าวเย็นนอกบ้านเพื่อเลี้ยงฉลอง คิดมาถึงตรงนี้เรียวปากอิ่มแย้มสีชมพูก็อดระบายยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ครอบครัวของเธออบอุ่น หากขอพรได้สักข้อให้สิ่งใดคงอยู่ในชีวิตตลอดไป เธอขอแค่เพียงให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เหมือนเดิมตลอดไป ไม่หวังสิ่งใดมากมายอีก ห้าโมงเย็น… กุลญาดายกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดู เมื่อพบว่าเลยเวลาที่นัดหมายกันไว้มาร่วมครึ่งชั่วโมง หรือเย็นวันศุกร์อย่างนี้บางทีรถอาจติด ทว่าอีกเกือบชั่วโมงผ่านไปจนเริ่มพลบค่ำ สาวน้อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรหาปลายสาย หลังจากโบกมือร่ำลาเพื่อนคณะเดียวกันที่เดินเข้ามาทักทาย เธอปฏิเสธด้วยความเกรงใจเมื่ออีกฝ่ายบอกอย่างมีน้ำใจว่าจะอยู่เป็นเพื่อน …ไม่มีสัญญาณตอบกลับใดๆ จากหมายเลขปลายทาง มีเพียงเสียงรอสายหลายครั้งก่อนจะถูกตัดสัญญาณไปด้วยระบบอัตโนมัติ คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วง จากใจเย็นนั่งอ่านหนังสือรอไปเรื่อยๆ ได้ ตอนนี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ด้วยรับรู้ถึงความผิดปกติ พ่อไม่เคยผิดสัญญา ต่อให้ติดงานด่วนอย่างไรก็จะโทรมาบอก ยิ่งมืดค่ำแล้วอย่างนี้ไม่มีทางลืมปล่อยให้เธออยู่นอกบ้านเพียงลำพังคนเดียว แสงสีเหลืองนวลสาดจากไฟข้างทางหลายดวงลงมาบนพื้นถนน มีทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ขับผ่านไปมา ทำให้บรรยากาศรอบตัวหญิงสาวดูไม่เปลี่ยวอันตรายเกินไปนัก กุลญาดาถอนหายใจอย่างโล่งอก ใบหน้าหวานละมุนระบายยิ้มเมื่อเห็นรถเก๋งสัญชาติยุโรปคุ้นตาขับผ่านประตูรั้วคณะมาหยุดตรงหน้า “คุณพ่อติดงานหรือคะ” หญิงสาวถามลุงวงศ์คนขับรถประจำวังหลังจากขึ้นมานั่งเป็นที่เรียบร้อย “เอ่อ…คะ…ครับคุณหนู” สั้นๆ เท่านั้น… แต่มากมายเหลือเกินกับความรู้สึกที่ถาโถมขึ้นมาและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่คำตอบรับตะกุกตะกัก สีหน้าท่าทาง และความเงียบตลอดทาง จากใจที่แกว่งอยู่แล้ว หญิงสาวเริ่มรู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว สองมือเย็นเยียบขึ้นมาโดยไม่รู้ถึงเหตุผลที่ซ่อนอยู่ข้างใน เมื่อรถที่เธอโดยสารมาเลี้ยวเข้าไปในประตูของโรงพยาบาล “มีใครเป็นอะไรหรือคะ” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นแผ่วเบาสั่นพร่า ปากถาม แต่สิ่งที่ทำคือไม่รอคำตอบ กุลญาดาเปิดประตูลงจากรถเข้าไปในโรงพยาบาล เธอวิ่ง…ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปทางไหน จะใครก็ล้วนแต่เป็นคนที่เธอรัก แค่ปลายเล็บเธอยังไม่อยากให้คนที่เป็นยิ่งกว่าชีวิตต้องเจ็บ ทว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้า เหมือนหัวใจกำลังจะแตกสลายลงไปทุกที ความคิดที่วูบขึ้นมาอย่างแรก สิ่งที่กลัวที่สุดสะเทือนหัวใจให้หวั่นไหวสั่นคลอนอย่างไม่อาจยอมรับ เธอไม่อาจยอมรับได้ ไม่มีวันยอมรับได้… ว่าคำที่บอกข้างหูเบาๆ และภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นความจริง!! อุบัติเหตุได้พรากท่านไปจากเธอแล้ว …ในอ้อมกอดของผู้เป็นย่าและผู้คนมากมายที่รายล้อม ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนสิ่งที่เธอเสียไปได้เลย ไม่มีอีกแล้ว ไม่ใช่แค่พ่อ แต่เป็นทั้งพ่อและแม่ ท่านที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เป็นดั่งลมหายใจ เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า แต่ไม่เห็น ไม่มีแม้ซากปรักหักพังใดๆ เมื่อมองผ่านม่านน้ำตา มีเพียงความว่างเปล่ากับเตียงสองเตียงที่มีร่างไร้ชีวิตของคนที่เธอรักสุดหัวใจถูกคลุมด้วยผ้าขาวเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า “พ่อคะ แม่คะ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม อย่าทำแบบนี้กับแก้ม” …เจ็บปวดจนเกินจะรับไหว สองมือสั่นไหวไม่ต่างจากหัวใจพยายามจะเอื้อมไปหา แต่ตอนนี้เธออ่อนแรงเกินกว่าจะทำอย่างนั้น ร่างบอบบางกับหัวใจที่บอบช้ำเกินจะทานทน หญิงสาวพยายาม… แต่โลกของเธอกลับสั่นคลอนโคลงเคลง ในวินาทีที่ร่างอรชรกำลังร่วงลงไปบนพื้น มีใครคนหนึ่งถลาเข้ามา โอบกอดประคองเธอไว้ในอ้อมแขน แววตาของเขา ไออุ่นที่แผ่กระจายจากร่างสูงใหญ่ล้อมรอบตัวคล้ายคำปลอบประโลม มันแปลกที่ทำให้โลกที่แตกสลายไปแล้วตรงหน้ากลับอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง บรรเทาความหนาวเหน็บแม้จะเพียงแค่เล็กน้อย อยากฝืนลืมตาขึ้นมาเพื่อกอดท่านทั้งสองเป็นครั้งสุดท้าย แต่คนบนฟ้าใจร้ายเกินไป ไม่ให้โอกาสเธอได้ร่ำลาก่อนจากไม่พอ ยังไม่ยอมให้เธอได้ทำอย่างนั้น เกินกว่าจะทานทนไหว… หญิงสาวหลับตาลงอย่างไม่อาจฝืน ในไออุ่นของอ้อมแขนที่ยังกระชับไว้ไม่ปล่อย กุลญาดาลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับความจริงที่ไม่จางหาย ทว่าสัจธรรมของโลกเป็นสิ่งที่เธอจำเป็นต้องยอมรับ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นหลายๆ เดือน จนถึงวันพระราชทานเพลิงศพ วันที่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะส่งท่านทั้งสองขึ้นสวรรค์ด้วยรอยยิ้มให้ท่านได้สบายใจ อาจทำได้ไม่ดีนัก แต่ท่านทั้งสองคงภูมิใจที่ในสุดลูกสาวของท่านก็ทำได้ แม้จะเป็นรอยยิ้มบนคราบน้ำตา “ไม่ต้องห่วงแก้มนะคะ แก้มจะดูแลตัวเอง จะดูแลคุณย่าแทนพ่อให้ดีที่สุด” ดวงตาเจือประกายเศร้าคลอน้ำเอ่อเหม่อมองขึ้นไปบนปล่องสูงและควันสีขาวที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า ตอนนี้พ่อกับแม่คงมองลงมาและกำลังยิ้มให้เธออยู่เช่นกัน ตลอดชีวิตยี่สิบสองปีของเด็กหญิงที่ถูกปล่อยให้เกิดมาลืมตาดูโลกอย่างแสนอาภัพไร้พ่อแม่ที่แท้จริงเคียงข้าง แต่กุลญาดาไม่เคยโทษว่าเป็นความผิดของใคร เพราะอย่างน้อยเธอก็โชคดีเหลือเกินที่ได้มาเป็นลูกของท่านทั้งสอง พ่อแม่ที่มีหัวใจอันประเสริฐ ให้ความรักความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม ให้โอกาสให้เกียรติยศเด็กไร้ค่าอย่างเธอให้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในรมย์นลินและรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ ในวันที่ไม่มีร่มไม้ใหญ่คอยปกป้องคุ้มครอง ลึกๆ แล้วหญิงสาวยอมรับว่ากลัวเหลือเกิน… ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มถูกส่งมาให้ในตอนที่กุลญาดากำลังจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เธอหันไปมองเจ้าของร่างสูงที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ตัว หญิงสาวถอนสะอื้น ยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณเขาแผ่วเบาและรับมันมา ก่อนขอตัวเดินกลับเข้าไปดูแลคุณย่าที่นั่งพักอยู่ในศาลาด้านใน ธนาธิปมองตามแผ่นหลังบอบบางของเจ้าของนัยน์ตาเศร้า แม้บางครั้งกุลญาดาจะยิ้มด้วยใบหน้า แต่เขาไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มจากแววตาอ่อนหวานแสนสดใสของเธออีกเลยตั้งแต่วันนั้น… วันที่เอื้อมมือไปรับร่างแน่งน้อยสั่นไหวเข้ามาไว้ในอ้อมกอดก่อนที่เธอจะล้มลงไป สายตานิ่งลึกยากจะหยั่งอารมณ์มองตามร่างเล็กที่ตอนนี้เข้าไปนั่งพับเพียบลงตรงหน้าป้าวาดจันทร์ แล้วกอดท่านเอาไว้แน่นเหมือนเป็นที่ยึดเหนี่ยวเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ แววตานิ่งสุขุมทว่าทอดอ่อนกว่าปกติมองตามมือเหี่ยวย่นที่ลูบหลังหลานสาวปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน มองสายตาของหญิงชราอายุเจ็ดสิบที่ทอดมองสาวน้อยกิริยาอ่อนหวาน แต่จิตใจเข้มแข็งมากกว่าภายนอกที่แสดงให้เห็น เขาคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตที่ผ่านมา กุลญาดาใช้ชีวิตอยู่ในวังรมย์นลินได้อย่างไร ท่ามกลางสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่หลายคนในตระกูลมองเธอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาที่เขาได้เห็น อีกทั้งสายตาชิงชังอย่างเปิดเผย แล้ววันนี้ที่หญิงสาวไม่เหลือใครให้เป็นหลักพึ่งพิง มีแต่ย่ากับ ‘เรื่อง’ ที่เขาได้รับรู้และคำขอร้องของวาดจันทร์ แล้วเขาควรจะทำอย่างไรกับ ‘กาฝากของรมย์นลิน’ ผลการทำกราฟหัวใจ (EKG) แสดงอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลังจากสอบถามประวัติการแพ้ยารวมถึงการอดอาหาร ผู้ป่วยถูกนำตัวเข้าห้องเพื่อทำการฉีดสีเข้าหลอดเลือดหัวใจ พยาบาลติดอุปกรณ์ติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจ พันเครื่องวัดความดันโลหิต ให้น้ำเกลือตามแผนการรักษาของแพทย์ ทายาฆ่าเชื้อบนผิวหนังตำแหน่งที่เตรียมทำหัตถการ มือนิ่งของนายแพทย์หนุ่มภายใต้ชุดเขียวปลอดเชื้อแทงเข็ม สอดสายสวนขนาดเล็กเข้าไปตามหลอดเลือดแดงจนถึงรูเปิดของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก่อนฉีดสารทึบรังสีเอกซเรย์เข้าไปในหลอดเลือดหัวใจทีละเส้น ผลการตรวจพบมีหลอดเลือดหัวใจตีบทางซ้ายส่วนด้านหน้า ความยุ่งยากมากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อผู้ป่วยมีอาการหายใจไม่ออกอย่างรุนแรงและช็อกกะทันหัน ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะประคับประคองให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติพอที่จะทำการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการใช้บอลลูนและใส่ขดลวดเข้าไปได้ โคมไฟสว่างจ้าถูกปิด นายแพทย์หัวหน้าทีมขอบคุณทีมแพทย์และพยาบาลเมื่อการรักษาผ่านไปด้วยดีหลังจากใช้เวลาร่วมสี่ชั่วโมง ก่อนออกไปประชุมเรื่องแนวทางการรักษากับทีมแพทย์ ทั้งที่ควรพักผ่อนหลังจากโหมงานหนัก ทว่าเครื่องดื่มดีกรีแอลกอฮอล์ระดับเข้มกลับเป็นสิ่งที่ราชนิกุลหนุ่มเรียกหาทันทีที่กลับถึงวัง ทั้งที่ด้วยอาชีพที่ต้องครองสติทำให้เขาไม่ค่อยได้เฉียดใกล้มันบ่อยนัก แต่วันนี้… เขามีเรื่องต้องครุ่นคิด ‘ช่วยเมตตายัยหนูเล็กด้วย ป้ากลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง’ เสียงสั่นเครือและแววตากลัวจับใจของป้าวาดจันทร์ยังติดอยู่ในหัวใจและสายตาของเขา แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วหลายอาทิตย์ วันนั้นที่ผู้หญิงที่เขาให้ความรักและเคารพไม่ต่างจากแม่มาพบเขาที่วังด้วยตนเอง เพื่อขอร้อง… พร้อมความจริงบางอย่างที่เขาได้รับรู้ ชายหนุ่มยกแก้ววิสกี้ในมือจรดริมฝีปาก ทอดสายตาจากระเบียงด้านบนที่ยืนอยู่ไปยังสวนสไตล์คลาสสิกด้านหน้า ซึ่งช่วยลดทอนความเป็นทางการของตึกใหญ่สไตล์โคโลเนียลให้ดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น วิสกี้ที่เหลือในแก้วถูกสาดลงคอทีเดียวหมด สนามหญ้าหน้าวังทำให้เขานึกถึงหญิงสาวในชุดทรงบอลลูนสีขาว ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราแต้มด้วยรอยยิ้มเสมอที่ดูอ่อนหวานและอ่อนเยาว์สมวัยเกินกว่าเรื่องเลวร้ายในชีวิตของเธออย่างที่เขาเพิ่งได้รู้และถูกขอร้องให้ช่วยแบกรับภาระนั้นไว้ ภาพสาวน้อยเจ้าของผิวขาว ใบหน้าซีดเผือดราวกระดาษ แต่แววตาหวานซึ้งดั่งดอกไม้แรกแย้มนั้นยังตราตรึง แม้เวลาจะผ่านมาร่วมสองปี วันที่เขาได้เจอ… ได้คอยมอง แต่ไม่คิดว่าจะได้พบเธออีกครั้ง ทั้งชีวิตตั้งแต่เกิดมาหรืออย่างน้อยก็นับตั้งแต่ยังจำความได้ มีแต่เขาที่อยากให้ โดยที่ป้าวาดจันทร์ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเขาเลย หากเป็นครั้งก่อนๆ เขาคงเต็มใจตอบรับในคำขอร้องนั้นโดยแทบไม่ต้องคิด ทว่าครั้งนี้… กับสิ่งที่ขอให้เขารับไว้โดยไม่ทันตั้งตัว ชีวิตของกุลญาดา… ดวงตาสีดำสนิทซ่อนความรู้สึกภายในไว้ลึกเกินกว่าที่คนภายนอกจะสามารถคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจ …รวมถึงการตัดสินใจของเขา แต่มันจะไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้เลยหรือ…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม