บทที่ 4
‘หล่อนเกลียดเหลือเกินเวลาที่อ่านความคิดของผู้ชายตรงหน้าไม่ออกแบบนี้ หล่อนอยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับตัวเอง แต่เขาก็ไม่ยอมให้หล่อนได้เข้าใกล้ความรู้สึกของเขาเลย นี่เขาจะรู้บ้างไหมนะ ว่าหล่อนน่ะแสนอึดอัดกับการที่จะต้องเดาความคิดของเขาตลอดเวลาแบบนี้มากแค่ไหน’
“เอ่อ...ผมลืมบอกไปอีกอย่าง...”
“อะไรคะ?”
คนตัวโตยิ้มบางๆ มองเลยหล่อนไปยังประตูอีกบานที่อยู่ด้านข้างของห้องนอน
“ประตูบานนั้นเชื่อมต่อกับห้องนอนของผม ดังนั้นหากคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปหาผมได้ทุกเวลา ผมอนุญาต”
หญิงสาวมัวแต่จ้องมองประตูที่เขาชี้บอกอยู่จึงไม่รู้ว่าวินซ์ออกไปจากห้องตอนไหน มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่บานประตูหน้าห้องนอนกระทบเข้ากับวงกบแล้วนั่นแหละ ขวัญชีวาถอนใจออกมาเบาๆ ขณะเคลื่อนกายเข้ามาหยุดใกล้ๆ กับประตูบานที่วินซ์บอกว่าสามารถทะลุผ่านเข้าไปในห้องของเขาได้ แล้วก็ได้พบว่ามันเป็นประตูไม้สักที่ผ่านการแกะสลักจากช่างฝีมือประณีตจนงดงามน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือฝั่งของหล่อนไม่สามารถที่จะล็อกประตูได้ นั่นก็แสดงให้รู้ว่าวินซ์สามารถเปิดเข้าออกห้องของหล่อนได้ตามอำเภอใจทุกเมื่อทุกเวลานั่นเอง
‘คนร้ายกาจ!’
ขวัญชีวาด่าทอคนตัวโตจอมเจ้าเล่ห์ด้วยความขุ่นเคือง ขณะเคลื่อนกายกลับไปนั่งบนเตียงนอนด้วยท่าทางอ่อนล้า แต่ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคออย่างที่ต้องการ เสียงก๊อกๆ ก็ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ก่อนจะตามติดมาด้วยเสียงนุ่มนวลของสาวใช้
“ดิฉันโซฟีค่ะ คุณชายให้ขึ้นมารับใช้คุณผู้หญิง”
“กลับไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อน”
“ดิฉันคงต้องถูกพักงานถ้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณชาย ได้โปรดเถอะค่ะ”
เสียงอ้อนวอนจนฟังแล้วน่าสงสารของคู่สนทนาหน้าประตูห้องทำให้ขวัญชีวาอดใจอ่อนไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อเจ้าประคุณทูนหัววินซ์ เอเมอร์ตันจะเป็นคนไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ แถมยังเอาแต่ใจสุดๆ อีกต่างหาก น่าสงสารบรรดาคนใช้ของเขาเหลือเกิน คิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็พาร่างระหงของตัวเองเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็ได้พบเห็นเด็กสาววัยรุ่นที่วัยน่าจะไม่เกินยี่สิบปียืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง”
“ฉันไม่ใช่คุณผู้หญิงของที่นี่หรอกนะ อย่าเรียกแบบนี้เลย”
ขวัญชีวาฝืนยิ้มบางๆ ขณะเดินนำเข้ามาในห้อง รู้สึกเจ็บแปลบในอกอย่างรุนแรงเมื่อนึกถึงสถานภาพของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่คุณชายสั่งให้พวกเราเรียกคุณขวัญว่าคุณผู้หญิงนี่คะ”
คำพูดของโซฟีมีผลทำให้ร่างของขวัญชีวากระตุกเฮือกแรงๆ หญิงสาวจ้องมองสาวใช้ตรงหน้าด้วยความเคลือบแคลงมหาศาล โซฟีเห็นแล้วก็ยืนยันออกมาอีกครั้งอย่างหนักแน่น
“จริงๆ ค่ะ เมื่อสักครู่นี้คุณชายลงไปข้างล่างแล้วสั่นกระดิ่งเรียกพวกเราอีกครั้ง คุณชายบอกว่าต่อไปนี้คุณขวัญคือคุณผู้หญิงของเอเมอร์ตันค่ะ”
‘ไม่น่าเชื่อ...มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ในสายตาของวินซ์ หล่อนมันก็แค่ผู้หญิงค้ำประกันที่เขายึดมาได้เพราะพ่อของหล่อนผิดสัญญาไม่ใช่หรือ เขามีหน้าที่ใช้ให้คุ้มค่าจนกว่าจะเบื่อหน่าย จากนั้นก็ส่งหล่อนกลับไปยังที่เดิม แล้วทำไมเขาถึงให้สาวใช้เรียกหล่อนแบบนี้นะ?’
“บางที...อาจจะมีอะไรเข้าใจผิดกันก็ได้”
“ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะพวกเราได้ยินคำพูดพวกนี้ดังออกมาจากปากของคุณวินซ์กันทุกคน”
โซฟียิ้มกว้าง เดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนังขนาดใหญ่ภายในห้องออก แล้วข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิง รวมถึงเสื้อผ้าที่อัดแน่นอยู่เต็มตู้ ซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้หล่อนถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“นั่น...ของใครกันหรือจ๊ะ”
วูบหนึ่งความหึงหวงอันน่าละอายก็แล่นเข้ามายึดพื้นที่ในหัวใจเอาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อสมองคิดว่าห้องๆ นี้อาจจะเคยถูกครอบครองโดยผู้หญิงคนอื่นๆ ของวินซ์มาก่อน ซึ่งมันก็เป็นไปได้มากเลยทีเดียว ก็พ่อเจ้าประคุณหล่อลากไส้แบบนั้นนี่ ผู้หญิงก็ต้องวิ่งเข้าใส่กันเป็นธรรมดา ยิ่งคิดก็ยิ่งหมั่นไส้ และก็พาลโมโหไปถึงคนต้นเหตุด้วย
“แต่ไม่ต้องตอบแล้วล่ะ ฉันพอจะรู้แล้ว”
โซฟีกำลังจะตอบคำถามของนายหญิงคนใหม่ของบ้าน แต่ก็ถูกตัดบทซะก่อน จึงต้องหุบปากสนิท ตั้งหน้าตั้งตาเก็บชุดที่พึ่งนำไปซักรีดไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน ก่อนจะปิดประตูเสื้อผ้าและหันกลับมามองใบหน้าสวยชนิดที่นางฟ้ายังต้องอายของขวัญชีวาอีกครั้ง
“ต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะคุณผู้หญิง”
“ไม่แล้วล่ะ เธอออกไปได้แล้ว”
น้ำเสียงของขวัญชีวาบูดพอๆ กับใบหน้างามๆ ของตัวเองนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพียงแค่คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนแรกที่มาเยือนห้องนี้เท่านั้น โทสะความขุ่นเคืองก็ครอบงำอย่างรุนแรงจนน่าตกใจ
หล่อนไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้วินซ์ พอๆ กับที่ไม่ต้องการให้วินซ์ชายตามองผู้หญิงคนไหนนอกจากหล่อนนั่นแหละ หล่อนมักมาก หวังมากเกินไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรเลยในตัวของผู้ชายหล่อระเบิดคนนี้
‘อีตัว...หล่อนเป็นได้แค่นี้จริงๆ’
“ออกไปเถอะ ตอนนี้ฉันอยากจะพักผ่อนจริงๆ”
เมื่อเห็นสาวใช้ยังยืนนิ่งคล้ายสับสน หญิงสาวจึงย้ำคำสั่งเดิมออกไปอีก และนั่นแหละจึงทำให้เจ้าหล่อนเดินหายไปจากบานประตูห้องได้สำเร็จ ขวัญชีวาถอนใจออกมาแรงๆ ทิ้งกายลงนอนหงายบนที่นอนด้วยความอ่อนล้า
หล่อนอ่อนล้า อ่อนแรง ทั้งกายและหัวใจ วินซ์ เอเมอร์ตันทำให้หล่อนอ่อนแอได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ