“พ่อขา พ่อจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าหนูจะขอไปเที่ยวที่เชียงใหม่ บ้านพี่อร” เจ้าตัวเอ่ยถามเสียงเบา
“ได้สิลูก คุณอรเขาชวนหรือไง ถึงอยากไป” นายเลิศตามใจลูกสาวเสมอ
“ค่ะ พี่อรเขาชวนหนูเลยอยากไป แล้วตอนนี้หนูก็...”
จอมขวัญเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า
“หนูกำลังจะบินไปเชียงใหม่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณพ่อ หนูขอไปเที่ยวก่อน แล้วค่อยกลับไปหอมแก้มคุณพ่อกับพี่ทัพทีหลังนะคะ”
นอกจากชอบเอาแต่ใจแล้ว จอมขวัญยังทำตามใจตัวเองแบบที่ไม่มีใครห้ามได้ การทำก่อนบอกทีหลังก็เป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย สร้างความปวดหัวให้บิดาไม่รู้จบ นายเลิศหันไปมองหน้าจอมทัพ แล้วถอนหายใจแรง ยกมือขึ้นกุมขมับ
“ยายหนูจอม เอาอีกแล้วนะ ทำไมชอบทำให้พี่กับพ่อต้องปวดหัวอยู่เรื่อย”
จอมทัพอดไม่ไหวเอ็ดน้องสาวเสียงดัง
“พี่ทัพ หนูขอโทษค่ะ จะให้หนูกลับตอนนี้คงไม่ได้ค่ะ เครื่องใกล้จะออกแล้ว หนูต้องรีบไปก่อนนะคะ ถึงแล้วจะโทรรายงาน รักพี่ทัพกับคุณพ่อม๊ากมาก จุ๊บๆ”
เจ้าตัวแสบกดวางสายไปแล้ว ปล่อยให้พี่ชายตบหน้าผากตัวเองอย่างระอาใจ
“ไม่ไหวเลยหนูจอม ทำตามใจตัวเองจนเคยตัว แบบนี้จะดัดนิสัยไหวไหม เฮ้อ”
“ช่างเถอะ น้องอยากไปเที่ยวก็ปล่อยแกไป พอเบื่อก็กลับมาเองแหละ แกไปบอกคนงานให้ยกเลิกงานเลี้ยง อาหารที่สั่งมาก็ให้เอาไปแจก ชาวบ้านแถวๆ นี้ให้หมด พ่อขึ้นห้องก่อนนะ”
พูดจบนายเลิศก็ลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้อง ปล่อยให้ลูกชายมองตามแล้วส่ายหน้า
“แบบนี้สิ ยายหนูจอมถึงได้ใจ ปากบ่นแต่ไม่เคยห้ามสักที ยายอรอินทร์นั่นก็ตัวแสบ รู้ทั้งรู้ว่าพวกเรารอยายหนูอยู่ ยังมาชวนไปเที่ยว รอให้หมดหนี้ก่อนเถอะ พ่อจะกำราบให้หายหยิ่ง”
จอมทัพบ่นถึงเจ้าหนี้สาว ด้วยความหมั่นไส้ เขาอยากจะทำให้ยายผู้หญิงจอมเชิดคนนั้นหายหยิ่งสักที หากมีโอกาสเขาไม่ยอมให้เธอชักสีหน้าใช้สายตาดูถูกเขาเป็นครั้งที่สองแน่
“อ้าว คุณพ่อยังไม่ไปทำงานอีกหรือครับ”
จอมทัพหยุดทักทายบิดา เมื่อเดินผ่านห้องนั่งเล่นแล้วเห็นนายเลิศนั่งอยู่ มองดูนาฬิกาบนผนังแล้วพบว่าเป็นเวลาแปดนาฬิกาแล้ว ตัวเขากำลังจะออกไปบริษัท
“ยายหนูยังไม่โทรมาเลย ป่านนี้น่าจะถึงแล้ว แต่ทำไมไม่ยอมโทรมาบอก”
นายเลิศถอนหายใจแรงๆ สายตามีความห่วงใยลูกสาวคนเดียวปรากฏอยู่ เขานั่งรอรับโทรศัพท์จากจอมขวัญมาค่อนคืน แต่ลูกสาวไม่ยอมโทรมาตามที่บอกไว้ ปกติลูกสาวมักจะโทรรายงานให้ผู้เป็นพ่อทราบเสมอ
“สงสัยหนูจอมคงเหนื่อยครับ ไม่ก็แถวนั้นไม่ค่อยมีคลื่น คุณพ่อไปทำงานก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะโทรไปหาน้องเอง”
“พ่อมีนัดกับลูกค้า ยังไงก็โทรบอกพ่อด้วยนะ”
นายเลิศขยับลุกขึ้น เดินไปยังรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
“วันนี้ผมจะแวะไปดูโรงงานเสียหน่อย เย็นๆ ค่อยคุยกันนะครับคุณพ่อ”
จอมทัพเดินมาส่งบิดาที่รถ ตัวเขาก็ขึ้นรถอีกคันเดินทางไปโรงงาน ระหว่างทางก็ครุ่นคิดถึงน้องสาว หยิบโทรศัพท์มากดโทรหา แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“หนูจอมปิดมือถือหรือยังไง”
จอมทัพกดโทรอีกสองครั้งก็ไม่มีสัญญาณ จึงเปลี่ยนไปกดโทรหาอรอินทร์แทน รออยู่ครู่หนึ่งอีกฝ่ายก็กดรับสาย
“คุณอรอินทร์ใช่ไหมครับ ผมจอมทัพ”
“สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงหวานใสตอบกลับมา
“ผมโทรหาหนูจอมไม่ติด ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนครับ ผมอยากคุยกับแกสักหน่อย” เขาเอ่ยถาม
“หนูจอมไม่ได้อยู่กับฉันค่ะ เมื่อวานเจอกันที่สนามบิน คุยกันครู่หนึ่งหนูจอมก็ขอตัว จะไปส่งก็ไม่ยอม บอกว่าจะกลับเอง”
อรอินทร์พูดปดแต่งเรื่องไปตามที่เกริกบอก กัดฟันลุ้นว่าอีกฝ่ายจะยอมเชื่อไหม คนอย่างจอมทัพฉลาดเป็นกรด การหลอกเขามันเป็นเรื่องยาก
“คุณพูดอะไร หนูจอมโทรมาบอกผมกับคุณพ่อว่า จะไปเที่ยวบ้านคุณที่เชียงใหม่”
จอมทัพทักท้วง เริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล น้องสาวของเขาไม่ใช่คนที่ชอบโกหก
“แกไม่ได้มากับฉันค่ะ คุณลองโทรหาหนูจอมอีกครั้งสิคะ บางทีแกอาจจะไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นก็ได้”
อรอินทร์ยืนยันอีกครั้ง ทำให้จอมทัพนิ่วหน้า เขาไม่เชื่อว่าน้องสาวจะโกหก
“คุณจะบอกว่า หนูจอมโกหกผมกับคุณพ่ออย่างนั้นเหรอ”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะคะ เพราะหนูจอมไม่ได้มากับฉัน”
“น้องสาวผมไม่เคยโกหก” เขาเชื่อเช่นนั้น
“ไม่เคย ก็ใช่ว่าจะไม่ทำนี่คะ”
อรอินทร์ปั้นเสียงเยาะ เบี่ยงประเด็นให้เขาคิดตาม
“หนูจอมแกอาจจะอยากไปเที่ยวกับเพื่อนตามลำพังบ้าง หรือไม่แกก็อาจจะมีแฟน”
“หยุดนะ ! น้องสาวผมไม่เคยคบหากับผู้ชายคนไหน อย่ามาปากพร่อยพูดจาใส่ร้ายกันแบบนี้นะ”
จอมทัพตวาดเข้าใส่ เมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหู อรอินทร์ไม่เคยรู้จักจอมขวัญดี มาพูดจาใส่ไคล้กันแบบนี้เขาไม่ยอมหรอก