จับขโมย(1)

1819 คำ
อาหารมื้อเย็นแสนอึดอัดเริ่มขึ้นเวลาเดิมของทุกวัน โดยที่วันนี้มีท่านปู่และท่านย่าเข้าร่วมสำรับด้วย หย่งเยว่และเทียนหลงเบิกบานมาก วันนี้พวกเขาสามคนได้ออกไปเที่ยวซื้อของกับท่านปู่ท่านย่า ทำให้ระหว่างมื้ออาหารมีเรื่องให้พูดคุยหยอกล้อกันตลอด คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเอ่ยตักเตือน ด้วยเพราะนายท่านใหญ่และนายหญิงนั้นชวนหลานทั้งสามคุยด้วยตนเอง แม้แต่นายท่านก็ไม่กล้าเอ่ยเตือนเรื่องมารยาท จริง ๆ จวนหลังนี้ไม่ได้มีกฎห้ามพูดคุยเวลาทานอาหาร แต่ที่สี่คนพ่อแม่ลูกนั่นรู้สึกแปลกคงเป็นเพราะทุกคนคุยกันโดยทำราวกับตนเองเป็นคนนอก ไม่แปลกที่จะรู้สึกขัดใจ ที่น่าผิดคาดคือแม่รอง เดิมนางนั้นค่อนข้างเข้มงวด นิสัยค่อนข้างคล้ายกับจื่อเวย นางมาจากตระกูลคหบดีที่ค่อนข้างมีฐานะ ไม่น่าเชื่อว่านางจะปล่อยผ่านเรื่องเทียนหลงไปง่าย ๆ ทั้งท่าทางก็ไม่ได้ดูไม่พอใจหรืออารมณ์เสียเลยแม้แต่น้อย ออกจะดูสำราญใจเสียมากกว่า “ขนมหวานเจ้าค่ะ” สาวใช้นำขนมหวานมาให้ทุกคนในห้อง จะใช้คำว่าทุกคนก็จะดูน่าเกลียด เอาเป็นว่าทุกคนยกเว้นสี่คนพ่อแม่ลูกนั่นคงจะพอเข้าใจได้ง่าย ๆ ท่านปู่ท่านย่าเองก็ไม่ได้แย้งอะไรเรื่องที่นางสั่งเช่นนี้ ก็นางไม่ได้ตั้งใจซื้อมาเผื่อสี่คนนั้นนี่นา จะให้แบ่งไปก็กระไรอยู่ เห็นปกติก็อยู่กันสี่คนไม่ใช่หรืออย่างไร “เดี๋ยว แล้วของคุณหนูและคุณชายใหญ่เล่า นายท่านก็ด้วย เหตุใดไม่เอามาให้ครบทุกคน” “ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน ขนมนี่เป็นของที่คุณหนูและนายท่านซื้อกลับมาจากตลาดเจ้าค่ะ คุณหนูรองแจ้งว่าอันไหนของผู้ใดบ้างเท่านั้น ไม่มีของนายท่านและคุณหนูคุณชายเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบตอบออกมาอย่างกลัวความผิด นางคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไรแน่ ๆ ก่อนยกเข้ามา นางและสหายต้องจักสลากกันหลายครั้งทีเดียว คนเป็นบิดาไม่เอ่ยสิ่งใดก็เข้าใจ เขาไม่ได้ติดใจอะไร ไม่มีของหวานพวกนั้นก็ยังมีของที่พ่อครัวเตรียมไว้อยู่ ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องมีราวกันให้ขุ่นเคืองใจ เขาได้แต่ส่งสายตาปรามภรรยาของตนที่เหมือนจะโวยวายขึ้นมาอีก ไม่รู้เพราะอะไร พักนี้เขารู้สึกว่านางช่างขัดหูขัดตาเขานัก อาจเพราะถูกจื่อเวยจี้ใจดำในหลาย ๆ ครั้ง ทั้งเรื่องอ่านเขียนที่เขาขู่เข็ญนางมาหลายปี แต่นางก็อ้างว่าดูแลลูก ไม่ว่าเรื่องไหนนางก็มักจะอ้างว่าไม่มีเวลาเพราะต้องดูลูก เขาเองก็ยอมรับว่าปล่อยผ่านมาตลอด แต่พอโดนจี้จุดเช่นนี้ก็อดเจ็บใจไม่ได้ที่ภรรยาทำตัวเป็นจุดให้เขาถูกเยาะเย้ย “ท่านย่าเจ้าคะ ข้าจำได้ว่าอีกไม่นานจะมีเทศกาลชมดอกไม้ใช่หรือไม่เจ้าคะ” เทศกาลชมดอกไม้นี่แหละที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ องค์ชายสามจะกลับมาแล้วพักรักษาตัวอยู่นาน ก่อนจะใช้เทศกาลชมดอกไม้เป็นการประกาศการกลับมาของตน และยังได้แนะนำสตรีนางนั้นให้คนอื่น ๆ ได้รู้จักอีกด้วย นางรอวันนั้นจนแทบใจจะขาดแล้ว ชาติก่อนนางทำเป็นปล่อยผ่านเพราะเกลียดชังอันเหม่ย ไม่คิดว่าเพราะมารยาของสาวชาวบ้านธรรมดาจะทำให้ตระกูลจ้าวถึงกับรับโทษประหารทั้งตระกูลได้ คอยดูเถิด คราวนี้นางจะกัดไม่ปล่อยแน่ พวกชั้นต่ำ ตอนนึกคำว่าชั้นต่ำ สายตาของจื่อเวยนั้นเลื่อนไปเผื่อแผ่ยังฮูหยินใหญ่และบุตรทั้งสอง จะว่านางแบ่งชนชั้นนั้นไม่ผิด แต่ถ้าถามว่านางรังเกียจคนจนหรือไม่ บอกเลยว่านางไม่ได้รังเกียจ นางเพียงรังเกียจจิตใจของคนพวกนี้เท่านั้น สตรีชาวบ้านทั้งสองนาง คนหนึ่งแย่งท่านพ่อของนางไป อีกคนทำให้ตระกูลของนางต้องรับโทษประหาร ผู้ใดไม่แค้นใจนางจะอัญเชิญให้ขึ้นไปบวชที่วัดบนเขาสักสองพรรษา พร้อมทั้งเป็นเจ้าภาพจัดงานให้อย่างใหญ่โตไปอีกเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย คำว่าชั้นต่ำของนางไม่ได้มอบให้ทุกคน แต่ละคนควรได้รับคำนิยามแตกต่างกัน อย่างเช่นจ้าวอันเหม่ย นางนิยามสตรีผู้นี้ว่าสตรีโง่ไร้ประโยชน์ เป็นคนที่คอยสร้างแต่เรื่อง ทำตัวแสนดี แต่กลับโดนสตรีบ้านป่านั่นตอกหน้าหงายกลับมาทุกที น่าขันสิ้นดี ส่วนอีกคนก็น้องสาม จ้าวเทียนคุน นางให้นิยามของน้องชายผู้นี้ว่าคนไม่เจียมตน รู้ว่าตนมีความสามารถมากแค่ไหนก็ยังพยายามเอาตนเองไปเทียบกับผู้อื่น สนใจแต่ตนเองไม่สนใจใคร ส่วนท่านพ่อนางไม่มีคำนิยามใด ๆ เวลานี้เขาเหมือนตายไปจากจิตใจของนางแล้ว มีเพียงความแค้นใจที่นางมอบให้เขาได้เท่านั้น “โอ้ จริงสิ หลานอยากไปงั้นรึ” ผู้เป็นย่าได้แต่แปลกใจ ปกติไม่ว่าจะคะยั้นคะยออย่างไร หลานสาวคนนี้ก็ไม่ยอมออกงานสังคมในฐานะบุตรสาวตระกูลจ้าวเลย จนคนอื่น ๆ ในวงสังคมชั้นสูงเอาไปนินทาลับหลังว่านายท่านจ้าวลำเอียงรักบุตรสาวของฮูหยินรักจนบุตรสาวของอดีตฮูหยินไม่อยากจะนับพ่อนับลูก “เจ้าค่ะ หลานกลับมาคราวนี้คิดอยากจะหาลู่ทางทำการค้าเสียหน่อย เลยอยากจะขอตรวจทรัพย์สินทั้งหมดของตนและสินเดิมของท่านแม่เจ้าค่ะ” นางคิดว่าจะหาทางกอบโกยเงินเสียหน่อย ชาติก่อนได้มีโอกาสลองใช้ชีวิตแบบไม่มีเงินแล้ว บอกตามตรงว่าไม่ถูกใจนัก ชาตินี้หากยังไม่อาจเลี่ยงชะตากรรมของตระกูลได้อีก นางก็จะขอพาน้อง ๆ หนีไปพร้อมกับเงินก็แล้วกัน “โอ้ เอาสิ จะตรวจเลยหรือไม่เล่า วันนี้ก็ยังไม่มืด หรือจะตรวจพรุ่งนี้ดี” “เอาเป็นพรุ่งนี้เช้าก็ได้เจ้าค่ะท่านย่า ท่านพ่อบ้าน อย่างไรข้าขอกุญแจมาก่อนนะ พรุ่งนี้ข้าจะเปิดมันด้วยคนของข้าเอง” นางอยากจะเห็นคนร้อนรนจนนอนไม่หลับเสียจริง ดูซิว่าจะทำเช่นไร “เอ่อ...คุณหนูรองขอรับ ให้บ่าวเป็นคนตรวจดีหรือไม่ขอรับ ข้างในไม่ได้เปิดนาน คงจะฝุ่นเยอะขอรับ” “หืม...นี่ท่านพ่อไม่ได้สั่งให้บ่าวคอยทำความสะอาดห้องเก็บสมบัติของข้าหรือเจ้าคะ เอ แต่ปกติมันเป็นหน้าที่ของฮูหยินใหญ่นี่นา ว่าอย่างไรเจ้าคะ ฮูหยินจ้าวมิได้ให้บ่าวไปทำความสะอาดเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “เอ่อ...ให้ ให้สิ แต่ข้าว่าให้บ่าวเป็นผู้ตรวจนับเองเถิด อย่างไรก็เป็นห้องเก็บของ อาจจะมีตัวอะไรอยู่ข้างในก็ได้” “ไม่รบกวนเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะให้พ่อบ้านอู๋ช่วยนับให้ อย่างไรพ่อบ้านอู๋ก็น่าจะรู้และจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ได้มากกว่าผู้ใด จริงหรือไม่เจ้าคะท่านย่า” “อืม จริง ไปตามพ่อบ้านอู๋มา” คนเป็นย่าหันไปสั่งสาวใช้ข้างกาย นางรู้สึกว่าหลานสาวกำลังไล่ต้อนสิ่งดอยู่ เอ่ยเรื่องเงินทองเช่นนี้ คงมิใช่ว่ามีการลักขโมยเกิดขึ้นกระมัง “พ่อบ้านเต๋อ เอากุญแจห้องเก็บทรัพย์สินของจื่อเวยมาให้ข้า” คราวนี้เป็นท่านปู่ออกหน้าด้วยตนเอง แม้พ่อบ้านเต๋อจะกลัวความผิดมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ในตอนนี้ หวังเพียงว่าคุณหนูผู้ไม่เคยตรวจนับทรัพย์สินของตนเลยแม้แต่ครั้งเดียวจะไม่รู้ว่าของ ๆ ตนหายไป พ่อบ้านเต๋อเดินมามอบกุญแจด้วยท่าทีอึดอัดใจ ในหัวของเขากำลังภาวนาให้ไม่มีใครจับได้ แน่นอนว่าจื่อเวยมองออก นางไม่เคยตรวจนับทรัพย์สินของตนเอง แม้แต่สินเดิมของมารดาก็ด้วย แต่อย่าลืมว่าของทั้งหมดนั้นส่งมาจากจวนตระกูลซ่ง ไหนจะเงินเดือนของนางที่ท่านพ่อมอบให้เดือนละร้อนตำลึงนั่นอีก ทุกเดือนแม่รองจะลงบัญชีไว้ทั้งหมด คราวนี้หากมาไล่ดูบัญชีย้อนหลังกันจริง ๆ มีหรือที่เจ้าหัวขโมยนี่จะรอดตัวไปได้ “พี่รองเจ้าคะ เหตุใดไม่นับวันนี้เลยล่ะเจ้าคะ นี่ก็ยังไม่มืดเสียหน่อย ข้าไม่มีสิ่งใดทำแล้ว เดี๋ยวข้าจะช่วยพี่รองเองเจ้าค่ะ” หย่งเยว่ค่อนข้างเก่งเรื่องบัญชีและการค้า ถ้านางจำไม่ผิด เพราะต้องการตามนางให้ทัน หย่งเยว่จึงตั้งเรียนมาก โดยเริ่มจากสิ่งที่ตนถนัดก่อนอย่างเรื่องตัวเลข แล้วค่อยโยงไปเรื่องการค้า ดีที่ปัจจุบันสำนักเปิดกว้างให้สตรีเรียนรู้ได้เท่าเทียมกับบุรุษ เพราะงั้นหย่งเยว่จึงสมัครเข้าเรียนในเกือบทุกวิชา และนั่นเป็นที่มาที่ทำให้อาเยว่น้อยกลายเป็นสตรีก้มหน้าอ่านแต่หนังสือ “อืม หรือจะเริ่มวันนี้ดีนะ ว่าอย่างไรเทียนหลง พอจะมีเวลาว่างหรือไม่” “ข้าว่างเสมอขอรับ” เทียนหลงนั้นรออยู่ก่อนแล้ว เขาอยากทำกิจกรรมร่วมกับพี่รองและหย่งเยว่เหมือนวันนี้ “เอาล่ะ ๆ พรุ่งนี้ค่อยนับ วันนี้เปิดเข้าไปดูกันก่อนก็พอ อาเวยว่าอย่างไร” “เอาตามท่านปู่ว่าเลยเจ้าค่ะ พวกเจ้าก็ไปด้วยกันสิ หากถูกใจสิ่งใดข้าอาจจะยกให้ก็ได้นะ คิกคิก” “จริงนะเจ้าคะพี่รอง” เทียนหลงได้แต่มองนางตาเป็นประกาย ท่านตาของนางไม่ได้ส่งแค่อัญมณีและเงิน บางครั้งที่ได้รับอาวุธดี ๆ ก็มักจะส่งมาให้หลานสาวอย่างจื่อเวยบ่อย ๆ เทียนหลงเคยแอบมองพวกมันอยู่หลายครั้งตอนที่บ่าวยกมานับและลงบัญชี “จริงสิ เช่นนั้นเราไปกันเถอะ” “เจ้าค่ะ/ขอรับ” ทั้งสามลุกออกไปจากห้องโถงโดยไม่คิดจะสนใจคนอื่น ๆ ยังดีที่ท่านย่านั้นชวนฮูหยินรองและฮูหยินสามคุยเสียก่อน ทำให้ทั้งสองไม่ได้สนใจว่าเด็กพวกนั้นจะลุกออกไปดื้อ ๆ กลางวง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม