Ep.5 : ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ

3056 คำ
"หมอเรย์ว่าไงนะคะ เฮียมีปัญหาเรื่องความเชื่อใจงั้นหรอ" ฉันตกใจในสิ่งที่หมอเรย์พยายามจะอธิบาย "ครับ จากเรื่องที่คุณหลินเล่า ผมคิดว่ามันอาจจะฝัง ความรู้สึกไม่เหลือใคร ในวันที่ต้องการใคร คุณชิงหลงเล่าว่า เค้ายอมสัมผัสตัวน้องสาว กับพ่อบ้าน แสดงว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีอะไรที่เชื่อมกันอยู่ อื้มมมม ต้องพยายามหน่อยนะครับ ค่อยๆ แก้กันไป อย่าไปกดดันเค้ามากว่าเค้าจะต้องหาย ถ้าคุณหลินยิ่งเร่งมันจะยิ่งช้า" ประโยคของหมอเรย์ทำให้ฉันรู้หนักอึ้งที่หัวใจ "อย่างงั้นหรือคะ" นั่นสินะทุกครั้งที่ฉันบอกรักเค้า หรือจะเข้าใกล้เค้า เค้าจะโกรธ แล้วผลักฉันออกมาทุกที "ใจเย็นๆ นะครับ หาเวลาอยู่ด้วยกันบ่อย อย่าบังคับความรู้สึกของเค้ามากนัก พยายามมีตัวตนในสายตาเค้า พยายามทำให้เค้ามั่นใจว่าเค้าจะไม่หายไป อยากจะอยู่เคียงเค้าไปตลอด" หมอเรย์พยายามให้คำแนะนำ ให้ฉันได้เข้าหาเฮียหลงขึ้นอีกก้าว "ค่ะ ฉันจะจำแล้วเอาไปทำตามนะคะ" ฉันเดินออกมาจากห้องตรวจของหมอเรย์ พร้อมกับไฟที่จะสู้อย่างเต็มเปี่ยม แม้จะโดนเค้าทำค้างเติ่งมาสองครั้งแล้วก็ตาม ว่าแต่เฮียหลงกับกรีนไปไหนแล้วอะ เดี๋ยว!!!! นี่เฮียทิ้งฉันเลยหรอ ใจร้ายเกินไปแล้ววววว ช่างเหอะ ก็แค่กลับบ้านเอง ฉันกลับเองก็ได้ แต่ฉันยังไม่ทันจะได้ไปไหน หมอเรย์ก็ถือกระเป๋าเดินออกมาจากห้องตรวจ "อ้าวววว....คุณหลิน กลับยังไงครับ แล้วคุณชิงหลงกลับไปแล้วหรือครับ" เสียงของหมอเรย์ ทำให้ฉันต้องยิ้มเจื่อนๆ ออกมา ก็ตอนนี้สามีฉันทิ้งกลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว "ค่ะ" "งั้นผมไปส่ง" หมอเรย์ขับรถมาส่งฉันที่บ้านหลังใหญ่ แม้ฉันจะขอบคุณ แต่ก็รู้สึกเกรงใจไม่น้อยเลย ที่ต้องให้คุณหมอมาส่งแบบนี้ "เกรงใจจังเลย ขอบคุณนะคะ" ฉันหันไปขอบคุณ คนที่อุตส่าห์มาส่ง "ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ เข้าบ้านเถอะครับ" หมดเรย์ตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม ทำให้ฉันต้องยิ้มกลับตามมารยาท ชิงหลง Say :: "ท่านชิงหลง เช็กแล้วใช่ไหมครับว่าตัวเองเป็นคิวสุดท้ายของหมอเรย์ เลยกล้าทิ้งคุณนายไว้ที่โรงพยาบาลแบบนั้น ท่านชิงหลงตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ครับ" กรีนถามผมที่กำลังแอบมอง คนที่ได้ชื่อว่าเมียเปิดประตูลงมาจากรถของผู้ชายอีกคน "แกคิดว่าฉันจะทำอะไร" "จะดีหรือครับ คิดดีแล้วหรือครับ" กรีนยังคงย้ำถาม ถึงวิธีของผม "หมอเรย์ก็ดูเป็นคนดีไม่ใช่หรอ ครอบครัวไม่มี คนรักไม่มี หน้าที่การงานดี มันก็คงจะดีกว่า การมาอยู่กับคนที่ไม่มีวันรักเธอแบบฉันแน่ๆ " ผมเดินห่างออกมาจากหน้าต่าง ก่อนหน้าเธอจะเข้ามาชีวิตของผม ชีวิตของผมก็ดีพออยู่แล้ว ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างเพื่อจะลงมาถามอาหลินถึงคนที่มาส่ง แต่พอผมลงมากลับมีแต่รอยยิ้ม เธอไม่โกรธที่ผมทิ้งเธองั้นหรอ หญิงสาวเดินเข้ามาหาผม แล้วเล่าถึงเรื่องคนที่มาส่งทุกอย่าง อย่างไม่มีอะไรปิดบัง แถมยังยิ้มหวานให้ผมอีก จะยิ้มอะไรนักหนา "อยากทานอะไรคะ ฉันจะทำให้ทาน" อาหลินยังคงถามผมอย่างอารมณ์ดี ทำไมเธอถึงยังอารมณ์ดีได้อีก ผมทิ้งเธอนะ "ดูเธออารมณ์ดีนะ" "ดีสิคะ เพราะเฮียยอมไปรักษา แสดงว่าเฮียก็อยากจะหายเหมือนกัน" คำตอบที่ทำเอาผมหงุดหงิด เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ไม่ควรพูดคำนี้ออกมา!!!! นอกจากเธอจะอารมณ์ดีแล้ว จนทำให้ผมหงุดหงิดแล้ว วันนี้เธอยังยกจานข้าวมานั่นใกล้กับผมตอนกินข้าวอีก เธอพยายามเข้าหาผมมากกว่าทุกที เธอกำลังจะทำอะไรกันแน่หลินหลิน "เฮียยยยย วันนี้ฉันทำปลานึ่งมาให้เฮียด้วยนะ ดีต่อสุขภาพนะ กินเยอะๆ " เธอใช้ช้อนกลางตักปลาให้ผม พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน เออกินก็ได้วะ....ผมตักปลาที่ยัยเชื้อโรคนั่นตักให้ กำลังจะเอาเข้าปากอยู่แล้ว ต้องมาสะดุดกับสายตาที่มอง จะลุ้นอะไรขนาดนั้น ผมจะกินข้าว ผมต้องเบี่ยงตัวเล็กน้อย เพื่อหลบสายตาเธอ แล้วตักปลาเข้าปาก อื้มมมม อร่อยแฮะ เถียงไม่ได้เลย ว่าเธอความสามารถในการทำอาหารที่ดีเยี่ยม แต่จะมาทำอาหารทำไม บ้านผมมีพ่อครัวระดับภัตตาคารอยู่แล้ว "อร่อยไหมคะ" "ก็เฉยๆ " "ไหนฉันขอชิมบ้าง" "ไม่ได้!!!! ....เดี๋ยวเชื้อโรคลงไปกันพอดี" ผมใช้สายตาจ้องไปที่คนที่กำลังจะใช้ช้อนกลางตักปลาของผมบนโต๊ะ ก็อาหารบนโต๊ะของผม ผมไม่เคยแบ่งใครนี่ แล้วนี่เธอจะแย่งผมกินได้ไง "ขอคำนึงน้าาาาา" "เรื่องอะไร อยากกินก็ไปทำกินเองสิ" "แต่อันนี้ฉันก็ทำนะเฮียยยยย แบ่งหน่อยยยยย" "ไม่" ผมมองคนที่มองปลาในจานตาละห้อย มองต่อไปยัยตัวเชื้อโรค ผมแกล้งตักปลาคำใหญ่ๆ เข้าปาก ให้คนตัวเล็กอ้าปากตาม หน้าของเธอตอนนี้มันตลกชะมัด แต่นี่มันใช่เวลาที่ผมมาสังเกตหน้าของเธอไหม อยากจะหัวเราะ ก็ได้แต่กลั้นขำเอาไว้ในใจ แล้วดึงหน้าดุๆ ออกมา ถ้าอยากจะกินขนาดนั้น "เฮีย พรุ่งนี้อยากทานอะไรคะ" "อะไรก็ได้" "เป็นแซนวิสไปกินที่ทำงานด้วยดีไหมคะ" คนที่ถาม ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ที่โคตรจะสดใสเลย "ก็แล้วแต่" ยิ้มเก่ง จะยิ้มอะไรขนาดนั้น กับไอ้หมอเรย์อะไรนั่น เธอยิ้มแบบนี้ด้วยรึเปล่า กะจะยิ้มให้โลกละลายหรือยังไง "ดีใจนะคะ ที่ฉันย้ายมานั่งตรงนี้แล้วเฮียไม่ว่า" "ก็ไม่ใช่ไม่ว่า แต่เพราะเธอมันจุ้นจ้าน" ผมมองคนที่ยังคงยิ้ม แถมยังมองผมตาหวานเยิ้ม เอานิ้วทิ่มตาสักทีดีไหมนะ "ปลาอร่อยไหมคะ" คำถามของหลินหลิน ทำให้ผมมองปลาในจาน ที่ตอนนี้ตักจนหมดไปครึ่งตัวแล้วแบบที่ผมไม่รู้ตัวเลย จะบอกว่าอร่อย เสียฟอร์มแย่ "ก็งั้นๆ " "ฉันพลิกให้นะคะ วันนี้เฮียจะดื่มอีกไหมคะ" คำถามของคนที่มองผมตาแป๋ว ทำให้ช้อนในมือของผมร่วงหล่นลงกระแทกจานกระเบื้องทันที หรือเมื่อคืนผมทำอะไรเธออีกเปล่าวะ ทำไมเธอถึงถามว่าผมจะดื่มอีกรึเปล่า หรือเมื่อคืนผมซ้ำครั้งที่สองวะ!!!! ใช่ไหม?? หรือไม่ใช่ แต่เมื่อคืนผมนอนที่ห้องของผมเองนี่ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะจ้ำจี้กับเธอ หรือผมทำกับเธอที่อื่น "รู้ไหมคะ เฮียทำรอยบนตัวฉัน ฉันหาเสื้อใส่ยากมากเลย" ทำรอยยยยย!!!! อะไรวะ???? "ทำไมฉันต้องไปทำรอยบนตัวเธอดัวย ฉันไม่ใช่พวกชอบเขียนชื่อตัวเองบนอะไรสักหน่อย" แต่พอสิ้นเสียของผม หลินหลินก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เธอปิดจนชิดคอลง รอยแดงมากมาย มันเผยออกเหมือนมาทวงความยุติธรรมให้เธอ จนผมต้องรวบคอเสื้อของเธอเข้าหากัน เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ยังไงตอนนี้เธอก็เป็นเมียของผม จะให้ลูกน้องมากมายในบ้านเห็นก็คงไม่ดี "ขอโทษค่ะ ฉันแค่จะปลดแค่เม็ดเดียว" "จะกี่เม็ดก็ไม่ได้" นี่เป็นครั้งแรกที่หน้าเราใกล้กันแบบนี้ ดวงตากลมโตของเธอ อยู่ตรงหน้าผมแค่นี้เอง 1...2....3...ทันทีที่ผมรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ใกล้เธอแบบนี้ ผมก็เกิดอาการขนลุกซู่ทันที ผมรีบปล่อยคอเสื้อของหลินหลินด้วยความตกใจ ความสับสนมันเริ่มทำให้ผมอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีเธอออกมาทันที เมื่อกี้มันเป็นแว็บหนึ่ง รึเปล่าที่ผมหวงเธอ ไม่สิผมห่วงหน้าตัวเอง ถ้าให้ลูกน้องมาเห็นนมเมียมันคงไม่ดี แต่นั่นมันก็หวงเธอไม่ใช่หรอ ผมทำอะไรลงไป "เป็นพวกชอบทำรอยบนร่างกายรึครับ" "แกจะขยี้ทำไม เมื่อกี้แกเห็นงั้นหรอ" นี่มันกล้าแอบดูนมเมียผมงั้นหรอ "จะเห็นอะไรครับ คุณนายปลดกระดุมคอแค่เม็ดเดียว แต่ถ้าเห็นคนจะเป็นคนเสียอาการ" กรีนยังคงขยี้สิ่งที่เกิดขึ้น "ฉันไม่ได้เสียอาการ แค่ขยะแขยงที่สัมผัสยัยนั่นต่างหาก ที่ฉันต้องการจากยัยนั่นคือใบหย่าต่างหาก ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแกอย่ามาลุ้นซะให้ยากเลย เรื่องที่ให้ไปสืบ ไปถึงไหนแล้ว" ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที "ตามที่ท่านชิงหลงคาดเลยครับ มันมีพวกไอ้เกาหนุนหลังจริงๆ เป็นแหล่งเงินทุน แล้วใช้พวก Wolf ในการทำเรื่องสีดำแทนมัน" "แล้วตอนนี้มันก็ให้พวกนั้น เข้ามาล้ำเขตเรา มันคิดว่าฉันโง่รึไง แกให้คนตามดูแลหลินหลินด้วยก็ดี มันเคยชอบหลินหลินถึงขั้นเอาผู้ใหญ่มาสู่ขอ มันอาจจะให้คนมาเอาตัวไปก็ได้" "ครับ" "ถึงฉันจะอยากหย่ากับหลินหลิน แต่ก็ไม่ได้อยากจะให้เธอไปตกนรกกับไอ้เกามันหรอกนะ อย่างน้อยคนใหม่ของเธอก็ควรจะเป็นคนดี" "อย่างหมอเรย์นะหรือครับ" กรีนยังคงขยี้ความคิดของผม เชื่อเถอะผมดูสายตาออก หมอเรย์เวลาที่มองหลินหลิน ก็มีบางมุมที่มองด้วยความชื่นชม เค้าอาจจะแค่ต้องการความมั่นใจสักหน่อย ถ้าหลินหลินเห็นคนที่จะให้เธอได้มากกว่า เธออาจจะยอมไปจากผมก็ได้ แต่เธอเป็นของผมแล้วนะ แต่ไม่ยักจะจำได้เลยสักครั้ง เอาอีกแล้วทำไมจู่ๆ ก็เกิดสับสนอีกแล้ว 1 อาทิตย์ต่อมา..... เมื่อวันที่ต้องเดทกับเธอต้องมาถึง วันนี้เป็นแค่การเดินเล่นในสวนสาธารณะงั้นหรอ คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง แต่ที่จริงแล้วผมกับธรรมชาติ มันดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่หรอกนะ เราเดินไปตามสวนสาธารณะ โดยมีเธอชวนคุยนั่นคุยนี่ตลอด รอยยิ้มที่สดใสมันทำเอาผมหงุดหงิด เธอจะยิ้มอะไรกันนักหนา คนอื่นมองหมดแล้ว "เฮียขา เราลองเดินจับมือกันได้ไหมคะ นี่เฮียเห็นไหมคะฉันก็ใส่ถุงมือ" เธอชูมือที่ใส่ถุงมือให้ผมดู "ทำไมฉันต้องไปจับมือกับเธอด้วย" "ก็ฉันอยากให้คนที่มอง รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงของเฮียนี่คะ" คำตอบกับท่าทีที่เขินอายของเธอมันทำให้ผม.... "ยอมให้แค่วันเดียวนะ วุ่นวายจริงๆ เลยเธอเนี่ย" มือเล็กๆ สอดประสานเข้ากับมือของผมทันที ทำไมผมถึงได้จิตอ่อนขนาดนี้นะ อย่างน้อยก็ ทำให้ไอ้พวกที่มองแต่เธอเลิกมองได้บ้างละนะ แล้วผมมาหวงอะไรเนี่ย เพราะไอ้ความรู้สึกผิดที่ผมได้เธอไปแล้วแน่ๆ ผมมองมือที่สัมผัสอยู่กับเธอ มันนานแค่ไหนแล้วนะ ที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้กับใคร ชีวิตปกติงั้นหรอ ชีวิตปกติมันเป็นยังไงกันนะ "วันนี้อยากทานอะไรคะ" "ปลาก็ดีนะ" ก็เมื่อวานเธอทำปลาอร่อย อะไรที่ผมชอบผมมักจะกินหรือทำมันซ้ำได้ "กินฉันไหมคะ" "บางทีฉันก็สงสัยเธอเรียบร้อยจริงๆ หรือสร้างภาพเนี่ย" กินเธองั้นหรอ แล้วรสชาติตอนกินเธอนี่มันเป็นยังไงนะ ผมไม่เคยเคยสัมผัสใคร แต่ทำไมตอนเมา ผมถึงยอมใช้ริมฝีปากสัมผัสเธอนะ พอคิดแล้วอยากกินเดทตอลแทนข้าวจัง "ก็แหม๋ ฉันชอบสัมผัสของเฮียนะ" "ฉันเมา!!!! " ทำไมผมไม่เห็นจำอะไรได้สักอย่าง แต่ทุกครั้งที่เธอฟ้อง มันถึงมีหลักฐานทุกครั้งไปเลยนะ จะบอกเธอไปทำกับคนอื่นไม่ใช่แน่ "ฉันทราบค่ะ แต่พรุ่งนี้เฮียจะต้องไปหาหมอแล้ว เฮียต้องห้ามดื้อนะคะ" รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว รอยยิ้มที่ทำให้ผมอยากจะเห็นแก่ตัว เก็บมันไว้ ถ้าไม่ติดว่าเธอมันเป็นพวกชอบทิ้ง ผมคงจะยอมเปิดใจให้เธอไปแล้ว "กลับบ้านเถอะ ตรงนี้พอตกกลางคืนมันอันตราย เราจะได้เลิกจับมือโง่ๆ นี่" ผมชูมือที่จับมือของเธอ ให้เธอดู "ใครสนเฮียคะ ฉันชอบจะจับมือเฮียแบบนี้ เราจะจับมือกันแบบนี้จนถึงบ้าน เราจับมือกันนะ" "ผู้หญิงขี้ตื้อ" ถ้าเธอไม่ถอดถุงก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง แม้เรากำลังนั่งรถจะกลับบ้าน หลินหลินก็ยังคงจับมือผมไม่ปล่อย เธอจะจับมือผมได้นานแค่ไหนกันนะ แต่แบบนี้ก็ ไม่ได้แย่ ขอแค่....เธออย่าถอดถุงมือก็พอ ถือว่าคืนความสุขให้เธออาทิตย์ละครั้งก็แล้วกัน ยิ้ม ยิ้มเข้าไป แล้วผมจะมองเธอทำไมนักหนา วันถัดมา........ ผมจะต้องมาเจอกับหมออีกแล้ว รอยยิ้มที่แสนเป็นมิตรของหมอเรย์ทำให้ผมนั้นหงุดหงิด ยิ้มเก่งนะหมอเนี่ย เป็นจิตแพทย์ต้องยิ้มเก่งเบอร์นี้เลยหรอ "คุณหมอรู้ไหมคะ ที่คุณหมอแนะนำทางไลน์ ว่าให้ฉันพาเค้าไปเจอโลกภายนอก ให้เค้ารู้สึกว่าข้างนอกมันไม่อันตราย สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เฮียเค้าทำได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ" "ดีมากเลยครับ โรค OCD เป็นโรคที่ไม่มียารักษา แต่คนรอบๆ ตัวของผู้ป่วยต้องช่วยๆ กัน เอาเป็นว่ามีอะไรสงสัยถามผมได้ตลอด มีคุยกันทางไลน์ด้วยหรอ ทำไมผมไม่รู้ แบบนี้ก็ดีเข้าทางผมเลยสิ จะทำให้สองคนนี้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ก็ต้อง...... "คุณหมอครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ผมมีวันหยุดที่ไม่แน่นอน ผมจะขอจ้างคุณหมอเป็นหมอประจำเลยได้ไหม ไม่ได้จะรบกวนเวลาหมอรักษาคนไข้คนอื่น แต่จะรบกวนแค่อาทิตย์ละ 1-2 วัน ในวันที่ผมจะว่าง คุณหมอสามารถคุยเรื่องค่าดูแลนอกเวลากับผมมาได้เลย" "ผมดีใจมากเลยนะครับ ที่คุณมีใจแรงกล้าที่อยากจะหายขนาดนี้ ผมยินดีครับ เดี๋ยวยังไงเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะครับ" หมอเรย์ยังคงส่งยิ้มมาให้ผมจนน่าขนลุก บ้านผมมีแต่ชายฉกรรจ์ที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใคร แบบนี้ผมไม่ชินจริงๆ "ครับ ดีใจนะครับ ต่อไปเราคงจะได้เจอกันบ่อยกว่านี้ ผมจะได้หายสักที" คำตอบของหมดเรย์ทำให้ผมกระตุกรอยยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่ได้ ที่ทุกอย่างมันดูง่ายแบบนี้ "งั้นผมขอให้การบ้านง่ายๆ นะครับ คุณชิงหลงลองถอดถุงมือในเวลานอนดู ตอนที่ความคิดไม่ได้ทำงาน เราจะมาพยายามปรับตัวกันง่ายก่อน เพราะOCD เป็นสภาวะทางใจ ถ้าใจเราเชื่อว่ามันไม่เป็นอะไร มันจะทำให้ OCD ค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อคุณชิงหลงเชื่อว่ามันไม่เป็นไร" หมอเรย์ยังคงอธิบายต่อ เมื่อผมคิดว่ามันไม่เป็นไรงั้นหรอ ถอดถุงมือตอนนอนงั้นหรอ "ครับ ผมจะรองเอาไปทำดู ยังไงถ้ามีเรื่องจะคุยกับหลินหลินต่อละก็ เชิญตามสบายนะครับ พาเธอไปส่งด้วย แล้วก็มีวิธีไหนที่จะทำให้ผมหายได้ ก็ฝากบอกเธอไว้ เพราะผมให้เวลาในการรักษาแค่ 1 ปี เท่านั้น" คืนนั้นเอง..... ถอดถุงมือนอนงั้นหรอ ถอดนอนเนี่ยนะ ลองดูก็แล้วกัน ผมค่อยๆ ถอดถุงมือที่ใส่ออกช้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศมันทำให้ผมต้องรีบใส่ถุงมือทันที อะไรวะ ผมกลัวแอร์งั้นหรอ ห้องเราสะอาดอยู่แล้ว คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง ผมลองถอดถุงมือดูอีกครั้ง แล้วใจแข็งไม่ใส่มัน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยให้มือของตัวเองไม่สัมผัสกับอะไรเลย หัวใจของผมกำลังเต้นเร็ว เร็วมาก รู้สึกคิดถึงถุงมือ ประหนึ่งคิดถึงเมียรักที่จากกันไปนาน "ไม่ไหว ไม่ไหว ไหนบอกการบ้านง่ายๆ ไง!!!!! " ไม่ง่ายไม่ง่ายสักนิด แล้วผมควรจะเอามือของตัวเองวางไว้ที่ไหน เตียงเราสะอาด เตียงเราไม่มีอะไร ไม่ๆๆๆๆๆๆ บนตัวก็แล้วกัน ชุดที่เราใส่สะอาดไม่มีอะไร ไม่มีอะไร!!!! โอ้ยยยยยย คืนนี้กูจะนอนหลับไหม นอนไม่หลับ นอนไม่หลับ ไหนบอกง่ายไม่ง่ายเลยสักนิด มันไม่ง่าย เพราะผมไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหน เช้าวันต่อมา..... "กรีน แกทำความสะอาดห้องของฉันครั้งใหญ่เลยนะ ทุกซอกทุกมุม เพราะห้องสกปรกฉันเลยนอนไม่หลับทั้งคืน" ผมใส่อารมณ์ตามปกติ แต่ที่มันไม่ปกติคือ...... "กรีนไม่อยู่ค่ะ ฉันจะมาเป็นแม่บ้านให้พี่ 1 วัน" รอยยิ้มหวานที่ทักทายยามเช้ามันทำให้ผม..... "ไม่ต้อง มายุ่งกับห้องของฉัน!!!!!!!!!! " =======================
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม