Ep.1 : โรคกลัวเชื้อโรค
@ห้องหอ
หนักชุดแต่งงานของฉันมันหนัก จนแทบยกไม่ขึ้น แต่ละก้าวเดินมันช่างยากลำบาก เครื่องประดับของม้าและป๊าที่ประโคมใส่มา มันทำให้ฉันก้าวเดินจนหมดแรง ไม่ไหวจะล้มแล้ว ฉันพยายามจะไขว่คว้าเจ้าบ่าวของฉัน แต่มันไม่ทัน พรึบ!!!!! ร่างที่เต็มไปด้วยทองหน้าทิ่มลงกับพื้น โดยเจ้าบ่าวของฉันแค่ยืนดู แล้วก็หันกลับไปเดินต่อ
เย็นชาเกินไปแล้ว!!!!!!! ผู้ชายคนนี้คือชิงหลงค่ะ มังกรหนุ่มแห่งไป๋กรุ๊ป ฉันเหมือนผู้หญิงที่โชคดีที่ได้เค้าเป็นสามี แต่ฉันได้แค่อยู่ข้างเค้าไม่เคยได้ครอบครองหัวใจ มังกรหนุ่มผู้มีแววตาเด็ดเดี่ยว ที่พร้อมจะเชือดเฉือนทุกคนที่มอง ใบหน้าที่เย่อหยิ่งที่เหมือนไม่สนใจอะไร เฮ้อออ ก็ไม่สนใจจริงๆ นั่นแหละ ขนาดฉันล้มยังไม่สนใจเลย ตอนนี้ฉันได้ชื่อว่าภรรยาแล้วนี่หน่า ยังไงฉันก็ต้องเอาหัวใจของมังกรที่แสนเย็นชามาให้ได้ ฉันตั้งขาขึ้นเพื่อลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง ก่อนจะก้าวเดินตามเค้าให้ทัน
"เฮียหลงรอด้วยค่ะ" ฉันวิ่งมาถึงหน้าห้องหอของเรา แต่กลับมีพ่อบ้านของเค้ายืนรออยู่แล้ว
"ขอโทษนะครับคุณนาย ฆ่าเชื้อก่อน ไม่งั้นท่านชิงหลงคงให้เข้าห้องไม่ได้" กรีนพ่อบ้านหนุ่มผู้ตามสามีฉันเป็นเงาตามตัว เค้าชโลมฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อใส่ชุดของฉันก่อนที่จะยอมให้ฉันเข้าไปในห้อง นี่มันห้องหอหรือกรมกักกันเชื้อโรคกันนะ
เมื่อเข้ามาในห้องที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดง คืนนี้เราจะต้องเป็นของกันและกันสินะ คิดแล้วก็เขินจริงๆ ฉันจะได้ทำหน้าที่ภรรยาที่สมบูรณ์แบบ
"ถอดสิ" เสียงจากชายผู้เป็นสามี สั่งให้ฉันทำในสิ่งที่น่าอับอาย จะให้แก้ผ้างั้นหรอ ฉันไม่กล้าถอดหรอกนะ แค่อยู่ใกล้ก็เขินจะแย่
"ถึงเฮียจะพูดแบบนั้น แต่มันเขินนะคะ"
"เธอจะประโคมทองนอนแบบนั้นก็ตามใจ แต่นี่เป็นห้องฉัน กรุณาใส่ชุดของฉันด้วย ชุดเธอมันไปผ่านอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ นั่นห้องน้ำ ไปอาบน้ำซะ ชุดอยู่ในห้องน้ำ" เสียงดุๆ ของสายที่มองมาที่จนทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันตัวเล็กเหลือเกิน
"ค่ะ" ฉันรับปากเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ แล้วถอดทุกอย่างออก ทำไมเราถึงใจฝ่อแบบนี้ ฉันมองไม่เห็นอนาคตของการเป็นภรรยาของฉันเลย
น้ำอุ่นที่ชโลมร่างกายมันล้างเอาเครื่องสำอางและสิ่งปรุงแต่งมากมายออกไปด้วย เมื่ออาบน้ำเสร็จ มองไปรอบๆ ห้องถึงได้รู้ว่า ทุกอย่างในห้องน้ำมีเป็นคู่ ผ้าขนหนู 1 คู่ แปรงสีฟัน 1 คู่ รองเท้า 2 คู่ ถุงมือ 2 คู่ โห...ทุกอย่างมันมีไว้สำหรับคนสองคนสินะ เตรียมไว้ขนาดนี้ จริงๆ แล้วเฮียอาจจะมีใจให้เราก็ได้ แต่แค่ปากแข็ง จะใช่ไหมนะ ฮิๆๆ เมื่อล้างหน้าแปรงฟันทำอะไรเสร็จ ถึงได้เห็นชุดนอนมันเป็นแค่ชุดคลุมผ้าซาตินสีกรมมันเงาหนาๆ แบบนี้มันน้อยชิ้นไปรึเปล่านะ ตรงนี้มีกางเกงแค่ตัวเดียว อาจจะเป็นของของเฮียหลง ถ้าไม่ใส่ชุดนี้นอน ฉันก็คงต้องใส่ชุดแต่งงานนอน ชุดนี้ก็ได้ พอแต่งตัวเสร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
"เฮียยย!! อะ..อ่าว" ฉันออกมาในห้องที่ว่างเปล่า ห้องหอที่ไร้คนเป็นสามี มีเพียงเสียงจากเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังอยู่
โน๊ตแผ่นเล็ก เขียนแป๊ะเอาไว้หน้าตู้เสื้อว่า [ทำงาน ไม่ต้องรอ นอนได้เลย] ทำงาน ในคืนแต่งงานเนี่ยนะ ใจร้ายเกินไปรึเปล่านะ แต่ช่างมันเถอะ เค้าบอกให้นอนก็นอนเลยก็แล้วกัน
ชิงหลง Say ::
จะให้นอนร่วมห้องเป็นไปได้หรอ แบบนี้แหละดีแล้ว ผมให้กรีนขับรถมาส่งผมที่โรงแรม เพื่อจะมานั่งทำงานให้ถึงเช้า แต่พอผมจะก้าวเข้าบริษัท กลับมีคนเข้ามาขวางเพื่อไม่ให้ผมเข้าไปในโรงแรมของตัวเอง ผมเป็น CEO นะ ทำกับผมแบบนี้ได้หรอ???
"ท่านไป๋ชิงเหอะ สั่งไว้ว่า ถ้ามท่านชิงหลงเข้าโรงแรมทุกกรณี ทุกประตู ทุกทางเข้าถูกปิดเอาไว้แล้ว กลับไปเข้าห้องหอเถอะครับ อ่อ...ปล. ถ้าคิดจะเอา ฮ. บินขึ้นทางดาดฟ้า ให้ยิงทิ้งได้เลยครับ" คำชายฉกรรจ์ตรงหน้ามันทำให้ผม อารมณ์ขึ้นสูงปรี๊ดดดดดดด
"แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก ถอยไป!!!! "
"กระผมทราบ ว่ากระผมไม่ใช่......." ผู้ชายที่เฝ้าประตูก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อย ทำให้ผมผลักมันออก เพื่อจะก้าวเดินเข้าไปในโรงแรม
"ฉันเนี่ยจะขวางแกเอง แกทิ้งหนูหลินหลินมาแบบนี้ได้ยังไง แกยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมอาหลง นั่นเมียแก แต่แกทิ้งเธอมาทำงานในวันแต่งงานเนี่ยนะ แกนี่มัน!!!!! ....." ยังไม่จะด่าจบ ป๊าผมก็เกิดอาการเซจนต้องหาที่เกาะ ผมเลยต้องวิ่งเข้าไปประคองด้วยความตกใจ ปกติป๊าแข็งแรงอย่างกับควายป่า
"ไม่ไหว หายใจไม่ออก" เสียงที่ออกมาไม่เต็มมันบอกว่าป๊ากำลังหายใจไม่ทัน มันเลยทำให้ผมต้องรีบพาป๊าขึ้นรถ แล้วไปส่งที่โรงพยาบาลของเราทันที
.
.
@โรงพยาบาล White Hospital
"ป๊าเป็นความดันนะ เป็นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ป๊าขอไม่ให้บอกใคร ถ้าไม่รักษา ดูแลตัวเองไม่ดี อาจจะนำไปสู่โรคอื่นๆ ได้อีก อาจจะเป็นโรคหัวใจ ไปทำอีท่าไหน ป๊าถึงได้ล้มมาแบบนี้ แกนี่มันไม่ไหวเลยนะอาหลง" ไคมองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง เออผมก็ผิดจริงๆ นั่นแหละ
"อาหลงนา ป๊าไม่ได้คล้ำฟ้านา แกคิดว่าฉันจะอยู่ได้อีกแค่ไหน ตั้งแต่ที่ฉันรับพวกแกเป็นลูก ฉันก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า จะเลี้ยงพวกแกให้ดีที่สุด ไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่จะเลี้ยงแกทั้ง 4 คน ให้ดูแลตัวเองได้ ไม่มีฉัน พวกแกก็ต้องอยู่ได้ ปกป้องตัวเองได้ ปกป้องกันและกันได้ ป๊าหาคู่คองให้ ใช่ว่าป๊าจะห่วงแต่ธุรกิจ ป๊าอยากให้แกมีคนดูแล อาหลินเป็นคนที่เพียบพร้อม แกยังไม่ลองที่จะอยู่กับเธอเลย ทำไมถึงตัดสินเธอแบบนั้น"
"ฉันไม่ได้ชอบอาหลินไงป๊าาา ไม่มีวันชอบด้วย" คำตอบของผมทำเอา อัตราการเต้นของหัวใจป๊าสูงขึ้นจนเครื่องที่วันคลื่นหัวใจร้องบอก มันทำเอาเราที่อยู่ในห้องตกใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งตัวผมเองด้วย ไม่คิดว่าความดันมันจะขึ้นง่ายแบบนี้
"ไอ้หลง ป๊าความดันขึ้น แกจะฆ่าป๊ารึไง" เสียงของไคตะโกนบอกผม ที่ตอนนี้เหมือนสตันท์ทำอะไรไม่ถูก
"ขอโทษครับ ผมจะกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้"
"กลับไปเลย เดี๋ยวนี้!!! ป่านนี้ เมียแกนอนร้องไห้แล้ว" ป๊าเอามือที่ไร้เรี่ยวแรง แตะมาที่ผม มันทำให้ผมต้องรีบพยักหน้ารับ
"ป๊าฉันจะขอให้พักดูอาการที่นี่ก่อน ยังไงฉันจะไปส่งเอง" ไครับอาสาไปส่งป๊าให้ ผมทำได้แค่พยักหน้ารับ แล้วให้กรีนขับรถกลับบ้าน
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าป๊าป่วย แต่ป๊าของผมเป็นอย่างงี้เสมอ ตอนที่เค้ารับผมมาเลี้ยงบ้านเราไม่ได้รวย ม้ากับป๊ายอมอด เพื่อให้ผมกินอิ่ม กว่าผมจะรู้ตัว ก็ตอนที่ป๊ากับแม่ผอมจนเห็นแต่กระดูก ผมได้แต่ตั้งใจเรียน แล้วตั้งใจเอาไว้ว่า เมื่อผมโตขึ้น ผมจะดูแลพวกท่านให้ดี แม้เค้าจะไม่ได้เป็นพ่อแม่แท้ๆ ของผม แต่เค้าดูแลผมดีมากเหลือเกิน แม้มีอาเฟิงแล้ว ผมก็ยังเป็นพี่ใหญ่ เพราะผมอยู่กับป๊ามาเป็นคนแรก
@บ้านชิงหลง
ผมกลับมาในห้องนอน ที่ตอนนี้มีผู้หญิงตัวเล็กหลับไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวอะไรกับเค้าเลย ถ้าฉันหนีเธอไม่ได้ ก็คงต้องทำให้เธอเลิกกับฉันเองสินะ งั้นระหว่างเรามันต้องมีข้อตกลง มันเป็นการทำธุรกิจมันต้องมีการเซ็นสัญญา ผมละสายตาจากคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วตรงเข้าไปอาบน้ำ
"มีเมียนี่มันต้องทำยังไงนะ เหมือนเวลากินผู้หญิงที่ไอ้ไคส่งมารึเปล่า ถ้าใช่....มันคงไม่ต่างอะไรจากการมีแบบขอไปที งั้นไม่ต้องมีก็ได้ สอดใส่เสร็จจบเจ๋าไม่เล้าหรือ"
เมื่ออาบน้ำเสร็จผมเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูที่ผ่านการซักฆ่าเชื้อ แบบเดียวกับตามโรงพยาบาล ก่อนจะมาจัดการใส่เสื้อคลุมอาบน้ำสีกรมที่ใช้ผ้าซาตินที่มันเงาไม่จับฝุ่น และลืมไม่ได้ถุงมือ ผมมองถุงมือที่หายไปหนึ่งคู่ แสดงว่าเธอยอมใส่สินะ ก็ยังดีที่ยอมทำตามกฎของห้อง จะอึดอัดผมก็ไม่สน เพราะยังไงเธอจะได้นอนห้องนี้แค่คืนนี้เท่านั้น
พอผมออกมาจากห้องน้ำ เสียงของประตูห้องน้ำที่ปิดลงของผมทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่น
"เฮียยยย งานเสร็จแล้วหรอ" คนที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาหาผม
ผมได้แต่จ้องเธออยู่แบบนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเธอสวยสะกดตา แต่เพราะ!!!! ผมของเธอมันกำลังสยายไปทั่ว ไม่ไหว!!!! อี้...สกปรก!!!! ฉันเตรียมกางเกงให้แล้วนี่ทำไมใส่แต่เสื้อคลุม แล้วทำไมผมถึงไม่รวบไว้
"เฮียจ้องฉันแบบนี้ ฉันเขินจังเลย ฉันแต่งตัวไม่สุภาพเลย" อาหลินมีท่าทีเอียงอายกับชุดที่เธอใส่ จะอายอะไร!!!!! ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ แต่เธอกำลังจะทำฉันประสาทเสีย
"ทำไมไม่ใส่กางเกง ทำไมไม่รู้จับรวบผม ผมสระหรือเปล่า" หัวใจของผมมันกำลังบีบตัวด้วยความกลัว กลัวสิ่งที่เรียกว่าเชื้อโรค ตุ่มรูขุมขนเล็กๆ มันเริ่มผุดขึ้นมามากมายบนร่างกาย
"อ๊ะ นึกว่าของเฮียเลยไม่กล้าใส่อ่า"
"ไม่ไหว ไม่ไหว นอนไม่ได้ ที่นี่นอนไม่ได้แล้ว เซฟโซนของฉันมันกำลังจะหายไป ขอโทษนะป๊า ผมทำไม่ได้จริงๆ " ผมเดินไปหิ้วคนที่นอนอยู่บนเตียงไปโยนไว้นอกห้อง ก่อนจะจัดการให้กรีน เข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ให้ ผมลืมภาพผมที่สยายของเธอไม่ได้เลย 'หัวที่กระจัดกระจายเต็มไปด้วยเชื้อโรค'
หลินหลิน Say ::
"อะเด๋....งง ฉันทำอะไรผิดงั้นหรอ" ฉันมองซ้าย มองขวา ไม่มีใครเลยนอกจากกรีน
"โยนออกมาจนได้สินะครับ ผมขอเข้าตัวไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แล้วกระผมจะมาพาไปส่งห้องนะครับ" กรีนเดินเข้าไปในห้องนอน ที่ฉันเพิ่งจะถูกโยนออกมา สรุปต้องรอสินะ แต่...รออารายอ่า ฉันจะต้องนอนที่ไหน
ไม่นานนักกรีนก็ออกมาจากห้อง แล้วส่งยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ตอนนี้ฉันเข้าไปในห้องได้แล้วใช่ไหม แต่พอฉันจะเปิดประตูเข้าไป ฉันกลับจะต้องผละออกมา เพราะในห้องเต็มไปด้วยควันฟุ้งของอะไรสักอย่าง
"ในห้องนั้น คงมีเค้าอยู่ได้คนเดียว กระผมพาไปห้องพักดีกว่านะครับ อย่าถือสาเจ้านายผมเลยครับ เค้าออกจะประสาทๆ ไปนิด ปกติคุณนายมาแค่อาทิตย์ละครั้ง นอนก็ห้องสุดทางเดิน คงจะไม่ได้เจออะไรแบบนี้ เค้าเป็นโรคกลัวเชื้อโรคขึ้นสมอง แบบไม่ยอมจะรักษาด้วย เล่นเอาผมเหนื่อยไปด้วยเลย" กรีนพาฉันเดินมาถึงห้องข้างๆ กัน แล้วเปิดประตูให้ฉันได้เข้าไป
"คืนแต่งงาน นอนแยกห้องจะดีหรอคะ"
"เรื่องธรรมเนียมผมไม่ทราบ แต่เรื่องความรู้สึก ผมว่าดีกว่าแน่ๆ ตอนนี้เค้ากำลังสติแตก"
"ฉันควรทำยังไงดีคะ ให้เค้ามองฉันเป็นผู้หญิงบ้าง ฉันทำที่เค้าบอกแล้วมันยังไม่พอเลย อย่างน้อยก็เข้าใกล้เค้าได้เหมือนกับคุณกรีน"
"เชื่อเถอะครับ วิธีของผมมันไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิด เพราะผมต้องแช่ตัวในน้ำยาฆ่าเชื้อกันเป็นวันๆ เชื้อโรคที่เค้ากลัว มันคือเชื้อโรคทางใจ ค่อยๆ ปรับตัวนะครับ คืนนี้นอนพักเอาแรงก่อน พรุ่งนี้สู้ใหม่ บอกเลยว่าเป็นผมลำบากกว่าที่คุณคิดแน่ๆ " กรีนส่งยิ้มให้ฉันแล้วเดินออกจากห้องไป
โรคกลัวเชื้อโรคงั้นหรอ เชื้อโรคทางใจงั้นหรอ ฉันจะต้องทำให้เค้าหายให้ได้เลย!!! ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงที่ถูกปูผ้าปูที่นอนสีกรมไว้อย่างดี เพื่อปล่อยให้ตัวเองให้ได้ชาร์จแบตเพื่อสู้กับวันต่อไป
เช้าวันต่อมา.....
ฉันนั่งลงกินข้าวเพราะกรีนไปตามถึงห้อง ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเฮียหลงตื่นเช้าขนาดนี้ ปกติก็ไม่ตื่นเช้าแบบนี้นี่ ฉันเดินตามกรีนลงมาจนถึงโต๊ะอาหารตัวยาว ยาวมากๆ นั่งได้หลักสิบคน ที่นั่งของฉันถูกจัดให้อยู่อีกฝั่งที่ตรงข้ามกับเค้าโดยสิ้นเชิง
"ขอโทษนะครับ ผมจัดที่ใกล้ๆ ให้แล้ว แต่ด้วยความที่เค้าไม่ได้นอนเลยหงุดหงิดเป็นพิเศษ" กรีนแอบกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฉัน ทำให้ฉันต้องพยักหน้าขอบคุณ แค่ฉันนอนบนเตียงเค้าทำเอาเค้านอนไม่หลับเลยหรอ น่าสงสารเกินไปแล้ว
เค้าพยายามพูดอะไรสักอย่าง แต่เพราะว่าเรานั่งอยู่ห่างไกลกันเกินไป มันทำเอาฉันแทบไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงแว่วๆ
"อะไรนะคะไม่ได้ยิน บอกรักฉันหรอคะ!! " ฉันตะโกนกลับไป เพราะไม่ได้ที่เค้าพูดจริงๆ นั่งกินข้าวห่างขนาดนี้ ยังจะมาพูดอะไรอีก
"นี่เธอกวนตีนฉันใช่ไหมยัยเชื้อโรค" เสียงด่าแทบจะทันที ที่ดังขึ้นทำเอากรีนที่อยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะ พอดิบพอดี ต้องหัวเราะออกมา
"ท่านชิงหลงบอกว่า วันนี้เราไปรักกันปลอมๆ ให้ท่านไป๋ เค้าสบายใจหน่อยได้ไหม ตอนนี้ท่านไป๋ยังอยู่โรงพยาบาล" กรีนเอ่ยขึ้น
"ฝากบอกเค้าทีได้ไหมคะ เราจะนั่งกันไกลแบบนี้ทำไม" ฉันฝากกรีนไปบอกเจ้านายเค้า ไม่นานกรีนก็วิ่งกลับมาหาฉันแล้วพูดว่า
"เค้าบอกว่า ถามมากความ กินให้เสร็จเราจะไปโรงพยาบาลกันครับ" สกรีนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ถึงสารที่คนเป็นเจ้านายของเค้าส่งมาถึง
"บอกเค้าทีได้ไหมคะ ฉันรักเค้า" ฉันแกล้งแหย่บอกคนเป็นสามี ที่ตอนนี้ทำคิ้วขมวดจนเป็นปม กรีนไปบอกเค้าให้ฉัน ตามที่ฉันขอ แล้วไม่นานกรีนก็เดินกลับมา
"เค้าตอบกลับมาว่า แรด!!! แบบนี้ครับ" กรีนทำเสียงเรียนแบบเจ้านาย ที่ตอนนี้หงุดหงิดจนเดินออกไปนอกบ้านไปแล้ว มันทำให้ฉันต้องรีบกินข้าว แล้วตามคนเป็นสามีไปขึ้นรถ
ความโอเวอร์ของสามีฉันคือ ปิดแมส แล้วถือสเปรย์ฆ่าเชื้อกับผ้าไว้ในมือ เป็นการเตรียมพร้อม พอฉันเข้ามานั่ง ก็ถูกสั่งให้นั่งกอดอกทันที อะไรของเค้าเนี่ย...เนียนเข้าไปในนั่งใกล้หน่อยได้ไหม ฉันค่อยๆ ขยับออกเข้าไปหาเค้านิดๆ แต่เค้ากับฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อไล่ฉัน
"เข้ามาอีกนิด จะไล่ให้ไปนั่งรถแท็กซี่" เสียงทุ้มต่ำที่ดังออกมาจากลำคอ มันทำให้ฉันต้องรีบขยับออก แล้วไม่นานถุงมือสีขาวก็ถูกโยนมาให้ฉัน
"ให้ทำไมคะ นอกบ้านก็ต้องใส่หรอ"
"ใส่สิ ภายนอกมีเชื้อโรคเป็นล้านๆ ตัว ไม่รู้จักคำว่าอนามัยรึไง เข้าโรงพยาบาลแมสก็ต้องใส่" แล้วแมสอันใหม่เอี่ยมอ่องก็ถูกโยนมาที่ฉัน
"เฮียห่วงฉันขนาดนี้เลยหรือคะ" ซึ่งจังฉันหันไปมองหน้าคนที่ตอนนี้เห็นแค่ผมกับลูกตา
"ไม่ได้ห่วงเธอ แต่ห่วงผู้ร่วมโรคคนอื่น แค่ฉันหายใจร่วมกับเธอก็รู้ได้ถึงเชื้อโรคแล้ว" คนที่พูดมีแววตาหรี่ลง เค้ากำลังทำหน้ายังไงอยู่นะ
"แรงมากกกก แต่ไม่เจ็บ"
อีกด้าน..........
"อาไคเร็วๆ อาหลงจะมาแล้ว" ผู้เป็นพ่อรีบวิ่งอย่างกุลีกุจอขึ้นไปนอนบนเตียงผู้ป่วย เพราะกลัวคนเป็นลูกชายจะจับได้ว่าตัวเองโกหกเรื่องป่วย
"ป๊าจะหลอกอาหลงได้นานแค่ไหน มันฉลาดจะตาย เดี๋ยวมันก็จับได้" ไคเริ่มถอนหายใจกับแผนการของคนเป็นพ่อ
"จนว่ามันกับอาหลินจะ ปาดีดับโอ้เย้ กันไง อาหลงนา เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ถ้าได้กินแล้ว ยังไงอีก็ต้องรับผิดชอบ" คนเป็นพ่อรู้นิสัยลูกชายดี
"เฮ้ออออ ขอให้มันไม่จับได้ก่อน เหมือนเดิม ถ้าป๊าอยากให้หัวใจเต้นเร็ว กลั้นหายใจให้นานพอ จนรู้สึกว่าเราจะเหนื่อย ค่อยปล่อยลมหายใจ นี่ผมกำลังสอนอะไรป๊าเนี่ย เฮ้อออออ หวังว่าแผนป๊ามันจะดีนะ ใช้ความรักของอาหลงแบบนี้ผมไม่สนับสนุนเลยจริง"
"อาไค เมียดีๆ แบบนี้ อาหลงปล่อยไป ลื้อคิดว่าชาตินี้อีจะได้เจอผู้หญิงแบบนี้อีกไหมอ่า ทำๆ ไปเถอะหน่า"
ไคได้แต่ถอนหายใจให้คนเป็นพ่อ ที่ตอนนี้ยอมแกล้งทำเป็นป่วย เพื่อเป็นสะพานให้ลูกกับเมียรักกัน
=====================
ทำไมไรท์มีความรู้สึกว่ามันจะวุ่นวาย
เพราะคุณป๊านี่แหละน้าาาา