Ep.3 : หรือเฮียจะชอบผู้ชาย

3466 คำ
"กรีน แกคิดว่าฉันควรจะทำยังไงกับเรื่องอาหลินดี" ผมทิ้งตัวลงกับพนักพิงของเก้าอี้ทำงาน ก่อนจะทอดสายตาไปหาผู้ชายที่อยู่ในชุดพ่อบ้าน "เธอขอแค่ให้ท่านชิงหลงไปรักษา ไม่มีอะไรที่ท่านชิงหลงต้องเสียเลย ตอบรับไปเถอะครับ ท่านชิงหลงหายผมก็สบาย แต่ท่านไม่หายผมก็ไม่เสียอะไร มีแต่คนได้ทั้งนั้น ตอนนี้ไม่รักษาอารมณ์อย่างกับหญิงสาวมีประจำเดือน สวิงไม่เคยมีตก" กรีนพูดพลางยิ้มกวนตีนออกมาให้ผม "แกยังนับถือฉันจริงๆ ใช่ไหม ฉันคิดว่าฉันจะใช้เรื่องนี้ในการขอหย่า 1 ปี ต่างคนต่างอยู่ก็แค่แป๊บเดียว ยังไงฉันก็ไม่มีทางรักกับเชื้อโรคได้หรอกหน่า" ผมยืนขึ้นพร้อมกับคิดบางอย่างขึ้นมาในสมอง ผมต้องมีประกันว่า 1 ปี ยัยตัวเชื้อโรคต้องยอมหย่าแบบห้ามยึกยัก "ไม่รักแล้วจะกลัวอะไรครับ" "ฉันไม่ได้กลัว แต่ฉันแค่คิดว่ารักษาไปมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันรักษาสักหน่อย" ภาพในคืนนั้นมันยังคงติดตา จะให้ลืมมันไปคงไม่ง่าย จะให้นึกถึงมันอีกก็ไม่เอา "ถือว่าแลกกับอิสรภาพ" กรีนยังคงช่วยสนับสนุนความคิด "นี่ฉันติดคุกอยู่รึไง" ผมหันไปทำแววตาเย็นๆ ใส่กรีน "มีรักษานิสัยไม่ดีไหมครับ ผมจะพาเจ้านายผม ไปรักษาเป็นคนแรกเลย" . . ตกเย็นเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน อาหารมากมายก็จัดเตรียมไว้ ตั้งแต่มีอาหลินกรีนมันขี้เกียจขึ้นเยอะเลย และแน่นอน ยังไงก่อนกินข้าวผมก็ต้องอาบน้ำก่อน เพียงแค่เห็นรอยยิ้มหวานของอาหลิน คำถามในหัวของผมมันก็เกิดขึ้น เมื่อวานผมกินเธอรึเปล่า ทำไมเธอถึงได้ดูชม้อยชายตาให้ผมจัง ขนลุกชะมัด การอาบน้ำของผม ผมไม่เคยอาบน้ำในอ่าง เพราะมันทำให้ผมต้องแช่เชื้อโรคอยู่แบบนั้น ผมอาบน้ำที่อุณหภูมิ เกิน 40 องศาเท่านั้น เพื่อชำระร่างกายให้หมดจรด ของใช้ในห้องน้ำก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดี โดยเฉพาะถุงมือ ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมใช้มือสัมผัสอะไรโดยตรงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เมื่อจัดการตัวเองเสร็จผมถึงลงมานั่งทานอาหาร โดยมีอาหลินนั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหารตัวยาวเหมือนเดิม "กรีนแกไปบอกยัยตัวเชื้อโรคซิ ฉันรับข้อเสนอ เพียงแต่ถ้าครบหนึ่งปีเธอจะต้องไปแบบไม่มีข้อแม้ ถ้าเธอมีชู้ นอกใจ หรือทำอะไรผิดร้ายแรง ฉันจะหย่าทันที ถ้าเธอตกลง พรุ่งนี้จะมีสัญญาไปให้เซ็น" ประโยคของผมทำให้กรีนหรี่ตามองผมน้อยๆ ทำให้ผมต้องชำเลืองตามองคนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งสักที "ครับ" กรีนเดินไปคุยกับคนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ ที่ตอนนี้ยิ้มออกมาอย่างสดใส ยิ้มอะไรนักหนาวะ ตอนนี้ยิ้มได้ ยิ้มไปเถอะ "ท่านชิงหลง คุณนายแจ้งมาว่า ขอเพิ่มเป็นมีเวลาให้เธอ อาทิตย์ละสองวันได้ไหม" มีเวลาให้งั้นหรอ ต้องมีให้ขนาดไหน ถ้าแค่เดินผ่านไปผ่านมาให้เธอเห็นในบ้านผมก็โอเคนะ หรือขอให้ผมทำการบ้าน เมื่อคืนไม่พอรึไง แรดเกินไปแล้ว หรือเมื่อคืนไม่ได้ทำ หรือยังไงแน่วะ "กรีนนนนน" เสียงเรียกจากอีกฝั่งของโต๊ะทำให้กรีนต้องเดินไปหา แล้วซุบซิบอะไรกันสักอย่าง ไม่นานนักกรีนก็เดินกลับมาหาผมแล้วก็....... "เธอฝากมาบอกอีกว่า คืนนี้ท่านชิงหลงจะเมาอีกไหมครับ" "แรด!!!! " ผมตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เพราะทนความเสนอตัวนี้ไม่ไหว "แรดที่ไหนคะ ทำกับสามี เค้าเรียกว่าทำหน้าที่ภรรยา แล้วอีกอย่างเมื่อคืนเฮียก็เข้าหาฉันเอง" "ภรรยาปลอมๆ ไม่ต้องทำ เดี๋ยวก็หย่ากันแล้ว!!!! " ความจริงที่แสนโหดร้ายคือ...ผมเข้าหาเธอเอง เข้าไปในห้องของเธอเอง ผมทำอะไรลงไปเนี่ยยยยยยย ผมหมดซึ่งอารมณ์จะกินข้าวต่อ เดินขึ้นห้องทิ้งให้เธอกินข้าวคนเดียวไปแบบนั้น ผมจะต้องเอาเธอออกจากชีวิตให้ได้เลยคอยดู ไม่มีอะไรดีสักอย่าง จะมีดีอยู่อย่างก็ทำกับข้าวอร่อย แต่แม่ครัวบ้านผมก็ทำอร่อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีเธอก็ได้ เช้าวันต่อมา.......หลินหลิน Say :: สายสนทนา "จริงหรือคะม้า อาเฟิงคลอดแล้วหรอ เช้านี้หนูจะไปเยี่ยมนะคะ อยากเห็นหน้าหลานเต็มทนแล้วค่ะ" [จ้า คลอดเมื่อรุ่งเช้านี่เองนา ถ้าจะมาพาอาหลงมาด้วยสิ] "คงจะยากค่ะ แต่หนูจะพยายามนะคะ" [อดทนหน่อยนะลูก อาหลงไม่ใช่คนใจร้ายหรอกนา คงต้องใช้เวลาปรับตัวกันอีกหน่อย] "ค่ะ งั้นหนูขอวางก่อนนะคะ หนูต้องรีบซื้อของไปรับขวัญหลานแล้วละค่ะ" [จ๊ะ] จบสายสนทนา คลอดแล้วงั้นหรอ ก่อนกำหนดตั้งสองวันแหนะ เด็กผู้ชายเราต้องซื้ออะไรให้ดีนะ ของเล่นคงยังเล่นไม่ได้ ชุดน่ารักๆ ก็แล้วกัน ตอนนี้ต้องไปบอกเฮียหลงก่อน ฉันรีบเดินลงบันไดของบ้าน เพื่อบอกข่าวดีกับสามี แต่เค้านั้น.... "ไปทำงานแล้วค่ะคุณนาย" "งั้นหรอจ๊ะ ถ้ายังไงวันนี้เค้ากลับก่อน ฝากบอกหน่อยนะ ว่าฉันจะไปซื้อของรับขวัญหลาน แล้วตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลเลย" ฉันฝากพวกแม่บ้านจัดการงานบ้านต่อ เพราะตอนนี้ฉันกำลังตื่นเต้นกับหลานมากๆ เลย ยังไงก็ต้องไปซื้อของรับขวัญหลานก่อนสิน้าาาา . . หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฉันขอให้คนขับรถไปส่งฉันที่ห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน The Heaven เมื่อมาถึงฉันก็ตรงมาที่แผนกเด็กอ่อนทันที แต่ในแผนกนี้ทุกอย่างมันดูเหมือนกันไปหมด น้ำยาล้างขวดนมมีเป็นสิบยี่ห้อ ผ้าอ้อมก็มีหลายแบบจนฉันไม่เข้าใจว่ามันต่างกันยังไง ไม่เคยมีลูกซะด้วยสิ ต้องเลือกยังไงนะ ฉันมองดูของมากมายที่อยู่ในแผนกนี้ มันเยอะมากจนฉันเลือกไม่ถูก ฉันมองไปรอบๆ ตัวเพื่อหาขอความช่วยเหลือจากใครสักคน "คุณหลินรึเปล่าครับ" เสียงทักคุ้นๆ ของใครคนหนึ่งทำให้ฉันต้องหันไปมอง "อ้าววว คุณหมอเรย์ มาซื้อของให้ลูกหรือคะ" "ไม่ใช่ครับ ซื้อให้หลาน ผมยังไม่มีภรรยา การทำงานในสายงานแพทย์ มันทำให้มีความรักค่อนข้างยากนะครับ อย่าว่าแต่ภรรยาเลย แฟนยังยากเลย" หมอเรย์ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี "เหมือนหลินเลย ตอนนี้หลินมาซื้อของให้หลานตัวน้อย แต่ไม่ค่อยเข้าใจว่าจะเลือกของยังไงดี ผ้าอ้อมก็มีหลายแบบไปหมด" ฉันโชว์แพ็กผ้าอ้อมให้หมอเรย์ดู "ผมก็ไม่ได้เก่งถึงขั้นจะแนะนำได้ด้วยสิ แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผ้าคอตตอนมีความหยาบที่มากกว่า น่าจะไม่เหมาะกับทารก ผ้าสาลูเมื่อซักโดนน้ำจะนิ่มกว่ามากทำให้ไม่ระคายเคือง" ฉันฟังที่หมอเรย์แนะนำของใช้เด็ก นี่ขนาดบอกไม่เก่งนะเนี่ย อธิบายซะละเอียดยิบเลย สมเป็นหมอดีจริงๆ มีหลักการแล้วนำไปใช้ได้จริง หลังจากซื้อของเสร็จ ฉันเลยต้องขอเลี้ยงกาแฟหมอเรย์ เป็นการขอบคุณที่ช่วยแนะนำของใช้ให้หลานให้ เราเลือกร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่เพียงแค่เดินผ่านก็มีกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นโชยออกมาดึงเราสองคนเข้าไปในร้าน บรรยากาศร้านสบายๆ บวกกำกลิ่นกาแฟอ่อนๆ มันช่วยให้เราผ่อนคลายจากเรื่องเครียดที่ได้เจอมายาวนานได้ไม่ยาก "เป็นยังไงบ้างครับ สามีคุณยอมมารักษาไหม" คำถามจากหมอเรย์ทำให้ฉันต้องรีบพยักหน้า "น่าจะยอมนะคะ เพราะฉันจ่ายค่าตกลงนี้แสนแพงเหลือเกิน" รอยยิ้มที่มีมันเริ่มหาไป เพราะสิ่งที่ต้องแลกมันคือเวลา ที่ตอนนี้ฉันเหลือมันแค่ 1 ปี 1 ปีมันสั้นมากเลยนะ "ผมจะช่วยสุดความสามารถเลยครับ" "1 ปี โรคนี้มันจะหายไหมคะ โรคนี้ เอาตรงๆ ฉันมีเวลาแค่นี้" ฉันถามหมอเรย์ด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมให้คำตอบไม่ได้นะครับ OCD เป็นโรคที่เกิดจากปมทางใจ ใครแก้ได้เร็ว มันก็จะดีขึ้นได้เร็ว เชื้อโรคที่สามีคุณกลัว ไม่ใช่เชื้อโรคจริงๆ แต่เป็นเชื้อโรคในใจ ถ้าเค้ายอมเปิดใจ ยอมตอบรับการรักษา มันจะเห็นผลไวขึ้นนะครับ คุณหลินต้องใจเย็นก่อน" หมอเรย์ยังคงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม "แล้วมีวิธีทำให้เค้าหายเกลียดฉันไหมคะ" ไหนๆ ก็ได้ปรึกษาหมอแล้ว ทีเดียวไปเลยก็แล้วกัน มันอาจจะมีวิธี อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เราต้องทะเลาะกันแบบนี้ทุกวัน "ผมจะไม่ถามนะครับ ตอบดีกว่าเนอะ การเกลียดหรือไม่ชอบ มันเป็นสารเคมีในสมองชนิดหนึ่งชื่อว่า Oxytocin ซึ่งมันเป็นเคมีในสมองที่ทำให้เกิดความรัก และด้านมืดของมัน ก็ทำให้เกิดความเกลียดได้เหมือนกัน ซึ่งความเกลียดต้องถามก่อนว่าเค้าเกลียดแบบไหน ถ้าเกลียดเพราะคุณเป็นคนไม่ดี อันนี้อาจจะยาก แต่ถ้าเกลียดเพราะปมทางใจ ผูกปมไว้ แก้ได้ มันก็จะหาย" หมอเรย์ยังคงยิ้มให้ฉันเหมือนคุณหมอใจดี ไม่แปลกใจทำไมคนไข้ของคุณหมอถึงเยอะ "ฉันต้องกลับไปหาปมให้เจอก่อนใช่ไหมคะ" "ครับ" "วันนี้คุณหมอช่วยฉันได้เยอะจริงๆ " "ผมยินดีครับ" หลังจากออกจากร้านกาแฟ เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนพอจะส่งคุณหมอเรย์ที่ทางออกลานจอดรถ ก็ดันเจอคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ ผู้ชายที่มาพร้อมผู้ติดตามมากมาย ผู้ชายที่วางมาดอยู่ตลอดเวลา สามีฉันเอง "เฮีย มาได้ยังไงคะ" "ตาม GPS มา นี่ใคร" แววตาเย็นเฉียบมองมาที่หมอเรย์ "ผมเรย์ครับ เป็นหมอโรคประสาท ที่โรงพยาบาลของครอบครัวคุณ ผมบังเอิญเจอคุณหลินเข้า เราเลยแวะคุยเรื่องของคุณ" หมอเรย์ยังคงยิ้มอยากเป็นมิตร กับคนที่ไม่เคยที่จะคิดเป็นมิตรกับใครเลย "หมอที่ฉันขอให้มาช่วยรักษาเฮีย ว่าแต่เฮียติดเครื่องติดตามฉันหรอคะ" เค้าห่วงฉันขนาดนั้นเลยหรอ ไม่หรอก อย่างเค้าคุมความประพฤติสินะ "เปล่า ให้โทร่า แกะสัญญาโทรศัพท์ เป็นหมองั้นหรอ อื้มมมม โรคของผมรักษามาก็หลายหมอแล้ว จะรักษาอีก ก็คงไม่เป็นอะไร ผมกำลังจะไปโรงพยาบาล เราไปด้วยกันเลยไหมล่ะ" เฮียหลงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ในดวงตา ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกลัวรอยยิ้มนี้นะ "ครับ ผมขอตัวไปเอารถก่อน แล้วเราจะไปเจอกันที่โรงพยาบาลก็ได้" "ยินดีจัง ที่ได้รู้จักคุณหมอ ต่อไปเราคงจะได้เจอกันบ่อยๆ " เฮียหลงยิ้มให้หมอเรย์อีกแล้ว กับฉันเค้ายังไม่เคยยิ้มให้สักครั้งเลย หรือจริงๆ แล้ว เฮียหลงจะชอบผู้ชาย ฉันมองเฮียหลงที่ยิ้มออกมาไม่หุบ จนหมดเรย์เดินลับตาไปแล้ว ก็ยังไม่หยุดยิ้ม แต่พอเค้าหันหน้ามาเจอฉัน กลับหุบยิ้มทันที อะไรอะ "เฮียยิ้มอะไร" "ธุระกงการอะไรของเธอ ซื้ออะไรมาบ้าง" คำถามที่ทำให้ฉันต้องชูของที่ซื้อมาให้เค้าดู แต่กลับให้ลูกน้องมาเอาของที่ฉันซื้อไปหมด "เธอเห็นฉันเป็นใครกัน เดินตามมาซะ ยัยตัวเชื้อโรค" น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดนี่มันอะไรกัน ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะ ฉันเริ่มอยากรู้แล้วสิ ว่าฉันเคยทำอะไรถูกในเฮียบ้างไหม แล้วเราจะซื้อของยิ่งใหญ่อะไรกัน ตอนเอากลับมันจะลำบากนะคะ แต่ไม่ทันที่เราจะได้แวะแผนกเด็กอ่อน เพราะเฮียงหลงเดินผ่านมันไปเลย อะ...อ่าววววว ไม่ได้แวะหรอกหรอ แล้วเราจะไปไหนกันอะ ฉันพยายามวิ่งตามให้ทันคนที่เดินไวปานจรวด จนเรามาหยุดกันที่ร้านทองขนาดใหญ่ ก่อนที่คนเป็นสามีจะเดินทิ้งฉันเข้าไปในร้านทอง "ทำไมต้องมาซื้อถึงในห้าง ตลาดแถวบ้านเราก็มีร้านทอง" ฉันสบถออกมาเบาๆ ว่าทำไมคนที่ไม่ชอบทำอะไรเสียเวลา ถึงยอมเสียเวลามาถึงห้างสรรพสินค้า "คนรักสะอาดไม่กล้าเหยียบตลาดครับ รู้แล้วเงียบไว้เลยนะครับ คุณนายเข้าไปเถอะครับ เดี๋ยวระเบิดลง" กรีนดันหลังฉันน้อยๆ ให้เข้าไปในร้านทอง ที่ด้านในไม่ได้มีแค่ทอง มีทั้งเพชรและเครื่องประดับอีกมากมาย ฉันมองคนเป็นสามี ทิ้งสายตาเย็นเฉียบใส่พนักงานในร้าน จนพยักงานต้องรีบวิ่งไปหยิบของบางอย่างจากหลังร้านอย่างร้อนรน "ของท่านชิงหลง กำไลข้อเท้าฝังเพชร ตัวกำไลเราทำจากทองบริสุทธิ์ 99% สามารถปรับระดับได้ ใส่ได้จนน้องโตเลยนะครับ ตัวเพชรเราก็เลือกที่น้ำดีที่สุดน้ำหนึ่งทุกเม็ด รับรองไม่มีใครเหมือนแน่นอนครับ" "ทำไมมันเล็กจัง" คำถามที่ทำเอาเจ้าของร้านหน้าถอดสี "เฮียคะ หลานเราเพิ่งจะเกิด ใส่หนักๆ เค้าอาจจะไม่สบายตัวได้นะคะ" ประโยคของฉันทำเอาคุณเจ้าของร้านยิ้มออก "เล็กแบบนี้ก็แพ้ไอ้ไคมันสิ" เอ่ออออคือแบบว่า ครอบครัวนี้แข่งอะไรกันนะ แข่งอะไรกันแปลกๆ แต่ทำมาแล้วไม่รับก็คงไม่ได้ แต่สำหรับฉัน แบบนี้ก็สวยมากแล้ว แต่มาสั่งทำเอาไว้ก่อน แสดงว่าลึกๆ ข้างในก็ยังเป็นเฮียหลงคนเดิมสินะ กำไลถูกส่งมาให้ฉันถือ "เธอเป็นคนให้ ถ้าฉันให้ เจ้าพวกนั้นเคยตัวพอดี" แล้วทำไมต้องหลบตาด้วยล่ะ กำลังเขินหรอคะ แค่ให้ของขวัญหลาน ต้องเขินเบอร์แรงแบบนี้เลยหรอ . . เมื่อเรารับของเสร็จ ฉันก็เดินกลับมาที่รถพร้อมกับคนเป็นสามี แม้อารมณ์ฟึดฟัดของเค้าจะมีเป็นระยะก็เถอะ อันนี้คือปกติ หรือไม่ปกติกันนะ ฉันเหล่ตามองเค้าเป็นระยะ แล้วไอ้การที่ให้คนปูกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ฉันนั่งนี่มันคืออะไร แล้วความเงียบที่มันน่าปวดหัวนี่มันคืออะไรกันนะ "ได้กับฉันแล้ว นัดผู้ชายคนอื่น แบบนี้ไม่เกินไปหรอ หย่าๆ ไปให้มันจบไม่ดีรึไง ไม่ต้องมานั่งแอ๊บใสด้วย" เสียงที่ดังมาจากคนข้างๆ เหมือนคนที่พูดขึ้นมาลอยๆ นี่มันคืออะไร คุยกับใครอะ ใครไปได้กับเฮีย "เฮียมีอีหนูหรือคะ" ประโยคของฉันเหมือนมันไปสะกิดอะไรของคนที่นั่งข้างๆ ก็ไม่รู้ "ฉันหมายถึงเธอ!!!! นอนกับฉันแล้ว ยังนัดเจอกับผู้ชายคนอื่น มันทุเรศ หัดไว้หน้าฉันบ้าง!!!! " คนเป็นสามีตะโกนใส่ฉันเสียงดัง "หึงหรือคะ" "ไม่ได้หึง" "หวงหรือคะ" "ไม่ได้หวงโว้ยยยยย!!!!! แล้วมือสกปรก อย่าเอาออกมานอกหนังสือพิมพ์ได้ไหม!!! ยัยตัวเชื้อโรค" แล้วสเปรย์ฆ่าเชื้อก็ฉีดลงตรงที่มือฉันสัมผัสไปโดนทันที แต่....เราไปได้กับเค้าตอนไหน คืนนั้นเฮียหลับคาอกเลย ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย "ถ้าเฮียหมายถึงเรื่องคืนนั้น คืนนั้นเฮียจูบ....." "พอแล้ว!!!!! ไร้ยางอายที่สุด" คนที่พูดทำท่าจะเอาสเปรย์ฆ่าเชื้อยิงเข้าหาตัวเอง อะไรถึงกับฆ่าตัวตายเลยหรอ???? "เดี๋ยวๆๆ เฮียจะทำอะไร" "ฆ่าเชื้อโรคในปากไง" ไปใหญ่แล้ว!!!!! อยู่กับเฮียฉันเหนื่อยจริงๆ แล้วคนที่จะยิงสเปรย์ฆ่าเชื้อใส่ตัวเอง ก็หันมายิ่งใส่ฉันแทน จะมองว่ามันเป็นมุมน่ารักได้ไหมเนี่ย แต่เฮียยยยยย.....ฉันเปียกหมดแล้ว!!!!! @โรงพยาบาล White Hospital เราเอาของมาให้หลาน แต่มันเป็นการประชันของคนเห่อหลาน ที่แต่ละคนก็อยากครอบครองพื้นที่ของขาน้อยๆ โดยไม่มีใครถามพ่อกับแม่ของหลานเลย เต็มใจไหม "ฟ่งเทียนต้องใส่ของฉันสิป๊า" เฮียหลงเสียงแข็ง เพราะจู่ๆ อาป๊าก็มาพร้อมกับ สร้อยทองบิ๊กเบิ้ม "ไหนแกบอกของเมีย เห่อหลานก็บอกมาเถอะหน่า ฟ่งเทียนต้องใส่ของอากงสินาาาา ใช่ไหม หลานรัก แกอยากใส่ก็ไปมีเอง แล้วใส่ให้ลูกแกก็จบ" พ่อสามีหันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะหันไปสนใจเด็กน้อย "ผมเริ่มสงสัยแล้ว ว่าป๊าป่วยจริงไหม ตอนนี้แลดูป๊าจะแข็งแรงดี" "หยุดเลยทั้งคู่ ผิดที่ทั้งคู่ซื้อมาเร็วไป ยังไงควรจะให้ฟ่งเทียนอายุสัก 3-4 สัปดาห์ก่อน ตอนนั้นค่อยให้ฟ่งเทียนเลือกเองดีกว่า ตอนนั้นบอกเลยหลานต้องเลือกของฉันแน่" เฮียไคพูดออกมาอย่างมั่นใจ เฮ้อออ นึกว่าจะมาห้าม ที่แท้ก็ซื้อเวลาให้ของตัวเอง เฮ้ออออออ . หลังจากเยี่ยมอาเฟิงเสร็จ เฮียหลงก็เอ่ยปากอยากเจอหมอเรย์อีกครั้ง ทำให้เราต้องมาหาหมอเรย์ที่แผนกโรคประสาท มาหาหมอแค่นี้พกคนมาอย่างกับจะมาปิดโรงพยาบาล แต่พอเราจะเข้ามาในห้องตรวจ กลับมีแค่ฉัน เฮียหลง และกรีน จะนั่งกันแต่ละที กรีนต้องคอยทำความสะอาดเก้าอี้ให้คนเป็นเจ้านาย ถึงจะยอมนั่งได้ แต่นั่งคุยกับหมอ ใช่ว่าจะยอมรักษา ถามหมอ มากกว่าให้หมอถามอีก ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เรียนจบอะไรมา ฐานะทางบ้านเป็นยังไง แต่งงานรึยัง มีแฟนไหม ถามจนสงสารหมอเรย์เลยทีเดียว "ผมได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจแล้ว ขอบคุณครับ" "ฮ๊าาา!!! เฮียไม่รักษาหรอ" ฉันถามถึงคนที่เอาแต่ถามหมอ ไม่ยอมให้หมอถามอะไรเลย "การทำธุรกิจ เราต้องได้สัญญาเป็นรูปธรรมก่อน ได้เมื่อไหร่ ธุรกิจมันถึงจะเริ่มได้ ตอนนี้เรากลับบ้านกันเถอะ ฉันจะรักษาไม่รักษา มันขึ้นอยู่กับเธอแล้ว ยัยตัวเชื้อโรค" รอยยิ้มบนใบหน้าทำให้ฉันรู้สึกถึงความหนาวที่สันหลัง งื้อออ ต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ เลย @บ้านชิงหลง พอเรากลับมาถึงบ้าน หนังสือสัญญาก็วางลงกลางโต๊ะทันที นี่มันอะไรกันเนี่ย สัญญาปีศาจชัดๆ ไม่มีความยุติธรรมอยู่ในรูปสัญญาเลย ภายในระยะเวลา 1 ปี ที่สัญญานี้มีผลบังคับใช้ ข้าพเจ้าชิงหลงจะยอมรับการรักษาโรค OCD อาทิตย์ละ 1 ครั้งแล้วแต่สะดวก หากแต่ว่าภรรยาทำตัวอยู่นอกเหนือจากประเพณีจารีตและศิลธรรมอันดี จะนำไปสู่การหย่าทันที "ไหนเวลาของฉัน" "ฉันไม่สามารถจ้ำจี้กับเธอได้ แล้วฉันก็ยอมพบหมออาทิตย์ละ 1 ครั้งแล้ว" "งั้นอีก 1 วันฉันก็ต้องได้ ถ้าเฮียไม่มีเวลาให้ฉัน แล้วเราจะรักกันได้ยังไงคะ" ฉันถือวิสาสะเขียนลงไปเองในสัญญาว่าให้เวลาหลินหลิน เพื่อไปเดท อาทิตย์ละ 1 วัน ก่อนจะเซ็นสัญญานั้น แม้คนเป็นสามีจะไม่พอใจ แต่ก็ยอมรับมันแต่โดยดี บางทีก็คิดนะ ที่เค้ายอมเพราะอยากหย่ากับฉันขนาดนี้เลยหรอ 1 ปีมันแสนสั้น แต่ถ้าอยู่แบบที่เค้าไม่รักฉัน มันก็คงไม่ได้อะไร 1 ปีสินะ ฉันคงจะต้องสู้แบบหลังชนฝาเลย ว่าแต่ ทำไมเฮียถึงอยากไปเจอหมอเรย์ อาทิตย์ละครั้งล่ะ หรือเฮียจะชอบผู้ชาย ไม่ได้นะ!!!!! เฮียต้องรักฉันสิ ====================
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม