ไม่ใช่เลยค่ะ! เธอบอกเขาในใจ เธอใช้หนี้หมด แถมเงินเก็บกับแฟนเก่าก็โดนเขาเอาไปจนหมด จะพูดง่ายๆ คือเธอไม่เหลืออะไรเลยจะดีกว่า
“คุณพักผ่อนเถอะ ผมไม่กวนแล้ว” เขามองหน้าเธอจึงได้เห็นความเหนื่อยล้าของเลขาสาว จึงเอ่ยขอตัวอย่างสุภาพ เพลินตารู้สึกว่านั่นคือเสียงสวรรค์สำหรับเธอ
หญิงสาวเดินมาส่งเขาที่หน้าห้อง เธอยิ้มให้เขาก่อนจะรีบงับประตูปิด เธออยากจะอาบน้ำทิ้งตัวลงนอน ทำท่าจะกรีดร้องหนีเข้าห้องน้ำ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอถึงกับฝันสลายเมื่อมองลอดช่องประตูออกไปพบว่าคนที่กดกริ่งหน้าห้องของเธอคือเจ้านายของเธอนั่นเอง
“ท่านประธานมีอะไรเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่างเหนื่อยๆ
“คุณทำโทรศัพท์มือถือตกเอาไว้ที่ห้องของผมน่ะ ผมเอามาคืน”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมไม่กวนแล้ว เมื่อกี้มินตราส่งข้อความหาคุณด้วยนะ” เขาบอกเธอเสียงเรียบ หน้านิ่ง
“คะ!” เธอหลุดอุทานออกมา ก่อนจะกดเปิดอ่านข้อความของอดีตเลขาของเขา
-แกไปสัมภาษณ์งานเป็นยังไงบ้างยัยเพลิน เจ้านายของฉันหล่อลากไส้ไปเลยใช่ไหมแก ถ้าแกเหงาจีบคุณ นิรันดร์ได้นะ เขาโสดแน่นอน แต่สดหรือเปล่าอีกเรื่องนึง อิอิ-
ประโยคนั้นทำเอาเพลินตาอ้าปากค้างตาโต ปกติข้อความไลน์ที่ส่งมามันจะเด้งข้อความมาให้อ่านก่อนกดเข้าไปอ่านเสียอีก เขาคงเห็นข้อความพวกนี้แล้ว
นิรันดร์รู้ว่าข้อความนั้นมาจากมินตรา เพราะว่าเขาเคยเป็นเจ้านายของมินตรามาก่อน ทั้งสองมีไลน์ของกันและกัน ไว้ติดต่องาน พอหน้าของเพื่อนรักเด้งขึ้นมา เขาถึงได้บอกเธออย่างมั่นใจว่ามินตราส่งข้อความมา
โอ๊ย! เขาจะคิดว่าเธอมีนอกมีในกับเลขาเขาหรือเปล่านะ เพราะว่าเลขาคนเก่าของเขาที่ออกไปคือเพื่อนสมัยอนุบาลของเธอที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้
“ผมโสดจริงๆ นั่นแหละ แต่ผมไม่สดแล้ว คุณถือหรือเปล่า” ประโยคโอดอ่อยของเขาทำเอาเพลินตาหน้าแดง แก้มร้อนผ่าว เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็เดินจากไปเสียก่อน
จริงๆ แล้วที่เธอมุ่งหน้ามาอยู่ที่นี่พราะว่าเพื่อนสมัยอนุบาลที่ติดต่อกันมาตลอดบอกว่าต้องแต่งงาน เลยต้องย้ายไปอยู่กับสามี ทำให้ต้องลาออกจากงาน กอรปกับเธอตกงานโดนแฟนทิ้งและโกงเงิน ไม่มีที่ไป เธอก็บ้าจี้ถามว่าเธอมาทำงานในตำแหน่งนี้แทนเพื่อนอย่างมินตราได้ไหม มินตราตอบว่าจะฝากให้เข้าทำงานไม่ได้ ไม่ได้เส้นใหญ่ขนาดนั้น แต่ให้มาสมัครดู
บังเอิญอีกว่าห้องที่เธอพักอยู่ตอนนี้เคยเป็นห้องพักของเดวิสแฟนของมินตรา นั่นทำให้เธอได้มาเช่าห้องนี้อยู่ ซึ่งห้องพักต่างจังหวัดแบบนี้หรูหราเอาเรื่องอยู่แต่ราคาไม่ได้แพงเหมือนในกรุงเทพฯ เธอก็ตอบตกลงในทันที ทั้งๆ ที่เงินก็ไม่ค่อยจะมี แต่บ้าจี้ตอบตกลงทุกอย่างเพราะอยากหนีจากจุดเกิดเหตุ
มินตรากับเดวิสจึงอนุเคราะห์ให้เธอพักต่อได้เลย โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า เพราะว่าเดือนนี้เดวิสได้จ่ายเงินเอาไว้ล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้ตอบข้อความของมินตราในทันที แต่รีบไปอาบน้ำอาบท่าเพราะเหนียวตัวและเหนื่อยเต็มที ออกมาก็เป่าผมทาครีมก่อนจะทิ้งตัวลงนอน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์อ่านข้อความของมินตราอีกครั้ง ก่อนจะพิมพ์กลับไปว่าเธอได้งานในตำแหน่งเลขาของนิรันดร์เรียบร้อยแล้ว
มินตราตอบกลับมาว่าดีใจมาก แถมยังยุให้เธอจีบเจ้านายของตัวเองอีก
-เจ้านายของฉันโสด แกก็จีบเขาเลย-
-ฉันไม่จีบเจ้านายขี้เก๊กอย่างเขาหรอก-
-จีบใคร- ข้อความที่เด้งขึ้นมาทำให้เพลินตากะพริบตาปริบๆ มินตรายุให้เธอจีบ พอเธอบอกว่าไม่จีบเจ้านายของตัวเอง กลับมาถามเธอว่าจีบใครอีกแน่ะ เพื่อนของเธอนี่ยังไงกัน
เพลินตาค้อนเพื่อนผ่านโทรศัพท์ ก่อนจะมองคนส่งไลน์ที่ถามกลับมาใหม่ให้ชัดๆ เธอช็อกไปหลายวินาทีที่ตัวเองพิมพ์ข้อความกลับไปแต่ดันส่งผิดคน เพราะเหตุที่ข้อความเด้งขึ้นมาถามว่านอนหรือยังนั้น ไม่ใช่ของมินตราแต่เป็นของนิรันดร์ แต่เธอกำลังพิมพ์ตอบโต้กับเพื่อนรัก เลยพิมพ์รัวๆ แล้วกดส่งโดยไม่ทันได้ดูให้ดี
หญิงสาวกลอกตาไปมา นึกคำพูดที่จะตอบกลับไป เอาแล้วไง พิมพ์รัวไม่ดูว่าไลน์ใครเด้งขึ้นมา ซวยไหมล่ะ!
-ฉันหมายถึงเจ้านายเก่าน่ะค่ะ เขาขี้เก๊กมากเลยนะคะ พอดีฉันคุยพิมพ์โต้ตอบกับเพื่อนอยู่น่ะค่ะ- เธอพิมพ์ตอบกลับไป ฉีกยิ้มให้กับโทรศัพท์ คิดว่าเขาคงเชื่อเธอ
-นึกว่าผม- ประโยคของเขาทำให้เธอต้องทิ้งศีรษะลงบนหมอน เอาหมอนมาหนีบหัวเอาไว้แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างอับอายสุดๆ
อีตาท่านประธานของเธอยังมารู้ทันอีกแน่ะ!
นกรู้เชียวนะ!
-ไม่หรอกค่ะ ท่านประธานออกจะใจดีไม่เห็นขี้เก๊กเลย- เธอพิมพ์ตอบกลับไป
-ผมใจดียังไง-
-ใจดีให้งานเพลินทำยังไงล่ะคะ แถมยังพาไปเลี้ยงข้าวอีก-
-พรุ่งนี้เจอกัน-
-ค่ะ- จู่ๆ เขาก็ตัดบทไปเสียง่ายๆ อย่างนั้น เธอก็รีบตอบกลับไปแบบงงๆ
เสียงนาฬิกาปลุก ทำให้เพลินตารีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว แม้จะยังเช้าอยู่มาก แต่เธอก็ต้องขยันขันแข็งตื่นมาทำงาน จะไปทำงานสายไม่ได้ หน้าที่สำคัญ และงานที่ต้องกอดเอาไว้อย่างเหนียวแน่นก็สำคัญด้วย
เธอลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายที่ระเบียงห้องพัก แล้วจึงเห็นว่าตรงระเบียงห้องข้างๆ เจ้านายของเธอกำลังยืดเส้นยืดสายอยู่เหมือนกัน
จากที่เธอเคยหมั่นไส้เขา แต่ในเวลานี้เธอต้องพยายามญาติดีกับเขาเข้าไว้ หญิงสาวฉีกยิ้มให้เขาเมื่อเห็นว่าเขาเดินออกมายืดเส้นยืดสายที่ระเบียงเหมือนๆ กันกับเธอ
“ท่านประธานมาออกกำลังกายด้วยเหรอคะ” เธอโบกไม้โบกมือให้เขา พลางตะโกนถามอย่างน่ารัก
“ใช่” เขาตอบสั้นๆ มองใบหน้ายิ้มแย้มของเธอด้วยหัวใจหวั่นไหว
“ท่านประธานมีอะไรกินหรือยังคะ” คนเอ่ยถามยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
แผนสูงนักนะยายเพลิน!!!
เธอต่อว่าตัวเองในใจ ในห้องของเธอไม่มีของกินอะไรเลย นอกจากมาม่า ไข่และปลากระป๋อง มันอาจจะเป็นอาหารสิ้นคิดสำหรับใครหลายคน แต่เธอก็ต้องทนกินมันอีกเดือน สิ้นเดือนนี้เธอจะจัดอาหารชุดใหญ่ที่อยากกินเลยคอยดู
เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนรักและแฟนหนุ่มตาน้ำข้าวผู้แสนใจดีของมินตราไปมากกว่านี้ เท่าที่มินตราช่วยจัดหาที่อยู่และเดวิสยกห้องที่จ่ายเงินค่าที่พักล่วงหน้าให้เธอเป็นเดือนๆ ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ทำไม คุณจะมาทำอาหารให้ผมกินหรือไง” เขาเอ่ยถามเธอ หญิงสาวรีบพยักหน้ายิ้มแป้นให้เขาในทันที
“คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“ก็พอได้นะคะ เพลินรู้ดีว่าผู้ชายไม่ค่อยชอบทำอาหารกินเองหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะซื้อกินเสียมากกว่า เพลินเป็นเพื่อนบ้านของท่านประธาน จึงอยากอาสาแสดงฝีมือทำอาหารให้ท่านประธานกินน่ะค่ะ” เธอฉีกยิ้มกว้าง อาสาอย่างแข็งแรง เขาก็พยักหน้าให้ บุ้ยใบ้ให้มาที่ห้องสิ
เธอรีบวิ่งจู๊ดไปที่ห้องของเขาโดยเร็ว พอนิรันดร์เปิดประตูออกมาก็เจอเข้ากับเลขาคนสวยที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตูห้องของเขาแล้ว เขาก็บุ้ยใบ้ให้เธอเข้ามาในห้อง
“ว้าว! ในตู้เย็นของท่านประธานมีของสดเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ เพลินอยากกินข้าวต้มกุ้ง เอ๊ย! ไม่ใช่ หมายถึงท่านประธานอยากกินข้าวต้มกุ้งไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนประโยคให้มันดูดีกว่าเดิม จะให้เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยากกินกุ้งตัวใหญ่ๆ ในตู้เย็นของเขา
“ก็ดีนะ” เขาตอบรับ พิงสะโพกไปกับประตูห้องครัว มองเธอกำลังกุลีกุจอหยิบอุปกรณ์และนำของสดออกมาจากตู้เย็นอย่างแข็งขัน
“งั้นทำข้าวต้มกุ้งกินกันนะคะ กุ้งตัวใหญ่มาก สดด้วย ยังกับเพิ่งสั่งมาเมื่อกี้เลย”
“เพิ่งมาส่งจริงๆ นั่นแหละ”
“ท่านประธานทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ” เธอชะงักมือเพราะสังเกตว่าในห้องครัวของเขามีวัตถุดิบและเครื่องปรุงครบครัน ที่สำคัญคือมีของสดและผักแช่อยู่เป็นจำนวนมาก