ฤทธิ์เดินดูรอบๆ ห้องเมื่อตอนนี้เจ้าของห้องได้หายเข้าไปในส่วนของห้องนอนแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว เขาเหนื่อย เขาเพลีย เขาง่วงมาก เพราะวันนี้บรรยากาศในห้องผ่าตัดเครียดมาก เมื่อสำรวจห้องพักด้านนอกแล้วก็เดินเข้าไปในส่วนของห้องนอนก็เห็นว่าตอนนี้เจ้าของห้องไม่อยู่ในห้อง แต่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำไหล เธอคงอาบน้ำ
“เหนื่อย” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนนุ่ม
“ขอหลับก่อนนะ วันนี้ไม่ไหวจริงๆ” เขาพึมพำเหมือนจะบอกเจ้าของห้อง แต่ก็ไม่ได้ยินอีกนั่นแหละ เพราะเธออาบน้ำอยู่
อือ
เพียงเวลาไม่ถึงห้านาที หมอหนุ่มก็หลับสนิท พร้อมกับเจ้าของห้องเปิดประตูห้องน้ำออกมาจากห้องน้ำเมื่ออาบน้ำเสร็จ ชนัญกันย์มองไปยังร่างใหญ่ที่นอนบนเตียงตัวเอง เธอที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบอกเพียงผืนเดียวรีบเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อหาเสื้อผ้ามาใส่ทันที เมื่อแต่งตัวเสร็จจึงเดินไปหมายจะปลุกคนที่นอนบนเตียงตัวเองให้ตื่น แต่พอเห็นเขาหลับสนิทก็อดสงสารไม่ได้ ด้วยรู้ว่าเขาเหนื่อยจากการผ่าตัดหลายชั่วโมง
“คนบ้า!”
เธอว่าให้คนที่หลับบนเตียงตัวเอง ก่อนจะเดินกลับไปยังกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่เก็บครีมบำรุงผิวตัวเองแล้วเปิดกระเป๋านำครีมบำรุงผิวหน้าออกมาทา ก่อนจะเดินกลับไปยังเตียงเพื่อนอนหลับพักผ่อนเหมือนกัน ในเมื่อเขานอนฝั่งนี้ เธอจะนอนอีกฝั่ง จึงจัดการนำหมอนมาวางคั่นกลางระหว่างตัวเองกับชายหนุ่มไว้แล้วล้มตัวลงนอน
“ถ้าข้ามฝั่งมาโดนถีบตกเตียงแน่” เธอบอกคนที่หลับสนิทข้างๆ ตัวเอง และก็มีเสียงกรนดังออกมาให้ได้ยินยามเขาหายใจเข้าออก
ฟูว์! คร่อก!
“ฉันจะหลับได้ยังไงเนี่ย นอนกรนดังขนาดนี้” ชนัญกันย์ขยับพลิกตัวดิ้นไปมาเมื่อเสียงกรนของคนข้างๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
“จะบ้าตาย ฉันนอนไม่หลับ คนบ้าอะไรเนี่ย” สุดท้ายแล้วเธอก็ทนเสียงกรนของชายหนุ่มไม่ไหวลุกขึ้นแล้วเขย่าหัวไหล่เขาแรงๆ เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น
“ตื่นพี่หมอฤทธิ์ ตื่นๆๆๆ”
ฟูว์! คร่อก!
เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม และเสียงกรนยังคงดังต่อเนื่อง
“นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่เนี่ย” เธอว่าคนตัวโตที่ไม่ยอมตื่นทั้งๆ ที่เขย่าปลุกก็แล้ว
ฟูว์! คร่อก!
“คนอะไรหลับเหมือนไม่เคยหลับ พอหลับก็เหมือนตาย” เธอพึมพำว่าให้คนยึดเตียงนอนตัวเองแล้วตัวเธอก็ลุกลงจากเตียงหอบผ้าห่มหมอนหนึ่งใบออกจากห้องนอนไปยังโซฟาในห้องรับรองแขกด้านนอกทันที
“สุดท้ายฉันต้องมานอนบนโซฟาเอง เฮ้อ!” เธอถอนหายใจโยนหมอนไปยังโซฟาแล้วตัวเองก็ล้มตัวนอนแล้วนำผ้าห่มมาห่มคลุมถึงคอแล้วหลับ เพราะตอนนี้ไม่มีเสียงกรนแล้ว เพียงเวลาไม่นานลมหายใจของเธอก็ดังสม่ำเสมอเมื่อความอ่อนเพลียเล่นงาน
อือ
ต่างคนต่างเหนื่อย ช่วงสายเป็นฤทธิ์ที่ตื่นก่อนเจ้าของห้อง พอขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยตื่นเต็มตาก็มองไปยังที่ว่างข้างๆ ตัวเอง ไม่มีร่องรอยของการนอน พื้นเย็นแสดงว่าเมื่อคืนเขานอนบนเตียงคนเดียว แล้วชนัญกันย์ไปไหน ด้วยกลัวว่าน้องน้อยจะหนีจึงรีบลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไปดูนอกห้องทันที พอออกมาก็เห็นคนตัวเล็กนอนขดตัวห่มผ้าบนโซฟา
เฮ้อ!
“แล้วมานอนบนโซฟาทำไม เตียงมีทำไมไม่นอนเนี่ย” เขาเดินไปหาคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนโซฟาพร้อมเขย่าไหล่เล็กปลุกให้ตื่นนอน
อือ
สาวเจ้าครางพึมพำเมื่อถูกรบกวนพร้อมขยับพลิกตัวไปมาบนโซฟาแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว
“น้องช่อตื่นได้แล้ว สายแล้วนะครับ” เขาดึงผ้าห่มที่คลุมหัวเธอออกแล้วเขย่าปลุกอีกครั้ง
“อือ...ขอนอนต่ออีกนะ เพลียมากเลย” เธอพึมพำตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ และเธอคงลืมไปแล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่กับใคร
“ถ้ายังขี้เซาแบบนี้ พี่จูบนะ” ไม่ใช่แค่พูดแกล้ง แต่หมอหนุ่มจะจูบจริงๆ ถ้าเธอยังหลับอยู่ และมันก็ได้ผลเมื่อเธอตะโกนตอบกลับเสียงดัง
“ตื่นแล้วค่า!” พร้อมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันที และความงัวเงียก่อนหน้านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว
“ทำไมไม่นอนต่อ พี่จะได้จูบปลุก แล้วทำไมมานอนที่โซฟาฮึ” เขาถามอย่างสงสัย
“คงนอนได้หรอกค่ะ กรนดังขนาดนั้น” เธอตอบกลับยกมือเช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากตัวเองทันที
หึหึ
ฤทธิ์ยกยิ้มมุมปากและขำท่าทางภรรยาตัวน้อยตัวเองในตอนนี้ เขาเพิ่งเห็นว่าเธอนอนน้ำลายไหล ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“แล้วทำไมไม่ปลุกพี่”
“ช่อปลุกพี่หมอฤทธิ์ค่ะ แต่พี่ก็นอนเหมือนซ้อมตาย ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
“ปกติพี่ตื่นไวนะ สงสัยเมื่อวานพี่เพลียจากการผ่าตัดเลยหลับลึก ส่วนกรนก็เหมือนกัน ปกติพี่ไม่นอนกรนนะ แต่จะกรนเฉพาะเวลาที่เหนื่อยมากๆ และเมื่อวานพี่ก็เหนื่อยมาก เหนื่อยจนจะน็อกกลางอากาศได้เลยแหละ” เขาบอกเธอแล้วขยับตัวที่ยืนข้างโซฟาอยู่ไปนั่งเบียดภรรยาแต่งตัวเองบนโซฟา และเธอก็ขยับตัวถอยห่างทันทีที่ตัวเขาเสียดสีเธอ
“อือ...จะมานั่งเบียดทำไม” เธอกอดผ้าห่มแน่นพร้อมตวัดสายตาปรามอีกฝ่ายไม่ให้ขยับตามตัวเอง
“ก็อยากเบียดสีนี่”
“ไม่อยากใกล้ค่ะ อีกอย่างจะไปหย่ากันได้รึยังคะวันนี้”
สีหน้าของฤทธิ์จากที่ยิ้มกริ่มเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันทีเมื่อเจอประโยคคำถามนี้ของชนัญกันย์
“ว่ายังไงคะ พี่หมอฤทธิ์พร้อมไปหย่ารึยังคะวันนี้” เธอถามย้ำสามีแต่งอีกครั้ง
“หอก็ยังไม่ได้เข้า แล้วจะหย่าเนี่ยนะ ฝันไปเถอะน้องช่อ พี่บอกแล้วไงว่าแต่งกับพี่ห้ามหย่า” น้ำเสียงที่อ่อนโยนนุ่มละมุนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
“ทำไมไม่หย่าให้ช่อคะ พี่หมอฤทธิ์”
“เพราะพี่ไม่อยากหย่า”
“แล้วทำยังไงถึงจะหย่าให้ช่อ” เธอยังคงดื้อดึงถามเหมือนเดิม และคำถามของชนัญกันย์ก็ทำให้เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากขึ้นอย่างมีแผนการขึ้นมาทันที
“อยากรู้ใช่ไหม?” เขาถามเสียงขรึม
“ค่ะ อยากรู้”
“แน่ใจว่าจะทำตามที่พี่ต้องการได้”
“ถ้าช่อทำได้ ช่อก็ยอมค่ะ ขอแค่ได้ใบหย่า”
หึหึ
‘ฝันไปเถอะ ชีวิตนี้ของน้องช่อมีพี่เป็นผัวได้คนเดียวเท่านั้นแหละทูนหัว’ เขาตอบเธอในใจ ก่อนจะบอกถึงความต้องการของตัวเอง
“เข้าหอกับพี่”
“เข้าหอ?” เธอถามกลับเสียงดังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องหย่า อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้ภรรยาสาวคนงามของตัวเองนั่งหน้ายุ่งอยู่บนโซฟา
“เข้าหอ? นี่เราต้องนอนกับพี่หมอฤทธิ์เพื่อแลกใบหย่างั้นเหรอ?” เธอพึมพำถามตัวเองแล้วมองไปยังห้องนอนที่ตอนนี้เขาหายเข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางเสียตัวให้ชายตาตี๋คนนั้นแน่นอน แต่ถ้าไม่นอนกับเขาก็ไม่ได้ใบหย่านะยัยช่อ” คิดแล้วก็กลุ้มใจปวดหัวขึ้นมาทันที เมื่อตอนนี้ใบหย่าที่เหมือนจะได้มาง่ายๆ กลับไม่ง่ายเสียแล้ว
“ถ้านอนกับเขาแล้วเขาไม่หย่าให้ล่ะยัยช่อ” เพราะมันเป็นเพียงคำพูด เชื่อได้ที่ไหนกัน คนเจ้าเล่ห์แบบนั้นจะยอมหย่าให้จริงอย่างที่พูดเหรอถ้ายอมนอนด้วยแล้ว