"ก็ได้! พี่ยอมรับก็ได้ว่าเอาเงินแกไปซื้อ แต่ผักกาด.." นุดีจับแขนมัทนาแล้วเขย่าเบาๆ พร้อมทั้งส่งสายตาอ้อนวอน "เหลือกระเป๋าให้พี่ใช้สักใบได้ไหม ถ้าพี่ต้องใช้กระเป๋าผ้าไปมหา' ลัย เพื่อนพี่ต้องถามแน่เลยว่าทำไม"
"พี่นุดีก็ตอบเขาไปสิคะว่าขายกระเป๋าแบรนด์เนมไปหมดแล้ว" ไม่เห็นจะยากตรงไหน
"ไม่ได้หรอก พี่เป็นดาวคณะนะผักกาด พี่ต้องคีพลุค" เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะ ถึงไม่แบรนด์เนมทั้งตัวเหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยกระเป๋าต้องไม่ใช่กระเป๋าผ้าโนเนม เธอเป็นถึงดาวคณะ อีกทั้งใครๆ ต่างก็เข้าใจไปแล้วว่าเธอเป็นลูกคุณหนู จะให้ไปใช้ชีวิตแบบกระเป๋าใบละหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้า รองเท้าคู่ละไม่กี่บาท เธอทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้! "นะผักกาด น้า~ พลีส.. เหลือกระเป๋าไว้ให้พี่ใช้สักใบ แกจะให้พี่ทำอะไร พี่ยอมทุกอย่าง"
"แน่ใจนะว่าทุกอย่าง" มัทนาหรี่ตามองลูกพี่ลูกน้องคนสวยของตน อันที่จริงเธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไร ออกจะใจดีเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อนุดีลงทุนอ้อนวอนกัน แล้วทำไมเธอจะให้ไม่ได้ล่ะ แต่ราคากระเป๋าใบละไม่ใช่บาทสองบาท ให้ฟรีคงไม่ได้ ต้องใช้แรงงานมาแลกสักนิดสักหน่อย "งั้นพี่นุดีต้องช่วยหนูทำงาน แพ็กของส่งลูกค้าจนกว่าจะส่งหมดทุกชิ้น และต้องแบกไปส่งให้ด้วย ตกลงไหมคะ"
นาทีนี้มัทนาให้ทำอะไรก็คงต้องยอมแล้วแหละ ระหว่างเสียเหงื่อกับเสียหน้า แน่นอนว่านุดีเลือกอย่างแรก
"แต่พี่ไม่ออกกล้องตอนแกไลฟ์ขายของนะ เดี๋ยวคนที่มหา' ลัยมาเห็นเข้า"
"ทีอย่างนี้ทำมาเป็นกลัว ตอนรวมหัวกับแม่ทำชั่วกลับไม่ละอาย" มัทนาด่าญาติผู้พี่โดยไม่ได้สนใจว่านุดีจะโกรธตนแค่ไหน
"ผักกาด!" ชาไปทั้งหน้า อยากหยุมหัวนังเด็กปากดี ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้ ตบไม่ได้ ด่าไม่ได้ ด้วยกลัวว่ามัทนาจะไม่ให้กระเป๋าแบรนด์เนมกับตนไว้ใช้ ได้แต่เต้นเร่าๆ ซอยเท้าถี่รัวเหมือนวัวกระทิงตอนคลั่ง
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงกระดิ่งจากแอปพลิเคชันถูกเปิดเมื่อมัทนาจะปล่อยสินค้าชิ้นต่อไปหลังจบการขายกระเป๋าใบสุดท้ายของนุดีเรียบร้อย
"ไปต่อที่รองเท้ากันเลยนะคะคุณลูกค้า มาค่ะ คู่นี้เอาไปขาดทุน ราคาชอปสองหมื่นสาม แม่ค้าขอปล่อยที่หนึ่งหมื่นถ้วนพอค่ะ ยังใหม่ๆ อยู่เลยนะคะ ท่านใดรับพิมพ์เจเคแล้วตามด้วยเก้าเก้าได้เลยค่า"
รองเท้าราคาหลักหมื่นถูกซีเอฟไปอย่างไว ไม่อยากเชื่อเลยว่าของราคานี้จะปล่อยออกได้ง่ายเหมือนแจกฟรี มัทนายิ้มหน้าบานเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นเงินไหลเข้าบัญชีรัวๆ
ทำเอาคนที่กำลังดูแม่ค้าหน้าตาจิ้มลิ้มไลฟ์สดขายของเผลอยิ้มตาม "ใครอยากได้อะไรซื้อให้หมดเลยนะ ถือว่าเป็นโบนัสพิเศษจากผม ข้อแม้เดียวคือต้องรีบเอฟ เอฟให้หมดไวๆ อ้อ! ฝากโอนเงินเกินยอดไปด้วยนะ บอกแม่ค้าว่าทิป"
"ป๋าจังเลยค่ะคุณทนาย สงสัยนังหนูนี่คงเป็นคนพิเศษแน่เลย อย่างนี้ลูกสาวป้าก็กินแห้วแล้วสิคะ" ป้าแม่บ้านประจำสำนักงานทนายความแซวจิรัสย์ หลายครั้งที่นางเห็นผู้หญิงแวะเวียนมาหาชายหนุ่ม ทว่าไม่เคยซ้ำหน้าแม้สักราย ไม่รู้ว่าเด็กสาวที่คุณทนายบอกให้นางและพนักงานคนอื่นดูไลฟ์แล้วซื้อของจะเป็นตัวจริงหรือแค่ของเล่นชั่วคราวของไฮโซเพลย์บอยกันแน่
"แน่ะ! มีหลอกถาม" รู้หรอกว่าป้าสมพรกำลังคิดอะไร และอยากรู้อะไร "เด็กนี่ไม่ใช่ผู้หญิงของผมหรอกครับป้า เธอแค่น่าสงสาร ผมช่วยได้ก็แค่อยากช่วยเท่านั้นเอง"
แววตายามจิรัสย์ทอดมองแม่ค้ามัทนาทั้งอบอุ่นและอ่อนเชื่อม แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่าแค่สงสารเลยช่วยเหลือ นางน่ะผ่านโลกมาไม่ใช่น้อยแล้วนะ ไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสา ถึงได้ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร "จริงเหรอคะคุณทนาย แหม.. อย่างนี้ลูกสาวป้าก็ไม่ต้องปลูกแห้วแล้วสินะ ดีใจจัง"
ทว่าเพียงสิ้นคำที่ออกจากปากสมพร ประตูสำนักงานทนายความจิรัสย์ก็ถูกผลักจากด้านนอกก่อนที่ผู้มาเยือนทั้งสองจะปรากฏตัวขึ้น หนึ่งในสองของผู้หญิงหน้าตาสวยหมดจดคือคนที่ใครต่างก็เข้าใจว่านี่แหละตัวจริงของทายาทนักธุรกิจหมื่นล้าน
"ชุณคะ ดูสิคะว่าใครมา" พัชรีมองน้องสาวแล้วยิ้มกว้าง กว่าสามปีที่พรพรรณไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ หลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น เป็นสามปีที่พรพรรณไม่กลับมาเมืองไทยเลย
ชะงักไปเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่นึกเลยว่าจะเป็นพรพรรณ สามปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้พบหน้าหญิงสาว "หมวย.. กลับมาเมื่อไหร่"