ทุกความเห็นที่ชาวบ้านพูดออกมา ล้วนแล้วแต่ไปในทิศทางเดียวกัน อรทัยทนฟังไม่ไหวจึงใช้วิธีการลากแขนมัทนาเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูใส่หน้าเพื่อนบ้านที่มามุงดูน้าหลานทะเลาะกัน กระนั้นก็ยังไม่วายมีคนตะโกนตามหลัง
"แค่เด็กมันกำพร้าพ่อแม่ก็น่าสงสารมากพอแล้ว อย่าทำร้ายยายหนูผักกาดไปมากกว่าที่ทำเลยนะน้ำ"
"นั่นสิ ถ้าแกทำอะไรผักกาด พวกฉันแจ้งความจริงๆ ด้วย" ที่ผ่านมาอรทัยไม่เคยตบตีหลานสาว แต่อนาคตแน่นอนที่ไหนกัน ชาวบ้านที่เห็นมัทนามาตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นทารกอดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งนึกถึงความดีที่พ่อแม่มัทนามี หลายคนยิ่งเป็นห่วงลูกสาวของผู้ลาลับ
โดยไม่มีใครรู้เลยว่าความเป็นห่วง ความเมตตา ที่ทุกคนมีต่อมัทนา เป็นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟในอกอรทัย นางบีบต้นแขนเรียวเสลาของหลานสาวเต็มแรง ใจจริงอยากตบสั่งสอนเด็กนี่สักฉาด แต่กลัวว่าชาวบ้านจะยิ่งรุมประณามตน จึงจำต้องยั้งมือไว้ "แกเห็นไหมว่าทำอะไรลงไป!"
"เห็นค่ะ แต่หนูคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด หนูแค่พูดตามความจริง หรือน้าจะปฏิเสธว่าที่หนูพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง"
"แก!" ฝ่ามืออวบตบใบหน้ามัทนาเต็มแรง อรทัยไม่สนแล้วว่าใครจะคิดยังไง ตอนนี้ วินาทีนี้ นางต้องสั่งสอนให้อีเด็กปากดีนี่ได้รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ "ถ้าแกยังกล้าปากดีใส่ฉันอีก อย่าว่าแต่ตบ บ้านฉัน ฉันก็จะไม่ให้แกซุกหัวนอน แล้วมาดูกันว่าน้ำหน้าอย่างแกจะเอาตัวรอดได้ไหม"
นิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากตน ตั้งแต่จำความได้ แม้สักครั้งพ่อแม่ยังไม่เคยตี เวลาเธอดื้อเมยวดีทำมากที่สุดก็แค่สั่งสอนด้วยวาจา ไม่ได้ลงไม้ลงมืออย่างที่อรทัยทำ ที่สำคัญน้ามีสิทธิ์อะไรมาทำกับเธออย่างนี้ "อย่างกับว่าหนูอยากอยู่กับน้างั้นแหละ ขนาดหน้าน้าหนูยังไม่อยากมอง นับประสาอะไรกับอยู่บ้านหลังเดียวกัน"
"ถ้าอย่างนั้นแกก็ไสหัวออกจากบ้านฉันไป กลับบ้านแกไป บ้านพ่อบ้านแม่แกที่อีกไม่นานเจ้าของคนใหม่เขาจะมาไล่ที่แก ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะไปซุกหัวนอนที่ไหน"
"หนูไปแน่ แต่หนูต้องได้ของของหนูคืนก่อน"
"ของของแก? แกหมายถึงอะไรนังผักกาด"
"ทุกอย่างที่น้ากับลูกสาวน้าขโมยไปจากหนู" ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้มาเพราะเงินที่อรทัยบอกว่าจะเก็บรักษาไว้ให้เธอ แต่กลับนำไปจับจ่ายสุรุ่ยสุร่ายหาความสุขใส่ตัวเองกับลูกสาว ถึงเวลาแล้วที่อรทัยต้องคืนให้เธอ "เอาเงินหนูคืนมา ทั้งเงินที่น้าเอาบ้านไปจำนอง แล้วก็เงินที่คู่กรณีให้เป็นค่าเยียวยา"
เงินจากการเสียชีวิตบุพการีใครกันจะไปอยากได้ แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นไป พ่อแม่จากเธอไปไกลแสนไกลอย่างไม่มีวันหวนกลับ เธอก็ต้องรักษาทุกอย่างที่ควรรักษาไว้ ดีกว่าปล่อยให้คนเลวอย่างน้าสาวเสวยสุขบนความทุกข์ของเธอ ฟุ้งเฟ้อจากเงินจากการตายของพี่สาวตัวเอง
จะให้เอาเงินจากไหนไปคืนมัทนา ลำพังที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ยังต้องนำของที่ซื้อมาไปจำนำ "ฉันไม่มีให้แกหรอกนะ ต่อให้แกฆ่าฉันให้ฉัน ฉันก็ไม่มีเงินมาคืนให้แก"
"น้าหมายความว่ายังไง" เงินมากมายอรทัยใช้หมดภายในเวลาไม่กี่ปีเลยหรือ
"ก็บอกไปแล้วว่าฉันเอาเงินมาเลี้ยงดูแก จะให้เหลือได้ยังไงกัน"
มัทนาหัวเราะสุดเสียง เธอเวทนาชะตากรรมตัวเองจนพูดอะไรไม่ออก แม้แต่ร้องไห้ยังไม่อาจร้องออกมา น้ำตาที่ไหลรินในคราแรกเหือดแห้งไป ความรู้สึกที่กำลังรู้สึกมันไปไกลกว่าแค่การหลั่งน้ำตามาก อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นเช่นไร รู้แค่ว่าเธออยากตะโกนใส่หน้าอรทัยว่านังคนเฮงซวย!
"เลี้ยงหนูแค่วันละร้อยกับค่ากับข้าวอีกไม่กี่บาท คงไม่ทำให้เงินตั้งเยอะตั้งแยะหมดหรอกมั้ง แต่ที่น้าไม่เหลือเงินมาคืนหนูก็เพราะเอาไปซื้อของพวกนั้นมากกว่า" ดวงตากลมโตฉาบฉายไว้ด้วยความโกรธระคนเคืองแค้น "ในเมื่อไม่ได้เงิน งั้นหนูคงต้องเอาของไป"
"นี่แกจะทำอะไรนังผักกาด แกจะบ้าเหรอ!" อรทัยกางแขนขวางหลานสาวไว้ นางไม่ยอมให้มัทนาเอาของในบ้านไปแน่ "ถ้าแกหยิบอะไรไปแม้แต่ชิ้นเดียว ฉันจะแจ้งตำรวจว่าแกขโมยของของฉัน"
เรียวปากอิ่มยิ้มเย็นเยือก เด็กสาววัยสิบแปดมองจ้องหน้าน้าของตนแล้วหัวเราะราวกับฟังเรื่องตลกขบขัน "แจ้งตำรวจงั้นเหรอคะ เอาสิคะ แจ้งเลย หนูจะได้แจ้งความกลับว่าผู้แทนโดยชอบธรรมอย่างน้าแอบเอาเงินหนูไปใช้จนหมด แถมยังเอาบ้านหนูไปจำนอง เรามาลองดูกันดีไหมคะว่าระหว่างหนูกับน้า ใครกันจะได้รับโทษหนักกว่ากัน ไม่สิ! ของพวกนี้เป็นของของหนูที่น้ายักยอกเอาเงินหนูไปซื้อมา งั้นก็แสดงว่าหนูไม่ผิด เหลือแค่น้าแล้วแหละค่ะที่ต้องรับโทษในสิ่งที่ตัวเองก่อไว้"
"แก! นังเด็กอกตัญญู" อรทัยง้างมือจะตบหน้าหลานอีกรอบให้สมกับความอกตัญญูของมัน ทว่าครั้งนี้มัทนาไม่ยอมเป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียว