“พยัคฆ์ !” นาวินเรียกเสียงเบา
“เอาเลย หัวเราะเยาะฉันให้พอเลยนาวิน ฉันไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ” พยัคฆ์ท้าทาย นาวินส่ายหัว
“ไม่มีใครหัวเราะเยาะนายหรอกปืน ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่เพื่อนสนิทเธอ เหมือนกับผู้หญิงอีกคนนั่นแหละ”
“อะไรนะ !?”
“พวกเขาเป็นแค่เพื่อนสนิทกัน” นาวินยืนกราน ทว่าพยัคฆ์ไม่เชื่อ
“กระซิบข้างหูกันทุกครั้ง แนบเนื้อกัน กอดแขนกัน แถมยังจับมือกันตลอดเวลาอีก แบบนั้นน่ะเหรอแค่เพื่อน” นาวินอึ้ง ตอนนี้พยัคฆ์ตามืดบอดเพราะความหึงหวงไปแล้วจริง ๆ
“แต่นั่นมันก็ยังไม่สมเหตุสมผลพอที่นายจะทำลายเธอนะ นายจะยิ่งทำให้เธอห่างออกไปอีก”
“ถ้านี่เป็นวิธีเดียวที่เธอจะหันมามองฉัน ฉันก็จะทำ ฉันแค่ต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าฉันเป็นใคร แล้วอย่ามาทำกิริยาแบบนั้นใส่ฉันอีก เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้ว ฉันจะบดขยี้เธอเหมือนมดปลวก หากไม่มีเงินของคนที่ดูแลเธอ เธอจะต้องคลานมาหาฉันแน่ ฉันอาจจะบ้าไปแล้ว แต่ฉันต้องการเธอจริง ๆ เธอทำให้ฉันนึกถึงใครบางคนที่ฉันจำไม่ได้ ฉันแค่รู้สึกว่าฉันต้องมีเธอ“ ชายหนุ่มยังคงมุ่งมั่นที่จะทำลายเกวลินต่อไป
“เธอไม่ใช่สิ่งของที่จะถูกครอบครองแบบนั้นปืน ให้ตายสิวะ ทำไมนายถึงเข้าใจอะไรยากแบบนี้ เธอเป็นมนุษย์และมีความรู้สึก อย่าเล่นกับเธอแบบนั้น เธอยังเด็กอยู่เลย” นาวินรู้ว่าพยัคฆ์เป็นผู้ชายที่น่านับถือ แต่เพราะอารมณ์ของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาไม่สามารถเดาความคิดของอีกฝ่ายที่มีต่อหญิงสาวได้เลย
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเล่นกับเธอ... แต่ฉันจะทำให้เธอเห็นว่าฉันเป็นผู้ชายคนเดียวที่สามารถดูแลเธอได้” พยัคฆ์กัดฟัน
“นั่นมันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลยปืน”
“นายเคยเห็นสายตาที่เธอมองฉันไหมนาวิน” พยัคฆ์พึมพำขณะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ แม้จะเห็นว่าเขาดูน่าสงสารมาก แต่นาวินก็ไม่รู้จะพูดอะไรกลับไป เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงมองเพื่อนซี้จมอยู่กับความคิดเงียบ ๆ
การโต้เถียงกันอย่างดุเดือดดูเหมือนจะจบลงแล้วหลังจากที่พยัคฆ์นั่งเงียบอยู่ที่เดิม เขาทอดมองไปยังเบื้องนอกด้วยสายตาว่างเปล่า นับเป็นครั้งแรกที่เขาดูพ่ายแพ้แบบนี้ ราวกับสูญเสียตำแหน่งประธานบริษัทที่เขาใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก
“ดวงตาของเธอดูเย็นชาและห่างเหิน เธอมองฉันเหมือนดูถูก มันทำให้ฉันสติแตกนาวิน ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรังเกียจฉันมากขนาดนี้” นิ้วเรียวยาวลูบผมอย่างหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบ้เพราะความโกรธ “ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับเธออย่างบอกไม่ถูก เธอทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นข้างในนี้” นิ้วชี้เรียวชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง พลางกระซิบแผ่ว “มันเป็นความอบอุ่นที่มีเพียงม้าและยายปันเท่านั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกได้ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้มันรุนแรงมากขึ้นไปอีก ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกกับเธอแบบนี้ เฮ้อ ฉันแทบจะเป็นบ้าแล้วเนี่ย ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย”
พยัคฆ์นวดหน้าอกที่ตีบตันและหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง
“บางทีเธออาจจะมีเหตุผล” นาวินพึมพำพร้อมยักไหล่
“เหตุผลอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะมาลาอยากได้ชุดโง่ ๆ นั่นน่ะ” พยัคฆ์ถามอย่างจริงจัง
“เธอชื่อจินนี่โว้ย” นาวินกลอกตาใส่เพื่อนสนิท
“ช่างเหอะ แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เธอเกลียดฉันขนาดนี้” พยัคฆ์พยายามครุ่นคิด
“บางทีนายแค่ต้องจำอะไรบางอย่างให้ได้เท่านั้นแหละปืน”
“จำอะไร” พยัคฆ์ถามด้วยความไม่พอใจ ขณะที่นาวินยักไหล่ “แกเป็นเพื่อนประสาอะไรวะ แทนที่จะช่วยเพื่อน แกอยากให้ฉันหัวระเบิดแตกตายก่อนวัยอันควรหรือไงไอ้เพื่อนเวร ฉันไม่น่ามาคบกับแกเลย แม่งช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง หรือแกอยากกินหมัดฉันก่อนถึงจะคิดออก”
“ใจเย็น ถ้าปากฉันแตกขึ้นมาฉันจะพูดไม่ได้นะ” นาวินยิ้ม
“ไอ้เวร เฮงซวย” น้ำเสียงของพยัคฆ์จริงจัง แต่นาวินกลับส่ายหัว เขารู้สึกเหมือนอยากทดสอบความอดทนของเพื่อนซี้ แต่ก็รู้ดีว่าจะไม่มีวันได้รับความสงบสุขจนกว่ามันจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
“ผู้หญิงคนนั้นมีคนปกป้องอยู่และดูจะมีอำนาจมากด้วย เลยไม่มีใครสืบประวัติเธอได้ ” นาวินเริ่มพูด ซึ่งได้รับความสนใจจากพยัคฆ์ทันที “เธอได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา คนที่ปกป้องคุ้มครองสร้างที่อยู่ให้เธอขึ้นมาโดยเฉพาะ และแค่เอ่ยชื่อเขาก็ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่านักสืบของนายจะทำอะไรได้เลย เพราะข้อมูลของเธอถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีแฮกเกอร์คนไหนเจาะเข้าไปได้”
นาวินพูดต่อขณะมองหน้าพยัคฆ์ไปด้วย เขาเห็นความไม่เชื่อ ความสับสน ความหวาดกลัว และความโกรธปะปนกันอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย
“มีคนแบบนี้ในประเทศนี้ด้วยเหรอ คนที่มีอำนาจดูแลปกป้องเธอน่ะ ทำไมฉันถึงไม่เคยเจอคนคนนั้นเลย พ่อแม่ของเธอใช่ไหม หรือคนในตระกูลเธอ หรือ... ว่าคนรัก” คำสุดท้ายของพยัคฆ์แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ด้วยความหวาดกลัวความจริงที่คิดว่าเธอมีคนรักอยู่แล้ว “ตระกูลลาเทสต้าปกครองประเทศนี้นะ ไม่มีใครมีอำนาจเท่าพวกเราแล้ว อย่ามาโกหกฉันนาวิน ถ้ามีคนที่มีอำนาจมากขนาดนั้น ก็คงจะเป็นหนึ่งในพวกลาเทสต้าของเรานั่นแหละ”
นาวินไหวไหล่อย่างไม่สนใจ
“ใครเหรอนาวิน ฉันอยากรู้ !” พยัคฆ์ขอร้อง แต่นาวินกลับนิ่งเงียบ “ใคร นาวิน ใครคือลาเทสต้าที่ปกป้องเธอ“
“นายก็รู้ว่าเขาเป็นใครปืน นายรู้ดีเชียวละ นายพูดถูก ไม่มีใครเทียบอำนาจของลาเทสต้าได้ และมีเพียงลาเทสต้าเท่านั้นที่สามารถปกป้องเธอได้ คนในตระกูลเราทั้งหมดกำลังปกป้องเธอตามคำสั่งของคนคนนั้นคนเดียว” หลังจากเงียบไปสักพัก นาวินก็เล่าอย่างใจเย็น อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น พยัคฆ์เหมือนคนหลงทางหนักกว่าเก่า เขากลัวที่จะรู้ความจริงว่าใครคือคนที่กำลังปกป้องเกวลินอยู่ การเป็นคู่แข่งกับสมาชิกในครอบครัวช่างไม่ดีเอาเสียเลย แม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกพิเศษกับเธอมากแค่ไหนก็ตาม
“ฉันรู้จักเขาจริงเหรอ” เขากระซิบอย่างสับสน ราวกับกลัวคำตอบที่จะได้รับ
“เออสิ ทุกคนรู้จักเขาดี” นาวินตอบสั้น ๆ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใคร !”
นาวินมองเห็นความกลัวปรากฏบนใบหน้าอันหล่อเหลาของพยัคฆ์อย่างชัดเจน เขาอดไม่ได้ที่จะสงสาร และในขณะเดียวกันก็รู้สึกขบขันด้วย