“เธอจะได้เห็นร่างนี้ทุกวันแน่นอน เพราะงั้นค่อย ๆ มองก็ได้” เสียงทุ้มดังขึ้นปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์ พยัคฆ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นเธอเบือนหน้าไปทางอื่น
“คุณมาทำอะไรในห้องนี้คะ”
“มานอนน่ะสิ” เขาตอบอย่างสบาย ๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอิน ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานที่ออกแบบมาสำหรับสองคน เสื้อผ้าของเกวลินอัดแน่นอยู่ในนั้น รวมทั้งกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ ทว่ากลับมีเสื้อผ้าผู้ชายหลายแบบเพิ่มเข้ามาโดยที่เธอไม่รู้ตัว หญิงสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิม นึกสงสัยว่าเขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อีก
พยัคฆ์กลับออกมาในชุดกางเกงขายาวสีดำผ้านิ่มและเสื้อยืดสีขาว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูดีมากไม่ว่าจะใส่ชุดแบบไหน ทั้งยังดูอ่อนกว่าวัยกว่าตอนที่สวมชุดสูทด้วย
“หมายความว่ายังไงคะคุณพยัคฆ์” เกวลินถามอย่างไม่พอใจ
“ก็หมายความว่าฉันกำลังจะนอนไงเกว แล้วก็เลิกเรียกฉันด้วยชื่อจริงได้แล้ว”
เกวลินตะลึงอ้าปากค้าง ขณะที่ร่างสูงนั่งบนเตียงอย่างสบายใจโดยไม่สนใจใบหน้าบึ้งตึงของเธอ ตอนนี้สมองเธอกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจะหาคำมาโต้ตอบเขา
“โอเค... ถ้าคุณอยากใช้ห้องนี้ละก็... ฉันย้ายไปอยู่ห้องอื่นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับเขา พยัคฆ์หรี่ตาลงทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอจะทำอะไร
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น” เขาพูดโดยไม่มองเธอ พลางแสดงอาการหงุดหงิดใส่
“คุณพยัคฆ์คะ ฉันชินกับการนอนคนเดียว แล้วถ้าคุณจะนอนห้องนี้ ฉันก็จะไปนอนห้องอื่น พรุ่งนี้ฉันจะให้โอเดนย้ายของของฉันออกไปให้” ร่างบางพูดขณะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างเตียง
“อย่าบังคับให้ฉันต้องลากเธอเข้านอนนะเกวลิน” ชายหนุ่มขู่ด้วยท่าทางโกรธจัด “และฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกเรียกว่าพยัคฆ์เสียที ฉันแก่กว่าเธอหลายปีเกว เรียกฉันว่าพี่ปืน หรือไม่ก็เฮียปืนซะ”
“ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณต้องการด้วย” เกวลินโต้กลับด้วยความเยือกเย็นพอ ๆ กัน “คุณยังคงเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับฉันค่ะคุณพยัคฆ์ และคนแปลกหน้าจะไม่นอนเตียงเดียวกันแน่ เพราะมันคงจะอึดอัดน่าดู”
“แต่สถานการณ์ของเรามันต่างออกไป เธอก็รู้ดีว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน” เขาพูดเตือน
“หลายปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยสนใจฉันเลยด้วยซ้ำ ถึงขนาดที่ลืมไปแล้วว่ามีฉันอยู่ แล้วทำไมตอนนี้ถึงต้องบังคับฉันด้วยคะ” เธอถาม รู้ดีว่าความอดทนของเขาเริ่มลดลงแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแขวะใส่
“ก็ในเมื่อตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะบังคับเธอ เอาละ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เธอจะมานอนดี ๆ หรือจะให้ฉันจัดการ” พยัคฆ์เบื่อที่จะทะเลาะด้วยแล้ว และคำพูดของเขาก็ทำให้เกวลินเริ่มกังวล
“ฉันไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลยใช่ไหมคะ” เธอถามโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ รู้สึกหมดแรงและอยากอยู่คนเดียวซึ่งเป็นไปไม่ได้…
“ฉันจะไม่ทำอะไรที่เธอไม่เต็มใจเกว” พยัคฆ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เขาพยายามอดทนกับเธออย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขาเหนื่อยและอยากพักผ่อนแล้ว และก็ไม่อยากบังคับเธอด้วย แต่เกวลินดื้อเกินไป เขาเลยจำเป็นต้องหยุดการสนทนานี้สักที “ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายเกว แต่ฉันกลับมาแล้ว และฉันจะอยู่กับเธอ ฉันขอโทษนะถ้าทำให้เธอรู้สึกว่าถูกละเลย แต่ฉันก็พยายามทำเต็มที่แล้วเหมือนกัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการก็ตาม”
“ฉันไม่ใช่คนชอบเรียกร้องความสนใจหรอกนะคะ แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะจำฉันได้บ้าง และฉันก็คาดหวังว่าคุณจะทำอะไรสักอย่างให้มันชัดเจนด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน” ในที่สุดเกวลินก็ตัดสินใจพูดออกไปหลังจากเลิกคิ้วสงสัยอยู่ครู่ใหญ่
“ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันผิด เรามาเริ่มกันใหม่ได้ไหม”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวมาหลายปี แต่จู่ ๆ ก็จะมาสั่งฉันให้ทำอะไรตามใจคุณเนี่ยนะ” หญิงสาวถอนหายใจ
“ฉันจะไม่สั่งให้เธอทำอะไรที่ไม่อยากทำทั้งนั้นแหละ ฉันขอโทษถ้าเผลอบังคับเธอ แต่ฉันแค่อยากให้เราคุ้นเคยกันมากขึ้นก็เท่านั้นเองเกว” น้ำเสียงของพยัคฆ์อ่อนลง พลางจ้องใบหน้าเรียบสงบของเธอ “ฉันจะไม่บังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ชอบแน่นอน เรามาพยายามเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันนะ”
“ฉันจะลองในแบบของฉันค่ะ” เกวลินสูดหายใจลึก
“ตามสบาย เอาตามที่เธอพอใจเลย” ชายหนุ่มตอบขณะที่รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า
ความเงียบครอบงำไปทั่วทั้งห้องนอนขณะที่พวกเขาสบตากันอยู่อย่างนั้นโดยไร้ซึ่งบทสนาทนาใด ๆ ก่อนจะเป็นพยัคฆ์ที่ทำลายความเงียบนั้นลง
“มานอนเถอะ ดึกแล้วนะ” เขาโบกมือ “ไม่ต้องห่วง เตียงมันใหญ่พอสำหรับเราสองคน ฉันไม่เบียดเธอหรอก”
และแม้จะไม่พอใจ แต่เกวลินก็ยอมเดินไปข้างเตียงแล้วนั่งลง ความใกล้ชิดทำให้ได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ออกมาจากตัวเขา เธอสะบัดศีรษะไปมาเพื่อระงับความฟุ้งซ่านพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นล้มตัวลงนอนหันหลังให้เขา
“ถ้าเธอนอนริมขนาดนั้นจะตกเตียงได้นะ ขยับเข้ามาอีกก็ได้เกว” เขาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทว่าความขบขันในน้ำเสียงเขายิ่งทำให้หญิงสาวหงุดหงิด
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันชอบนอนริม” เธอตัดบท พยัคฆ์หัวเราะเบา ๆ แต่ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะทำให้เธอโกรธยิ่งกว่าเดิม
“เกว ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ ขยับมาหน่อยเถอะ นอนท่านั้นเธอจะไม่สบายเอานะ” เขาดุด้วยความเป็นห่วง ก่อนเอ่ยต่อเมื่อเห็นเธอไม่ไหวติง “ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณพยัคฆ์”
“เธอชอบชื่อฉันมากหรือไง” เขาถามพลางยิ้มออกมา “ถ้าเธอชอบก็เรียกได้ตามใจเถอะ ฉันเป็นของเธอมาหลายปีแล้ว ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เราจดทะเบียนสมรสกันมาหกปีแล้วนะ จำได้ไหม” เขายังคงพูดพล่ามต่อไปในขณะที่ก่นด่าตัวเองในใจที่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวมานาน “ฉันอาจจะจำเธอได้เร็วกว่านี้ถ้าฉันให้เธอใช้นามสกุลของฉันด้วย ให้ตายเถอะ”
พยัคฆ์ทั้งโล่งใจและหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน คำพูดของเขาทำให้เกวลินที่ฟังอยู่อยากเตะก้านคอเขาสักป้าบ ทว่าตอนนี้เธอเหนื่อยเกินกว่าจะต่อปากต่อคำด้วยแล้ว
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่ฉันแต่งงานด้วยเมื่อหกปีที่แล้ว”พยัคฆ์พึมพำก่อนจะมองหน้าเธอด้วยสายตาอ่อนลง เขาขยับไปกอดเกวลินไว้แนบอกอย่างหวงแหน ให้ตายเถอะ เขาอยากทำแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอด้วยซ้ำ… ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับซอกคอขาวพลางสูดดมกลิ่นหอมที่โหยหา ‘ภรรยาของเขา’ คำนี้เหมาะกับเธอจริง ๆ