บทที่9

1190 คำ
อุษณีย์มองหน้าลูกสาวด้วยความเจ็บปวด เธอเลี้ยงมิลานมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่ตบไม่เคยตีสักครั้ง มิลานเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่เธอเชื่อสนิทใจว่าลูกสาวที่น่ารักไม่มีทางทำร้ายใครก่อนอย่างแน่นอน "แม่จะทวงคืนความยุติธรรมให้กับหนูเองนะมิลาน"อุษณีย์คว้ามือเรียวเล็กของลูกสาวในวัยสิบแปดปีขึ้นมากุมอย่างแผ่วเบา แม้มิลานจะโตเป็นสาวสะพรั่งแต่ในสายตาของเธอลูกสาวของเธอก็ยังคงเป็นเด็กน้อย "มิลานจำได้ไหม เมื่อตอนเด็ก ๆ มิลานเคยถามหาพ่อกับแม่อยู่ตลอดเลยนะว่าพ่อเป็นใคร" "..." "รีบตื่นขึ้นมานะลูก ตอนนี้พ่อกำลังเดินทางมาหาเราสองคนแล้วนะ"คนเป็นแม่เจ็บปวดหัวใจเมื่อได้เห็นร่างกายของลูกเต็มไปด้วยบาดแผล "มีนาแกติดต่อมิลานได้ไหม"อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวงในยามค่ำคืนมีสองสาวเพื่อนสนิทกำลังต่อสายพูดคุยถึงการหายไปของเพื่อนสนิทอีกคน ทั้งสองพยายามต่อสายหามิลายแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ "ฉันโทรหามิลานเป็นสิบ ๆ สายแต่ก็ไม่ติด" "ฉันก็เหมือนกัน นี่กะว่าจะอวดชุดใส่ไปเที่ยวให้ดูซะหน่อย"ทั้งกุ๊กไก่และมีนาต่างซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปเที่ยวมาให้เพื่อนรักแต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้จนเกิดความรู้สึกกังวลภายในใจ "แกว่ามิลานจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ทำไมพวกเราถึงติดต่อไปไม่ได้" "ฉันก็ไม่รู้ ฉันชักจะเป็นห่วงมิลานเสียแล้วสิ" "กุ๊กไก่ แกมีเบอร์แม่ของมิลานไหม" "ไม่มี"กุ๊กไก่ตอบพร้อมกับส่ายหน้าไปมาทำเอามีนาถอนหายใจ "แล้วมิลานหายไปไหน" "เอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้เราไปตลาดที่แม่ของมิลานขายขนมกัน"ความหวังของทั้งคู่กลับมาอีกครั้งเพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มิลานบอกว่าแม่ของเธอจะทำขนมไปขายอยู่ตรงส่วนไหน "เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปถึงไหนแล้ว"เสียงเข้มมีอำนาจดังขึ้นภายในห้องรับประทานอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่ หัวเรือใหญ่เจ้าของบริษัทเกี่ยวกับการทำอสังหาริมทรัพย์เอ่ยถามบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านซึ่งกำลังนั่งทานอาหารเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้าของเขา "ราเชนทร์" "ก็ดีครับ ทางคณะวิศวะนัด..." เพล้ง บรรยากาศภายในห้องรับประทานอาหารอึมครึมราวกับมีหมู่เมฆสีดำลอยอยู่เหนืออากาศ หัวเรื่องใหญ่อย่างคุณ'สุชาดา'มองหน้าลูกชายคนเดียวด้วยความไม่พึงพอใจ แม้แต่ภรรยาอย่างคุณหญิงเพียงเพ็ญยังไม่กล้าจะปริปากพูดออกมา "ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าแกต้องสอบเข้าเรียนบริหาร ไม่ใช่วิศวะ" "แต่ผม" "ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ฉันต้องการให้แกทำก็คือสอบเข้าบริหารให้ได้ เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า"ราเชนทร์ก้มหน้าเขาวางช้อนลงบนจานทั้งที่พึ่งจะทานอาหารเข้าไปได้ไม่กี่คำ "ราเชนทร์" "ครับ ผมได้ยิน" "ได้ยินแล้วก็ทำให้ได้ด้วย อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกแอบหนีไปเรียนวิศวะ ถ้าแกคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งของฉันละก็รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น"เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะออกไปจากที่ตรงนี้เต็มทน "แล้วเรื่องหนูเพลง" "..." "ทางนั้นได้ฤกษ์หมั้นมาแล้วนะ"ราวกับมีฝ่ามือใหญ่ของบิดาฟาดลงบนใบหน้าแรง ๆ เมื่อท่านเอ่ยคำพูดนั้นออกมา คำพูดที่เขาไม่ต้องการได้ยินกับสถานการณ์ที่เขาต้องการหนีไปให้ไกลมากที่สุดแต่ก็ไม่สามารถทำมันได้ "ก่อนมหาลัยจะเปิด แกเตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน" "มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมครับที่พ่อต้องการพูดกับผม" "..." "ถ้าหมดธุระที่พ่อต้องการพูดกับผมแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"เด็กหนุ่มดันเก้าอี้ลุกขึ้นยืน เขายกมือไหว้ผู้ให้กำเนิดทั้งสองก่อนจะคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่แล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวกับสองเรื่องที่บิดาบอกมา บรืน รถคันหรูขับออกไปจากอาณาเขตคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความเร็วตามอารมณ์ของคนขับในตอนนี้ ราเชนทร์เขาเกิดมามีหน้าตาหล่อเหลา เกิดในตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือนั่นคือสิ่งที่เขาได้รับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ เพราะสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ แล้วก็คือ อิสระอยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากเรียนอะไรก็ได้เรียน ชีวิตของเขาถูกเข้มงวดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรบิดาจัดวางชีวิตของเขาเอาไว้หมดจนเขาไม่สามารถใช้ชีวิตตามใจตัวเองได้ เขาต้องทำตามคำสั่งของท่านตลอดมาจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ตอนที่ท่านสั่งให้เขาหมั่นกับคนที่เขาไม่ได้ชอบไม่ได้รัก คำว่าธุรกิจมันยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกของผู้เป็นลูกจึงทำให้บิดาของเขามองข้ามผ่านในเรื่องส่วนตรงนั้น เอี๊ยด เพราะสมองเอาแต่คิดถึงเรื่องบิดาความน้อยใจประดังเข้ามาราเชนทร์ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงได้ขับรถมาจอดอยู่ที่ตรงนี้ บรรยากาศโดยรอบเงียบบ้านปูนชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่มากไม่มีแม้แต่ไฟสว่างเล็ดลอดออกมา เมื่อเขาก้มมองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่มว่า "นอนแล้วเหรอ"เขาพึมพำบ่นกับตัวเอง ชายหนุ่มปรับเบาะทิ้งตัวลงนอนสายตายังคงมองไปยังบ้านปูนหลังไม่ใหญ่มากสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จนเวลาผ่านไปนานหลายนาทีหลายครั้งที่เขาเผลอขับรถมาจอดตรงจุดนี้เวลาที่เขาเมื่อเรื่องไม่สบายใจ เพราะมันคงเป็นสถานที่ที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจได้จึงทำให้เวลาที่เขาไม่สบายใจก็มักจะขับรถมาจอดอยู่ตรงนี้อยู่เสมอ "ฝันดีนะ"ม่านตาของราเชนทร์ค่อย ๆ ปิดลง ความเย็นจากเครื่องปรับอาการทำให้เขาอยากจะปิดตาแล้วนอนหลักพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาตลอดทั้งวันและไหนยังต้องมารับรู้ในสิ่งที่ไม่อยากจะรู้ ถ้าชีวิตของเขาไม่ได้เกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยเหมือนในตอนนี้ ชีวิตของเขาก็คงจะมีความสุขดีไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งของใครอยากทำอะไรก็ได้ทำตามใจตัวเองไม่ต้องคอยมาเป็นเครื่องมือสร้างความภาคภูมิใจให้พ่อแม่ เขาขอแค่นั้นจริง ๆ ถ้าเลือกเกิดได้เขาอยากเกิดมาในครอบครัวธรรมดาไม่ต้องคอยแบกอำนาจหรือความร่ำรวยเอาไว้บนบ่า มีเพียงแค่ความรักจากบิดามารดาก็พอแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม