ต้องส่งคำขอเป็นเพื่อนก่อนสินะ
ดวงตาของเขาระริกระรี้อย่างกับปลากะดี่ได้น้ำทันทีที่เจ้าของรูปหน้าหวานตอบรับคำขอเป็นเพื่อน หลังจากที่เขานั่งกระวนกระวายรอคอยมากว่าสองชั่วโมง ไม่รอช้าเคนรีบพิมพ์ข้อความทักทายเป็นภาษาอังกฤษทันทีที่เห็นว่าเธอกำลังออนไลน์อยู่
“สวัสดีครับ คุณเป็นอย่างไรบ้าง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ไม่ทราบว่าพอจะสะดวกแนะนำตัวหน่อยได้ไหมครับ”
เขาลุ้นแทบลืมหายใจ หากเธอไม่ตอบกลับ เขาสาบานเลยว่าจะปิดบัญชีเฟซบุ๊กนี้และไม่เข้ามาใช้งานอีก โทษฐานที่ทำให้เขาหน้าแตก โดนผู้หญิงเชิดใส่ ทั้งที่จริงๆ แล้วแค่เขาปรายตามองก็มีคนมาอ่อนระทวยตรงหน้า เสนอตัวให้ถึงที่เสียด้วยซ้ำ และเมื่อเธอยังไม่ตอบอะไรกลับมาทั้งที่อ่านข้อความแล้ว เขาจึงรีบแนะนำตัวต่อทันที
“ผมชื่อเคนนะครับ อายุสามสิบปี ทำงานที่ลอนดอน ผมเคยไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งครับ จำได้ว่ามีสถานที่สวยๆ งามๆ ให้เดินจนเพลินเลย แล้วคุณล่ะครับ เคยมาที่อังกฤษหรือเปล่า ถ้ายังไม่เคยมาผมว่าคุณน่าจะลองมาสักครั้งนะครับ ที่นี่น่าอยู่มากๆ” ตาคมวาบวับขึ้นมาทันที เขาไม่ต้องหน้าแหกแตกยับอย่างที่นึกกังวลแล้ว เมื่อคนงามตอบกลับมาในเวลาไม่กี่อึดใจ
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันพิมพ์อร เป็นคนไทยค่ะ แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมเคนครับ เป็นคนอังกฤษ ผมเคยไปที่เมืองไทยเมื่อสองปีก่อน แล้วคุณอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยครับ ผมตั้งใจไว้ว่าจะไปเมืองไทยอีกครั้งต้นปีหน้า บางที...เราน่าจะเจอกัน คุณจะได้พาผมเที่ยวรอบๆ เมือง”
“ฉันเกิดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านบุคคลอยู่ แล้วงานของคุณล่ะคะ”
มือหนาจับคางอย่างกำลังใช้ความคิดเมื่อหญิงสาวถามถึงเรื่องงาน พลางคิดว่าควรจะตอบยังไงดี เขาไม่คิดจะโกหก แต่เรื่องบางเรื่องก็คงไม่ต้องบอกกันจนหมดเปลือก แถมยังเป็นคนที่เพิ่งคุยกันทางอินเทอร์เน็ต ถึงอย่างไรก็ต้องระมัดระวังตัวอยู่ดี
“ผมทำงานที่สำนักงานกฎหมาย อาศัยอยู่ที่ลอนดอนใต้ ผมมีชีวิตที่ดีที่นี่ แต่ก็สนุกที่ได้ไปท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ด้วย ผมดีใจที่ได้คุยกับคุณ หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้เจอกันถ้าผมเดินทางไปที่กรุงเทพฯ อีกครั้งนะครับ”
“ฉันอายุยี่สิบสี่ปีค่ะ เพื่อนของฉันก็แต่งงานกับคนอังกฤษแล้วก็ไปอาศัยอยู่ที่โน่นด้วยเหมือนกัน แล้วคุณจะมาที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ”
“อาจจะเป็นปีหน้าเดือนมกราคม แล้วคุณจะมาพบผมมั้ยครับ”
“……” ชายหนุ่มนั่งรออีกสักพัก เมื่อไม่เห็นข้อความตอบกลับใดๆ อีก จึงหันกลับมาให้ความสนใจกับงานที่ยังค้างอยู่ พร้อมทั้งมุ่งมั่นอยู่ในใจว่ายังไงพรุ่งนี้เขาต้องคุยกับเธอต่อให้ได้…
พิมพ์อรขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเปิดเช็กอีเมลตามปกติทุกวันแล้วเจอเข้ากับข้อความที่ส่งต่อมาจากบัญชีเฟซบุ๊ก มาอีกแล้วเหรอเนี่ย?
“สวัสดีครับ เพิ่งเห็นรูปคุณในอัลบั้ม คุณน่ารักมาก เพื่อนคุณที่อยู่ในรูปก็ด้วย หน้าตาเหมือนเพื่อนหรือพี่สาวของใครบางคนที่ผมเคยรู้จัก แล้ววันนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
“เพื่อนฉันคนที่คุณว่าหมายถึงคนที่อยู่ในรูปไหนคะ หรือว่าคุณอาจจะเคยเห็นเธอมาก่อนถึงได้คุ้นหน้า แล้วที่บอกว่าคุณจะมาเที่ยวเมืองไทย คุณจะมากับครอบครัวและเด็กๆ หรือเปล่าคะ”
“ผมคิดว่าเพื่อนคุณเหมือนพี่คนหนึ่งที่ชื่อทองนะ แต่อาจจะผิดก็ได้ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ เอ่อ คือผมยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าไปเมืองไทยก็คงไปกับเพื่อนน่ะครับ คงจะดีถ้าคุณพาผมเที่ยวรอบๆ กรุงเทพฯ คุณเป็นผู้หญิงที่น่าคบและนิสัยดีคนหนึ่งเลยนะครับ ผมต้องไปแล้ว ไว้คุยกันใหม่...เคน”
“โอเคค่ะ สวัสดีค่ะ…บ๊ายบาย” เธอพิมพ์ข้อความบอกลาเขาไปด้วยใจเต้นตึกตักๆ มันรุนแรงแบบแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใคร เธอคิดว่าหลายวันมานี้คงจะไม่มีความสุขกับอาการอกหักเพราะโดนหลอก แต่เปล่าเลย พอได้คุยกับผู้ชายคนนี้ เธอลืมเรื่องของตนเองไปเสียสนิท
ท่าจะบ้าแล้วยัยพิมพ์ เค้าเป็นใครก็ไม่รู้ อย่าไปไว้ใจใครง่ายๆ นะ
พิมพ์อรนั่งจ้องข้อความที่เพิ่งโต้ตอบกับเขาอีกพัก ก่อนจะสลัดศีรษะไล่ความมึนงงออกจากสมอง แล้วจึงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อทันที
จนเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เธอก็ต้องรีบเร่งเก็บของ เพราะพัชรพงศ์โทรมาบอกว่าอีกครู่เดียวก็จะถึงออฟฟิศแล้วหลังจากที่ออกไปพบลูกค้ามาทั้งวัน เพื่อนกระทิงบอกเธอว่าเก็บของเสร็จแล้วก็เดินออกมารอที่หน้าบริษัทได้เลย จะได้ไปหาข้าวเย็นกินกัน เธอเก็บกระเป๋าและเคลียร์แฟ้มงานบนโต๊ะเรียบร้อย สิ่งสุดท้ายคือปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ใช้งาน
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะขยับเมาส์ไปกดที่ปุ่มปิดเครื่อง พลันเธอกลับตัดสินใจเปิดเบราเซอร์แล้วล็อกอินเข้าเฟซบุ๊กอีกรอบ
“สวัสดีครับฮันนี่ คุณเป็นผู้หญิงที่เยี่ยมมาก ผมรู้สึกอย่างนั้น ผมกำลังตั้งตารอคอยที่จะได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่เคียงข้างคุณ ขอให้คุณมีช่วงเวลาที่ดีในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้นะครับ...”
ฮันนี่ เขาเรียกเธอฮันนี่ ให้ตายสิ ทำไมจะต้องรู้สึกดีแบบนี้ด้วยนะ