หลังจากที่ออกจากร้านเฮียโก๋มาสักพัก นิลลดาจึงตัดสินใจพูดออกมาเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งเงียบตลอดทาง
“ฉันลืมบอกว่าแม่คุณให้พาไปดำน้ำแต่ฉันว่าคุณไม่พร้อม”
“ฉันไม่เป็นไร อยากไปไหนก็ไปยังไงแม่ฉันก็เห็นว่าเธอดีกว่าอยู่แล้ว” ไปใหญ่แล้ว แค่เถียงไม่ทันเพื่อนแค่นี้เธอเลยถูกพาลใส่จึงตัดสินใจจอดเข้าข้างทาง
“คุณอยากรู้อะไรมั้ยว่าฉันคุยอะไรกับเจ๊ผ่องเมื่อกี้”
“จะคุยอะไรก็เรื่องของเธอ” หล่อนสะบัดหน้าใส่นิลลดาจนเธอต้องคว้าแขนเอาไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อให้หันกลับมาแต่ก็ต้องรีบปล่อย และไม่ทันให้อันชิตาพูดอะไรก็ชิงเล่าเรื่องที่เพิ่งทำมาเมื่อกี้ให้หล่อนฟังอย่างออกรสโดยไม่ได้สนใจว่าหล่อนตั้งใจฟังหรือไม่ เพราะหล่อนไม่ได้แสดงสีหน้ายินดียินร้ายอะไร
“คุณไม่โกรธใช่มั้ยที่ฉันว่าเพื่อนคุณ” หรืออันชิตาอาจจะไม่ชอบใจที่เธอแอบด่าเพื่อนสนิทของหล่อนแต่ผิดคาดหล่อนหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่พยายามจะกลั้นขำ
“โอ้ย โอ้ย โอ้ย อะไรเนี่ย โกรธก็ตบ หัวเราะก็ตี คุณเนี่ยซาดิสจังแถมยังมือหนักอีกด้วย” นิลลดาโอดโอยเพราะถูกตีที่แขนเข้าเต็มแรงหลายที
“รู้มั้ยว่าพ่อของขวัญฤทัยเป็นผู้มีอิทธิพลแถวนี้ เธอทำให้หล่อนไม่พอใจอาจจะถูกยิงได้นะ” อันชิตาพูดนิ่งๆ ด้วยมาดนางพญาอย่างเคยโดยไม่สนใจคำบ่นเจ็บไม่หยุดของคนเด็กกว่า
“ไม่ได้หลอกใช่มั้ยคะ” นิลลดามีสีหน้ากังวล
“กลับเถอะฉันอยากพักผ่อน” หล่อนเปลี่ยนเรื่องซะงั้น
“กลับตัวไมทันแล้วค่ะ เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่า ฮะฮึ่ม อยากไปไหนก็ไปยังไงแม่ฉันก็เห็นว่าเธอดีกว่าอยู่แล้ว” เธอแสร้งทำเลียนแบบคำพูดอันชิตาและออกรถไปจากตรงนั้น โดยอันชิตาทำเป็นไม่สนใจกับท่าทางล้อเลียน
อันดามันรีสอร์ทเปิดมานานจนเรียกได้ว่าเป็นสถานที่เก่าแก่หากสอบถามคนพื้นที่แถวนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก และป้ามณีและลุงลูคัสก็ค่อนข้างมีคนนับหน้าถือตาและเกรงใจด้วยรีสอร์ทแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสร้างอาชีพให้กับคนละแวกนั้นได้รวมถึงเจ้าหุยที่ป้ามณีพูดถึงด้วย
“สวัสดีครับนาย” ทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณท่าเรือที่ค่อนข้างมีนักท่องเที่ยวต่างชาติพลุกพล่าน อันชิตาเดินนำมาหยุดยืนอยู่ที่เรือหรูพาเที่ยวของรีสอร์ทพร้อมกับเจ้าหุยที่ยืนรออยู่แล้วยกมือไหว้หล่อนอย่างนอบน้อมก่อนจะหันมาไหว้นิลลดา เรือลำนี้ต่างจากเรือลำอื่นๆ ของรีสอร์ทคือไม่มีนักท่องเที่ยวมีแค่อันชิตาและนิลลดาอันที่จริงก็ดูเป็นส่วนตัวดีแต่อารมณ์ของคนตรงหน้าทำให้การเที่ยวครั้งนี้ของนิลลดาคงจะกร่อย เพราะแค่เธอบอกจุดประสงค์ที่ป้ามณีต้องการให้หล่อนฟังจากที่ไม่พอใจในทีแรกก็ต้องจำยอมคงจะกลัวแม่สินะโดยเฉพาะตอนที่นิลลดาชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าและอาหารมากมายที่ป้ามณีจัดมาให้หล่อนก็หมดคำพูด เมื่อเรือแล่นออกจากท่ามาได้สักพัก นิลลดาก็เดินสำรวจเรือและยืนดูบรรยากาศบริเวณหัวเรือส่วนอีกคนก็ลงไปเปลี่ยนชุดในห้องพักด้านล่าง
“ยืนอยู่แบบนั้นเดี๋ยวก็เมาเรือหรอก” ด้วยความไวของเรือที่ขับกระทบกับคลื่นทะเลทำให้คนมาใหม่ต้องเอ่ยเตือนคนเด็กกว่าตรงหน้าที่ทำท่าทางสบายอกสบายใจไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ฉันแข็งแรงค่ะแค่นี้สบายมาก” เธอหันมาตอบพร้อมกับแอบสำรวจชุดที่อันชิตาเพิ่งจะเปลี่ยนช่างดูเข้ากับการมาเที่ยวทะเลและดูสบายตากว่าชุดที่หล่อนใส่ทำงาน ส่วนอันชิตาก็ไม่ถือสากับคำตอบที่ได้รับเดินกลับไปนั่งทาครีมกันแดดแม้บ้านเกิดหล่อนจะอยู่ที่นี่แต่พอชีวิตก้าวเข้าสู่วัยทำงานก็ไม่เคยจะอยากไปเที่ยวไหนๆ เหมือนตอนยังเป็นวัยรุ่น
“ให้ฉันช่วยทามั้ยคะ คุณน่าจะทาหลังไม่ถึงนะ”
“ยุ่ง” อันชิตาตอบขณะกำลังละเลงครีมกันแดดที่แขน
“จะลงน้ำหรือเปล่า”
“ค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วก็ต้องลงสิคะแม่คุณบอกมา”
“ประจบ” หล่อนพูดลอยๆ แต่มีเหรอที่นิลลดาจะแคร์เธอเดินลงไปข้างล่างเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมจะลงน้ำไม่อยากให้เสียเวลาเพราะคนขับเรือตะโกนออกมาเมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย แต่พอขึ้นมานิลลดาก็แทบจะวิ่งลงเรือด้วยความเร็วแสงทันทีโชคดีที่เรือจอดสนิทดับเครื่องกลางทะเลพอดี ทั้งข้าวต้มและไข่ลวกที่เพิ่งกินไปเมื่อเช้าออกมาหมด ใบหน้าซีดเผือดสภาพเละเทะไม่เป็นท่า
“ไหวมั้ยเจ๊” เสียงการซอยเท้าของนิลลดาทำให้คนขับอย่างเจ้าหุยต้องโพล่หน้าออกมาดู พร้อมกับถือขวดน้ำตามไปยื่นให้นิลลดาตามคำสั่งของอันชิตาที่เยื้องย่างยืนกอดอกอยู่ด้านหลังทั้งคู่
“ทำเป็นปากเก่งดีนัก เตือนก็ไม่ฟังกลับเลยดีมั้ย” หล่อนหัวเสียเอ่ยดุคนตรงหน้าที่ยังไม่หยุดปล่อยของออกมาลงทะเล
“เดี๋ยวนั่งพักสักเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้นค่ะ” เมื่อเห็นว่าตัวเองน่าจะดีขึ้นจึงหันมาบอกอันชิตาพยายามยันตัวเองให้ยืนไหวเพราะกลัวว่าอันชิตาจะพากลับจริงอย่างที่พูด
“อุ่ย เจ๊กินอะไรไปบ้างเนี่ย” เด็กหนุ่มเริ่มบ่นสำทับพร้อมกับช่วยลูบหลังส่วนอีกมือก็บีบจมูกตัวเองเมื่อเห็นว่าเธออ้วกออกมามากกว่าเดิมอีก น้ำเสียงเหมือนเป็นห่วงแต่ท่าทางดูเหมือนจะซ้ำเติมเธอมากกว่า
“ไม่ใช่พูดเพราะไม่อยากจะกลับหรอกนะ” หล่อนรู้ทัน
“นึกว่าจะเก่งสภาพนี้ไม่น่ารอดฮะนาย” เจ้าหุยแอบเสริมอย่างออกรสด้วยสำเนียงใต้ นิลลดาจึงค้อนควับเข้าให้โดยไม่ดูสภาพตัวเอง
“โถ่เอ้ย เดี๋ยวเดินให้ดูก็ได้” นิลลดายืดตัวอีกทีก่อนจะพยายามเดินอย่างทุลักทุเลไปทางอันชิตา และก็เป็นไปตามคาดเธอเซเข้าหาคนตัวเล็กกว่าอย่างอันชิตาและด้วยสัญชาตญาณนิลลดาจึงคว้าร่างหล่อนไว้เพราะกลัวตัวเองจะล้ม ใบหน้าดุๆ ของอันชิตาเปลี่ยนเป็นเหวอทันทีเพราะไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่านิลลดาจะใช้หล่อนเป็นที่ยึด สภาพตอนนี้จึงดูเหมือนหล่อนถูกคนตัวสูงกอดเอาไว้แถมยังเทน้ำหนักแทบทั้งหมดไปที่คนตัวเล็กกว่า อันชิตาพยายามยึดตัวเองไม่ให้ล้มกึ่งลากกึ่งถูไปยังที่นั่ง
“หยุดเลยนะ ถ้าปล่อยออกมาเละเทอะเรี่ยราดตรงนี้ฉันจะให้เธอกินเข้าไปให้หมด” แค่พยายามเอาเด็กปากเก่งมานั่งได้ก็แทบจะหมดแรง แถมท่าทางเหมือนของเสียล็อตใหม่กำลังจะออกมา หล่อนจึงออกคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดจนนิลลดาต้องอึ้บกลืนกลับทันที
“ส่วนนายก็ไปพักเถอะ” อันชิตาหันไปบอกเจ้าหุยที่คอยเดินตามอยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วงไม่ช่วยแถมยังช่วยบ่นใส่ไฟอีก
“ผู้ใหญ่เตือนก็หัดฟังเสียบ้างนะ ไม่ต้องอวดเก่งไปซะทุกเรื่อง” หล่อนยังไม่หยุดบ่น แต่สักพักก็ดึงคนที่ตอนนี้นอนราบให้ลุกขึ้นนั่งยื่นยาดมและยาหอมให้นิลลดา เธอรีบรับทั้งสองอย่างไว้ในมือ
“กินเข้าไปด้วย” หล่อนสั่งเมื่อเห็นว่านิลลดาเอาแต่สูดกลิ่นยาดมเข้าปอดราวกับเป็นเฮือกสุดท้ายของชีวิตโดยที่ไม่แตะต้องยาหอมที่หล่อนเพิ่งจะชงให้ แม่ของหล่อนรอบคอบเสมอในการเตรียมอุปกรณ์และยาต่างๆ เวลาออกมานอกสถานที่ ส่วนนิลลดาก็ทำตามอย่างว่าง่ายแต่
“หยี อะไรเนี่ย” ทั้งกลิ่นและรสชาติยาหอมทำให้นิลลดาอยากจะอ้วกออกมาอีกรอบ
“กินเข้าไปเดี๋ยวนี้”
“แต่ว่า อื้อๆ ๆ” เมื่อเห็นว่านิลลดางอแงและมีท่าทีจะไม่ยอมกินง่ายๆ หล่อนจึงต้องใช้วิธีบังคับโดยดันแก้วเข้าปากคนที่กำลังอ้าปากบ่นบังคับให้กิน
“ห้ามบ้วนออกมานะ ไม่งั้นไล่ออก” แม้สถานที่จะไม่เอื้ออำนวยให้ออกคำสั่งแต่คนที่ไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนิลลดาเมื่อได้ยินก็ตาโตด้วยความกลัวกระดกน้ำสีข้นในแก้วจนหมด
“ก็แค่เนี้ย นั่งสักพักก็จะดีขึ้นแต่ถ้าไม่ดีขึ้นก็กลับ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงใจนึงก็โมโหแต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูท่าจะดีขึ้นก็โล่งอกคลายกังวลได้ นิลลดาพยักหน้าหงึกๆ ยอมรับอย่างง่ายไม่อยากสร้างปัญหา
เมื่อสถานการณ์ทางร่างกายของนิลลดาและอารมณ์ของอันชิตาดีขึ้น เจ้าหุยจึงสอนการใช้อุปกรณ์ดำน้ำแก่นิลลดาโดยอันชิตานั่งอ่านหนังสือและคอยดูเด็กปากเก่งไปด้วย
“เธอว่ายน้ำเป็นใช่มั้ย” อยู่ๆ หล่อนก็พูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่านิลลดากำลังจะก้าวขาลงน้ำโดยไม่ใช้เสื้อชูชีพ
ตู้ม!! นิลลดาไม่ตอบแต่กระโดดลงน้ำทันที พร้อมกับโผล่ขึ้นมายักคิ้วให้อันชิตาก่อนตอบ
“นักกีฬาโรงเรียนค่ะ”
“ให้มันแน่เถอะ” หล่อนพูดแค่นั้นด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือในมือเหมือนเดิมการมาเที่ยวพักผ่อนที่ไม่ได้เต็มใจครั้งนี้อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่เฉยๆ ที่รีสอร์ทอย่างเคยๆ ทุกครั้งที่กลับบ้าน
นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่หล่อนเผลอหลับไปจนตื่นขึ้นมาและไม่เห็นว่านิลลดาจะมีท่าทีขึ้นจากน้ำ เอาแต่ดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนานเหมือนเด็กได้ของเล่นจึงเผลอยิ้มออกมา หัวใจอันชิตาก็เต้นแรงขึ้นไม่เป็นจังหวะไม่เข้าใจตัวเอง นี่ฉันมายืนแอบดูเธอทำไมเนี่ย หล่อนบ่นออกมา
“คุณ ลงมาสิตรงนี้สวยนะ” เมื่อหันไปเห็นว่าอันชิตายืนอยู่เธอจึงเอ่ยชวน
“ฉันว่าขึ้นมาได้แล้วมั้ง เธออยู่ในน้ำนานเกินไปแล้ว” อันชิตาพูดในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจในตอนแรก และยืนดูนิลลดาที่ค่อยๆ ว่ายน้ำเข้ามาหาเธอเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ตรงบันไดแต่ยังไม่ขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มหวานน่ามองให้กับหล่อน
“ช่วยหน่อยค่ะ เล่นน้ำนานไปหน่อยจนหมดแรงเลย” นิลลดายื่นมือไปหาคนที่ยืนกอดอกมองเธออยู่ แม้จะดูอิดออดในทีแรกแต่ก็ยอมทำตามที่ขอเพื่อตัดความรำคาญ เมื่อหล่อนยื่นมาให้นิลลดาก็คว้าไว้ทันทีก่อนจะออกแรงดึงสุดแรงจนหล่อนลงน้ำไปด้วย
“ว้าย” นิลลดาชอบใจที่แกล้งเจ้านายหน้าดุได้และกลัวว่าจะถูกคาดโทษจึงว่ายน้ำห่างออกไปอย่างชอบใจโดยไม่ได้สนใจดูว่าหล่อนกำลังตะเกียกตะกายค่อยๆ ลอยออกไปไกลขึ้นด้วยคลื่นทะเล
“ช่วยด้วย” เฮือกสุดท้ายของหล่อนหลุดออกมาก่อนจะค่อยๆ จมหายไป
_____________________________________________________________________
ไอ้แสบ
กับ เจ๊ยักษ์
----------------------------------------------------------
ก่อนจะลงตอนต่อไปนะคะ
คนเขียนอยากจะบอกว่าตัวละครทุกตัวมีที่มาที่ไป มีเหตุผล มีปม ทุกตัว
หากเขียนไม่ถูกใจคนอ่านต้องขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนจะเขียนเรื่องนี้มีพล็อตในหัวหลายเรื่องมากแต่เลือกลงเรื่องนี้ก่อน
ในนิยายจะอิงกับเรื่องจริงรอบตัวที่เจอมาบ้างตอนนี้เลยอินกับเรื่องนี้ที่สุดค่ะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ
คอมเมนต์ ติชม เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ
ด้วยรักค่ะ
------------------------------------