เพลงจบพอดี รชาเดินมาพร้อมกับพี่ชายแล้วหยิบไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างอารมณ์ดีมาก แต่ว่านายจ้างของพี่ชายยืนกอดอกอยู่ข้างคุณวาดิมและทั้งสองคนมีสีหน้าดุดันจนน่ากลัว เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาดไป พี่ชายก็ส่ายหน้าเหมือนว่างงมาก เราสองคนเดินคุยกันไปตามประสาพี่น้องที่สนิทกันจนมาถึงโต๊ะ
“อย่าดื้อล่ะ”
“อื้ม ไม่เคยดื้อเลยจริงๆ”
“เชื่อก็โง่แล้ว”
ภาคินแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพื่อนแม่งก็หวงเมียจนหน้ามืดตาแข็งพร้อมจะอาละวาดได้ทุกเมื่อ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าหนักใจมาก แล้วไอ้เวรนี่มันเป็นใครถึงกล้ามายุ่งกับของรักของหวงวาดิมขนาดนี้ห่ะ มึงไม่เห็นรึไงว่าเจ้าที่แรงมากขนาดไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดจนแทบเป็นประสาทอยู่แล้ว
“คุยกันจบรึยัง!?” วาดิมพูดแทรกขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ แล้วจับมือรชาดึงเข้ามาให้แนบชิดตัว
“เคลียร์กันเองนะ พี่ไปก่อน”
“อื้ม แล้วเจอกัน”
“หมายความว่ายังไง!? เราต้องคุยกัน!” วาดิมจับแขนเมียตัวเล็กเดินออกไปอีกทางของงานทันที เขาหวงจนแทบบ้าเธอน่าจะรู้ตัวนี่ แต่ทำไมยังไปเต้นรำกับผู้ชายคนอื่นแทนที่จะเป็นเขาคนเดียวด้วย รชาไม่มีความรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นเลย เธอทำเหมือนตัวเองไม่มีใครทั้งที่มีเขาอยู่แล้วทั้งคน
ชอบโปร่ยเสน่ห์นักรึไง!
ยัยเด็กแสบ
“โอ๊ย!! คุณวาดิมเดี๋ยวสะดุดล้ม!!” เขาจับแขนเธอลากไปแรงมากจนต้องรั้งเอาไว้ก่อน แต่คนแก่กลับหันมาจ้องตาขวางแล้วอุ้มเธอเดินออกไปแบบไม่แคร์สายตาใครเลย เขาเดินออกนอกงานตรงไปที่ระเบียงโล่งๆของชั้นนี้ถึงได้วางเธอลงแล้วจ้องหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ผัวอยู่ตรงนั้นทำไมยังกล้าไปเต้นกับคนอื่น!!”
“เขาไม่ใช่คนอื่นนะ!!”
“แล้วมันเป็นใครห่ะรชา!?”
“พี่ชายฉันเอง!”
“ห่ะ!?”
“ใช่! คนนั้นเป็นพี่ชายของฉันเอง!”
“แล้วทำไมเธอไม่บอกฉันล่ะ!?”
“ยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณก็อุ้มฉันมาแล้วเนี่ยจะให้บอกตอนไหนทันห่ะ!?”
“ใครจะไปรู้ล่ะว่านั่นพี่ชายเธอ!”
“คิดว่าฉันจะไปกับคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักงั้นเหรอ คุณนี่มันแก่แล้วสมองเลอะเลือนคิดอะไรไม่ได้เลยรึไง!?”
“ฉันแค่หวงเมีย!”
“ก็หวงแบบมีสติบ้างเถอะ!”
“แล้วทำไมไม่แนะนำให้ฉันรู้จักบ้าง?”
“เดี๋ยวก็ได้รู้จักเองแหละน่า!”
เกือบแล้วนะเมื่อกี้
เกือบได้ต่อยพี่ชายเมีย!
เขายิ้มกว้างขึ้นมาด้วยความเบาใจขึ้นไปนิดหนึ่งแล้วเมียก็ดูอารมณ์เสียมาก เขาเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะยกมือประคองใบหน้าสวยแล้วก้มลงจูบปากเล็กๆที่กำลังจะด่าว่ากัน ทีแรกเธอตกใจเม้มปากแน่นก่อนจะยอมเผยอปากให้เขาได้สอดลิ้นเข้าไปพลิกพลิ้วในปากสวยซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าจะผละออกมาสบตา
“รู้ไหมว่าฉันหวงเธอมากขนาดไหน”
“คุณ…ระวัง!!”
ปัง!!
เธอดึงเขาหลบทันทำให้กระสุนปืนพลาดเป้าโดนที่หัวไหล่นิดเดียว คนร้ายที่ยิงปืนวิ่งหนีออกไปทันทีในความมืดและประตูระเบียงก็มีคนเปิดเข้ามาด้วยความรวดเร็วมาก คุณภาคินกับคุณวีที่เปลี่ยนชุดแล้วมีสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขาสั่งลูกน้องให้ตามหาทันทีว่ามันเป็นใครถึงกล้ามากขนาดนี้
“คุณวาดิมเจ็บมากไหม!?”
“แค่นี้เองฉันไม่เป็นอะไรหรอก”
“เข้าใจว่าแก่แล้วหนังเหนี่ยว!” เธอหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กของเขาที่ใส่แค่เพื่อประดับขึ้นมาซับเลือดและกดนิ่งเอาไว้แบบนั้นเพื่อให้เลือดหยุดไหลออกมาก่อน ผ่านไปไม่กี่นาทีประตูก็เปิดเข้ามาอีกครั้ง แต่ว่าคนที่เข้ามาคือพี่ชายของเธอที่มองด้วยแววตาดุดันมาก
“น้องเป็นอะไรรึเปล่าพี่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้?”
“ไม่ค่ะ เขาเล็งคุณวาดิมไม่ใช่ฉัน แล้วพี่ไม่กลับเหรอ ไหนว่าพรุ่งนี้มางานต่อไง”
“มีคนยิงกันพี่จะกลับได้ไง พี่ตกใจคิดว่าเป็นพวกมัน”
“นอกจากพี่ก็ไม่มีใครรู้ว่าฉันอยู่กับคุณวาดิมหรอกน่า ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก”
“นั่นสิ! เพราะถ้าเป็นพวกมันคงไม่พลาดเป้าแบบนี้หรอก ออกไปจากตรงนี้เถอะ”
ภาคินกับวีได้แต่มองด้วยความงงมากเพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่เต้นรำกับเมียเพื่อนจนมันแทบสติแตกเพราะความหวง แต่ตอนนี้วาดิมกับยิ้มบางๆให้แทนซะอย่างนั้น แล้วจากที่ฟังการพูดคุยแค่ไม่กี่นาทีก็รู้แล้วว่าสนิทกันมากขนาดไหน เผลอๆจะรู้จักรชาดีมากกว่าวาดิมด้วยซ้ำ
“ไปห้องรับรองก่อน เชิญคุณด้วยล่ะ” ภาคินบอกทุกคนและเน้นที่คนแปลกหน้า
“ครับ”
เราเดินออกไปที่ห้องรับรองโดยเลี่ยงคนเยอะเพราะจะเป็นจุดสนใจมากเกินไป จากนั้นวีก็เข้ามาดูแลแผลของวาดิมที่โดนยิงถากๆที่หัวไหล่ แต่คาดว่าถ้าหลบไม่ทันก็น่าจะโดนที่หัวแทนมากกว่าเพราะดูแล้วมือปืนค่อนข้างแม่นมากพอสมควรเลย ภาคินแอบมองสองคนนั้นที่คุยกันเสียงเบามาก วาดิมก็แอบมองเงียบๆด้วยความกังวลใจและวีที่เต็มไปด้วยความสงสัยเต็มทึ
“ปล่อยข่าวออกไปว่าฉันไม่มีเมีย ผู้หญิงที่อยู่ด้วยเป็นลูกสาวนักธุรกิจที่ฉันกำลังดีลงานอยู่เลยต้องดูแล”
“ทำไมล่ะ?”
“ฉันกลัวมันจะเล่นงานรชา”
“แต่ไม่มีใครเห็นหน้าน้องรชาเลยนะครับคุณวาดิม อีกอย่างงานวันนี้ก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าผู้หญิงที่มาด้วยเป็นใครกันแน่ ผมว่ามันน่าจะหาโอกาสทำอะไรได้ยากมาก หรือถ้าปล่อยข่าวออกไปอาจจะทำให้คนอื่นเชื่อแบบนั้นแต่คุณเพลงขวัญไม่มีทางเชื่อแน่นอน ไหนมือปืนที่ยิงมันต้องเห็นอะไรอยู่แล้ว” วีรีบอธิบายด้วยความใจเย็นและรู้ดีถึงความกังวลที่เกิดขึ้น แต่มาถึงขนาดนี้แล้วคุณวาดิมไม่มีทางเก็บความลับอะไรได้อีกต่อไป แล้วที่เขาเริ่มจะแน่ใจคือเมียของเจ้านายมีฝีมือมากพอจะรับมือได้
“รชาจะไม่แนะนำพี่ชายเธอให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?”
“อ่อ! ลืมไปเลย”
“พี่ราเชนทร์คะนี่คุณวาดิม เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรฉันเองค่ะ เขาเป็นคนลักพาตัวฉันมาในคืนวันนั้นที่จะไปประมูลสร้อยเส้นนี้ แต่เขาก็รับผิดชอบด้วยการไปซื้อคืนมาให้นะ อ่อ…เขาขี้หวงมาก ชอบดุตลอดเวลา พอได้ฉันไปอยู่ที่บ้านก็ไม่ให้ออกไปไหนตั้งอาทิตย์หนึ่ง จะทำอะไรก็ห้ามไปหมดทุกอย่างเหมือนว่าฉันเป็นเด็กสองขวบที่ทำอะไรไม่เป็น ให้กินแล้วก็นอนจนแทบกลายร่างเป็นหมูได้แล้ว เป็นเ*******ูและติดหนีชีวิตฉันอยู่”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวาดิม”
“ยินดีครับ คืนนี้ไปค้างด้วยกันที่บ้านสิ รชาจะได้ไม่เหงาและผมอยากรู้จักคุณมากขึ้น”
“แล้วที่ว่าลักพาตัวน้องสาวของผมนี่เรื่องจริงไหมครับ?”
“คือ…แค่พาไปเคลียร์ใจนิดหน่อย”
“โกหกชัดๆเลย! คุณวาดิมอุ้มฉันขึ้นรถโดยไม่ถามอะไรสักคำเลยต่างหาก!”
สิ้นแล้วคุณวาดิม
ยังไม่ทันเริ่มตีสนิทพี่เมียก็เขม่น
วีมองหน้าภาคินทึ่แทบสำลักออกมาไม่รู้ว่าจะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี คือคุณวาดิมทำหน้าไม่ถูกเลย! แล้วน้องรชาก็ยิ้มกว้างไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นที่ฟ้องพี่ชายเสียหมดเปลือกในสิ่งที่้เกิดขึ้น มันคือเรื่องจริงแหละแต่ไม่ต้องพูดก็ได้มั้ง! ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันอาทิตย์กว่าๆคุณวาดิมโคตรตามใจเลยนะ ดูแลอย่างดีทุกอย่าง ดูอย่างการอบคุกกี้ไหม้เกรียมขนาดนั้นยังยอมกินแล้วหลอกตัวเองว่าอร่อยเพื่อเอาใจเมียเด็ก
ความคลั่งรักเมียทำให้หนักใจมาก
แต่ก็นับถือที่อดทนเก็บเป็นความลับมาตั้งสามปี