ช่วงเวลาสองสามวันหลังจากนั้น พ่อเลี้ยงเมธก็พยายามครองตนอยู่ในท่าทีสงบ ไม่ไปเฉียดใกล้บ้านที่รุมล้อมด้วยกลิ่นมะลิ จนกระทั่งแน่ใจว่าใครบางคนหายป่วยจากฤทธิ์ไข้ปะปนกับฤทธิ์พิศวาสของเขานั่นแหละถึงได้เดินไปยังทิศทางนั้น เพื่อเยี่ยมเยือนยายอบกับใครบางคน พอมาถึงดวงตาคมกล้าก็พลันเบิกกว้าง เมื่อคนที่ตามหากำลังยืนเก็บดอกมะลิอย่างตั้งอกตั้งใจ
พ่อเลี้ยงหนุ่มปรายตามองไปรอบๆ เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงได้เดินเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับแฝงนัยสำคัญบางอย่าง
“เก็บดอกมะลิอยู่หรือ...แต่ฉันว่าเธอน่าจะเก็บอะไรบางอย่างที่ลืมไว้ด้วยนะ”
ร่างบอบบางของวันวิสานิ่งขรึมตั้งแต่ได้ยินถ้อยคำแรกของเขาแล้ว จึงได้แต่เซถลาด้วยความตกใจ จนกระทั่งเกือบล้มทับพุ่มมะลิเข้านั่นแหละถึงได้ถูกพ่อเลี้ยงคว้าแขนเหนี่ยวรั้งเอาไว้
“ระวังหน่อย” เมธัสกล่าวขึ้น น้ำเสียงนั้นปะปนความห่วงใยอยู่หลายส่วน จนกระทั่งมองเห็นความตื่นกลัวในดวงตากลมของคนตรงหน้านั่นแหละ ถึงได้กระแอมกระไอขึ้น “เดี๋ยวต้นมะลิจะหักได้ น่าเสียดายดอกสวยๆ หอมๆ ของมันที่จะช้ำเพราะก้นของเธอ”
วันวิสาเม้มปาก ตอนนี้เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา จึงได้แต่หิ้วตะกร้าแล้วเดินหนีไปดื้อๆ แต่มีหรือที่พ่อเลี้ยงแห่งปางไม้อติวัณณ์จะยอมปล่อยไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เขาต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
ฝ่ามือหนาหนักจึงคว้าเรียวแขนสลักเสลาไว้อย่างห้ามปราม “ฉันว่า เรามีเรื่องคุยกันนะ”
“ขอโทษค่ะ เทียนไม่มีอะไรจะคุยกับพ่อเลี้ยง”
“หนูเทียน...” พ่อเลี้ยงเมธครางเรียก เมื่ออีกฝ่ายพยายามรั้งแขนหนีจึงขยับเข้าประชิดตัวแล้วกระซิบเบาๆ กับใบหูนุ่ม “กางเกงชั้นในนั่น เธอจะไปเก็บเอง หรือจะให้ฉันเอามาคืน”
ได้ฟังคำพูดของเขาวันวิสาก็แทบหยุดหายใจเลยทีเดียว ใบหน้าแดงซ่านขึ้นไม่รู้ว่าจะโกรธหรืออายกันแน่ แต่ถึงยังไงก็ไม่ยอมรับง่ายๆ
“พ่อเลี้ยงพูดเรื่องอะไรคะ เทียนไม่รู้เรื่อง”
“สีชมพู ลายหมี ขอบลูบไม้ กลิ่น...มะลิผสมกับ...”
วันวิสารู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกน้ำร้อนๆ สาดใส่หน้าอย่างไรอย่างนั้น มันทั้งร้อน ทั้งอาย แล้วก็อยากตีหน้าหนาๆ ไว้ทว่ายิ่งปฏิเสธก็เหมือนกับการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ เพราะสีหน้ากับท่าทางของเธอบ่งบอกเขาไปจนหมดแล้ว ว่าผู้หญิงคนนั้นคือเธอเอง
เมื่อเห็นหญิงสาวคล้ายเกิดอาการช็อกไปชั่วขณะ พ่อเลี้ยงจึงขยับมาใกล้ขึ้นกว่าเดิม “ว่าไง คราวนี้คงเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้วสินะ”
เจ้าของร่างบางพูดไม่ออก จึงได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“เราคุยกันได้หรือยัง”
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอย่างยอมจำนน “อีกสิบนาทีเทียนจะตามไปค่ะ เพราะยังไงวันนี้ยายอบก็สั่งให้เทียนนำดอกมะลิไปให้พ่อเลี้ยงอยู่แล้ว”
“อ้อ!” เมธัสครางรับ ก่อนจะกระซิบชิดใบหูของหญิงสาวเบาๆ “รีบมานะ ฉันจะรอ”
น้ำเสียงที่พ่อเลี้ยงเมธใช้ในวันนี้ ช่างเหมือนกับช่วงเวลาที่เขาพูดกับเธอในยามที่กำลังร่วมรักยิ่งนัก จึงทำให้วันวิสาเกิดอาการร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายก็ทำได้เพียงหมุนตัวเดินเร็วๆ เข้าบ้าน โดยไม่กล้าหันกลับมามองคนที่เอาแต่ยืนทอดสายตาตามหลังของเธอแม้แต่นิดเดียว
ตั้งแต่คืนนั้น เธอบอกตัวเองแล้วว่า ขอให้ทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป จะลืมเลือนให้หมด ทว่าทำไมพ่อเลี้ยงเมธต้องเสนอหน้าเข้ามาทำให้เธอคอยจดจำภาพพวกนั้นได้แม่นยำอยู่ร่ำไป
จนเดินมานั่งข้างหน้ายายอบ ก็ยังรู้สึกว่าแก้มร้อนอยู่เลย จึงต้องดื่มน้ำฝนลอยมะลิไปหลายอึก
“เก็บได้เยอะหรือเปล่า เลือกเอาดอกสวยๆ มาแล้วใช่ไหม”
“จ้ะยาย” วันวิสาอ้อมแอ้มตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเอาไปให้พ่อเลี้ยงเถอะ อย่าลืมทำให้พ่อเลี้ยงดื่มสักขันด้วยล่ะ”
“ได้จ้ะยาย เทียนจะรีบไปรีบมานะจ๊ะ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวยายจะไปโรงครัวใหญ่ ช่วยพวกนั้นทำมื้อกลางวันสักหน่อย”
“ให้เทียนตามไปด้วยไหมจ๊ะ”
“ไม่ต้องหรอก เอ็งยังไม่หายดี กลับจากบ้านพ่อเลี้ยงก็รีบมาพักผ่อนซะ เดี๋ยวไข้จะกลับเอาได้”
“จ้ะ” วันวิสารับคำอย่างว่าง่าย เพราะความจริงแล้วเธอก็ไม่อยากสุงสิงกับใคร และก็ยังไม่พร้อมจะพบคนอื่น จนกว่าเรื่องวุ่นๆ พวกนี้จะจบสิ้นโน่นกระมังถึงจะกล้าสู้หน้าคนอื่นได้ ในเมื่อระหว่างเธอกับเขายังมีเรื่องต้องสะสางกัน หญิงสาวจึงขอตัวออกจากบ้านไปเงียบๆ กระทั่งมาถึงบ้านไม้หลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงเมธนั่นแหละถึงได้แต่จ้องมองระเบียงบ้านซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของค่ำคืนพิศวาสนิ่งนาน
“ยืนรำลึกความหลังอยู่ทำไม ถ้าอยากให้มันชัดเจนก็ขึ้นมาสิ ฉันจะสนองให้”
ถ้อยคำที่ดังขึ้นอย่างเยาะเย้ย ถากถาง และท้าทายในประโยคเดียวกันนั้น ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นดวงตากลมโตก็ปะทะกับพ่อเลี้ยงเมธในวัยสามสิบห้าปียืนเท้ามืออยู่กับขอบระเบียง กางเกงกับเสื้อที่เขาสวมใส่ยังคงเป็นชุดที่เธอเห็นก่อนหน้า แตกต่างก็ตรงที่บริเวณหน้าอกถูกปลดกระดุมไปสองสามเม็ดเท่านั้น
จึงลอบกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย มือที่ถือตะกร้าใบเล็กกระชับขึ้นแล้วเดินขึ้นบันไดด้วยแข้งขาที่บังคับไม่ให้สั่น ทว่าการเผชิญหน้าโดยตรงกับผู้ชายที่เธอหลวมตัวมีอะไรลึกซึ้งด้วยมันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เข้าบ้าน” เมธัสสั่งสั้นๆ แล้วหมุนกายนำเข้าไป มาถึงก็ยืนรออย่างใจเย็น กระทั่งวันวิสายอมเดินตามเข้ามานั่นแหละถึงได้รีบปิดประตูและล็อกกลอน ท่าทางของเขาทำเอาหญิงสาวเบิกตากว้าง อยากจะเดินหนีออกไปแต่กลับถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ “จะไปไหน”
“ถ้าพ่อเลี้ยงจะคุยก็เปิดประตูไว้เถอะค่ะ”
เมธัสยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วถามออกมาตรงๆ
“เธออยากให้คนอื่น รู้เรื่องที่เธอนอนกับฉันหรือไง”
“พ่อเลี้ยง...”
“ถ้าไม่อยากก็อยู่เฉยๆ ไปนั่งลง เรามีหลายเรื่องต้องคุยกัน”