สามวันต่อมา ข้อมูลทุกอย่างประวัติโดยละเอียดของผู้ชายที่ให้เพชรไปสืบหามาก็วางที่โต๊ะทำงานของเธอ เธอไล่สายตาอ่านอย่างละเอียดทุกบรรทัด ‘อธิป สิงห์คะนอง หรืออ้วน’ วัย 33 ปี เป็นจิตรกรหนุ่มจนๆ ที่วาดรูปที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา สถานะยังโสด เป็นผู้ชายเอาการเอางาน ขยัน เพราะต้องดูแลน้องสาวที่ป่วยเป็นเบาหวานและโรคหัวใจเรื้อรังตั้งแต่เด็ก ส่วนครอบครัวพ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตั้งแต่ที่เขาอายุ 18 ปี ชายหนุ่มจึงต้องรับภาระหน้าที่หนักดูแลน้องสาวคนเดียวที่ไม่แข็งแรงอย่าง ‘ธีรภรณ์’ วัย 18 ปี และตอนนี้อาการของน้องสาวชายหนุ่มก็ทรุดหนักต้องได้รับการผ่าตัดหัวใจด่วน แต่ก็ยังไม่ได้รับการผ่าตัด เพราะชายหนุ่มยังหาเงินไม่ได้
เมื่ออ่านประวัติของเป้าหมายและอนาคตพ่อของลูกน้อยแล้ว ปากสวยรูปกระจับก็ยกยิ้มแล้วลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพายกับไหล่ตัวเองด้วยท่าทางมาดมั่นแล้วเดินไปยังประตูห้องออกไปก็เจอกับเพชร บอดี้การ์ดคู่ใจที่พ่วงตำแหน่งเลขาหน้าห้องตัวเองด้วย
“พี่ไดมอนด์ไปกันค่ะ”
“ทำไมรีบกลับจังคะคุณหนู” เมื่อมองแล้วมีกันสองคน เพชรจึงเอ่ยใส่จริตหญิงกับเจ้านายของตนเอง
“ก็วันนี้หมวยจะไปทำความรู้จักผัวหมวยสักหน่อยค่ะ อีกอย่างอยากให้เขาวาดรูปให้ด้วย อยากไปใช้บริการว่าที่พ่อของลูก”
เธอตอบอย่างคนมีแผน จริงๆ มีแผนอยู่ในหัวแล้ว หากอธิปไม่เล่นด้วย เธอก็มีแผนสองที่จะจัดการรวบรัดอีกฝ่ายให้ตกเป็นของตัวเองได้ไม่ยาก อย่างไรเสียเขาก็ต้องยอมแน่นอน เพราะเขากำลังลำบาก น้องสาวของเขากำลังต้องการเงิน แน่นอนเวลาแบบนี้มีแค่เธอเท่านั้นจะช่วยจิตรกรหนุ่มมาดเซอร์ ผมยาว หน้าหวานได้
เมื่อมันเป็นคำสั่ง เพชรก็ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่างรู้ดีว่าลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวต้องการอะไรแล้วต้องได้ครอบครอง ครั้งนี้เพชรมองเห็นความวุ่นวายที่จะตามมาในอีกไม่ช้านี้แน่นอน ชายใจหญิงลุกขึ้นขยับเสื้อสูทของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินเคียงคู่คุณหนูไปยังลิฟต์โดยสารทันที
อธิปจัดร้านขนาดเล็กเหมือนทุกวันและรอลูกค้าที่สนใจอยากวาดรูปเข้ามาในร้านเล็กๆ ของตัวเองที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ส่วนมากลูกค้าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่พักนี้โควิดระบาดหนักทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนก่อน และการเงินก็ขาดสภาพคล่อง ยิ่งไปกว่านั้นน้องสาวก็อาการทรุดหนักต้องใช้เงินผ่าตัดสามแสนแล้วเขาจะเอามาจากไหน ชายหนุ่มได้แต่นั่งเครียด เศร้ากับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาแบบไม่ให้ได้หยุดพักหายใจ
เฮ้อ!
เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่เรียนจบแค่มัธยมปลายและยังดีที่โชคชะตาไม่ได้ใจร้ายยังประทานพรสวรรค์ด้านการวาดรูปให้จึงได้วาดรูปหาเลี้ยงตัวเองกับน้องสาวจนมาถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป เขาก็ต้องรับหน้าที่พี่ชายเต็มตัว ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตในแต่ละวันของตัวเองและน้องสาวรอด โชคดีที่มีบ้านเช่าราคาถูกในสลัมไว้ซุกหัวนอน
“สนใจจะวาดรูปค่ะ” น้ำเสียงเล็กดังขึ้นดึงจิตรกรหนุ่มออกจากภวังค์ความคิด
“สนใจวาดแบบไหนครับคุณลูกค้า” ชายหนุ่มขยับหน้ากากอนามัยที่ปิดหน้าตัวเองเล็กน้อยพร้อมลุกขึ้นมาต้อนรับลูกค้าที่อยู่หน้าร้านตัวเองที่เป็นล็อกเต็นท์เล็กๆ ที่เขาเช่าเป็นประจำในการเปิดร้านวาดรูป
“แล้ววาดแบบไหนได้บ้างคะ” เธอจ้องมองดวงตาหวานทรงเสน่ห์ของหนุ่มผมยาวตรงหน้า แม้ว่าจะมีหน้ากากอนามัยปิดปากก็ไม่อาจลดความน่ามองลงได้เลยสักนิดและการจ้องมองของวันพุธก็ทำให้เพชรต้องสะกิดดึงสติคุณหนูกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะตอนนี้พ่อหนุ่มหล่อกำลังรู้สึกเขินอายกับสายตาของคุณหนูตัวเอง
“อะไรกันพี่ไดมอนด์”
เธอสะบัดแขนตัวเองข้างที่เพชรสะกิดพร้อมหันมาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจจนเพชรต้องก้มหน้าลงมาเอ่ยกระซิบให้ได้ยินกันสองคนว่า ‘เบาได้เบาคุณหนู เดี๋ยวเหยื่อกลัว’ และนั่นแหละทำให้เธอได้มองดวงตาหวานคู่สวยของชายหนุ่มก็ได้เห็นความเขินอายจากสายตาของเขา
“ว่ายังไงคะ วาดแบบไหนได้บ้างคะ”
เธอเปลี่ยนเสียงเป็นเรียบนิ่งปกติเหมือนก่อนหน้านี้ ทำกับว่าตัวเองไม่ได้มองชายหนุ่มแบบกลืนกินทางสายตา
“ตัวอย่างนะครับคุณลูกค้า” น้ำเสียงสุภาพเอ่ยขึ้นพร้อมชี้มือเชิญชวนให้ดูภาพที่ตนเองแขวนไว้ให้ลูกค้าดูเป็นตัวอย่างงานในร้าน
อืม!
มือเล็กยกขึ้นคลึงปลายคางเล็กสวยได้รูปที่มีหน้ากากอนามัยปิดหน้าอยู่แล้วทำท่าสนใจเดินดูตัวอย่างงานตามคำแนะนำของชายหนุ่ม คนอะไรหน้าตาก็ดี ตาก็หวาน เสียงก็เพราะหวานอีก เธอเดินฟังเพลินๆ แล้วก็ต้องหยุดนิ่งกับรูปวาดหนึ่งรูปที่เป็นรูปสีน้ำ เป็นรูปตอนกลางคืนและมีเด็กชายกับเด็กหญิงทั้งสองยืนโอบกอดกันอยู่ในรูป มองแล้วมันเศร้าจนเธอรับรู้ได้ว่าเจ้าของรูปต้องการสื่ออะไรผ่านภาพนี้
“รูปนี้ขายไหมคะ?” เธอถามเพราะรู้สึกชอบรูปตรงหน้าเหลือเกิน
“รูปนี้ผมมะ...ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! ขอโทษนะครับ ผมขอรับสายนี้ก่อนนะครับ”
เมื่อเสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ราคาถูกที่คุณสมบัติมีเพียงแค่โทรเข้าโทรออกเท่านั้นสั่นเตือน เขาก็รีบล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดเก่าเซอร์ๆ ของตัวเองออกมาดู พอเห็นว่าเป็นเบอร์จากทางโรงพยาบาล เขาก็เอ่ยขออนุญาตลูกค้าทันที
“ตามสบายค่ะ” เธอเห็นแววตาที่วูบไหวไม่มั่นคงของชายหนุ่มก็อนุญาตทันที แม้จะรู้ดีว่าเขาเอ่ยขอเป็นมารยาท
“ขอบคุณครับ” แล้วอธิปก็กดรับสายแล้วเดินไปยังมุมของเต็นท์แคบๆ ของตัวเองเพื่อพูดคุยกับปลายสาย
“ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” แล้วก็กดวางสายแล้วหันมาทางลูกค้าคนแรกของร้านทันที
“ผมขอโทษนะครับ วันนี้ผมมีธุระสำคัญต้องรีบไป เห็นทีจะต้องปิดร้านครับ” เขาบอกเธอ
“เรื่องอะไรเหรอคะ ทำไมดูตกใจแบบนั้น”
คุณหนูคนสวยถามอย่างลืมตัว ลืมไปว่าตัวเองกับชายหนุ่มไม่ได้เป็นอะไรกัน และอธิปเองก็ตอบทันควันด้วยความร้อนรนใจ
“น้องสาวผมช็อกครับ”
เขาตอบสั้นๆ แล้วเดินไปร้านขายเสื้อผ้าล็อกข้างๆ ทันที เพราะถ้ามัวเก็บของคงไปไม่ทัน หากว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายจะได้สั่งลาน้องสาว เพราะหมอบอกว่าตอนนี้น้องสาวเขาหมดสติไปอีกแล้ว จึงต้องฝากร้านให้เพื่อนร้านขายเสื้อผ้าข้างๆ เก็บให้ ซึ่งก็เป็นแบบนี้ประจำ
เมื่อได้ยินแบบนั้น วันพุธก็หันมาสั่งบอดี้การ์ดคู่ใจของตัวเองให้ไปเตรียมรถทันที พอเขาเดินไปร้านข้างๆ กลับมาหยิบกระเป๋าสะพายในร้านแล้วเธอก็เอ่ยกับชายหนุ่มทันที
“ให้ฉันไปส่งไหมคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณนะครับ” แล้วเขาก็เดินจากไปทันทีด้วยการสาวเท้ายาวๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง แน่นอนว่าคนอย่างวันพุธมีหรือจะยอมรับคำปฏิเสธ เธอถอดรองเท้าส้นสูงสามนิ้วของตัวเองออกแล้ววิ่งตามชายหนุ่มไปทันที พอตามไปถึงก็ฉวยโอกาสคว้าข้อมือหนาแล้วฉุดดึงกระชากไปทางลานจอดรถที่รถยนต์ตัวเองจอดอยู่
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ ผมรีบ” เขาสะบัดแขนออกจากอุ้งมือเล็กของเธอ
“รู้ว่ารีบค่ะ ไปรถฉันเถอะ สะดวกกว่า เวลานี้มันหารถยากนะคะคุณ” เธอบอกเขาแล้วจับแขนเขาดึงลากบังคับวิ่งไปยังรถยนต์ตัวเองที่ตอนนี้เพชรได้ติดเครื่องยนต์รอท่าอยู่ก่อนแล้ว และอธิปก็สุดจะค้าน เพราะเวลานี้หารถยากจริงๆ แถมตอนนี้ไปช้าไม่ได้แล้ว เขาต้องรีบไป ธีรภรณ์กำลังรอเขาอยู่