หลังจากที่สงครามจบลงโดยที่เหล่ามารร้ายเป็นฝ่ายถอยทัพ 'อวี๋ซีหยวน' ก็กลับมายังสำนักจื่อเฟิ่ง
ร่างสูงโปร่งดูภูมิฐานของชายวัยกลางคนเดินเข้าไปยังห้องของตนพลางขบคิดในใจ เขาจะบอกเด็กน้อยข้างในอย่างไรดีว่าบิดาของเธอนั้นเสียแล้วแถมมารดายังหายไปอีกต่างหาก...
แอ๊ด~
เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้เยว่เหยียนตกใจเล็กน้อย ตาดอกท้อมองคนที่เดินเข้ามาด้วยใจที่ลุ้นระทึก
เยว่เหยียนหวังว่าอย่างน้อยๆก็ขอให้บิดามารดาเธอรอดจากสงครามบ้าๆนี่
'ได้โปรด..' เยว่เหยียนคิดในใจแต่แล้วสวรรค์กลับไม่เห็นใจเมื่ออวี๋ซีหยวนเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง…
เมื่อเล่าจบซีหยวนเองก็มองดูเด็กน้อยด้วยความสงสารช่างเหมือนเหลือเกิน...เหมือนคนที่เขาผูกใจรัก ตาคมวูบไหวหม่นแสงลงเมื่อนึกถึงมารดาของเด็กคนนี้
ด้านเยว่เหยียนเองเรียกได้ว่าเหม่อลอยขึ้นสุดเมื่อได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด
น้ำสีใสไหลรินออกมาอย่างช้าๆจากตาดอกท้อแบบห้ามไม่อยู่เมื่อได้ทราบข่าวว่าบิดามารดาของเธอนั้นไม่อยู่แล้ว..
'ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน...' เยว่เหยียนขบคิดในใจแบบเศร้าโศก แม้ว่าเธอจะรู้เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่แล้วก็เถอะ แต่เธอก็แค่หวังว่าอย่างน้อยๆก็ขอให้บิดากับมารดาเธอยังคงปลอดภัยไม่ล้มหายตายจากแบบในเนื้อหาก็พอ...
ถึงแม้ว่าเยว่เหยียนเองเพิ่งจะอยู่กับบิดามารดาคนใหม่ในโลกนี้ได้เพียงสามปีเท่านั้นแต่เธอก็รู้สึกรักและผูกพันกับพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างมาก..
บิดามารดาที่เลี้ยงดูเธอด้วยความรักและความอบอุ่นในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา..ซึ่งความรู้สึกแบบนี้เธอในโลกเดิมนั้นไม่เคยได้สัมผัสเลยมันเลยสักครั้ง
เพราะในโลกเดิมเยว่เหยียนเองเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งเพียงเท่านั้น..
'แต่..เอ๊ะเดี๋ยวก่อนนะ มันมีเนื้อหาที่เปลี่ยนไปนี่นา?!'หลังจากที่เยว่เหยียนเศร้าโศกอยู่กับตนเองได้สักพักก็ได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเนื้อหาในบางจุดในนิยายกับในชีวิตจริงของเธอในตอนนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมารดาของเธอนั้นหายสาบสูญแทนการถูกพิษแล้วตาย!
เยว่เหยียนเริ่มขบคิดกับตนเองในใจและได้เตือนสติตัวเองว่า 'นี่มันชีวิตจริงและจะต้องไม่ใช่ในนิยายอีกต่อไปฉันจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของฉันเอง!'
ส่วนเรื่องแม่ที่หายไปนั้นเยว่เหยียนคิดว่าหากไม่พบศพคือยังมีชีวิต!! โดยเธอหวังว่ามารดานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ในที่ไหนสักแห่ง...
โดยเยว่เหยียนเองในตอนนี้ตั้งปฏิญาณตนไว้ว่าสักวันหนึ่งหากเธอแข็งแกร่งพอเธอจะต้องออกตามหามารดาของเธอให้พบไม่ว่ามารดาเธอนั้นจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตอยู่ก็ตาม..
ซีหยวนมองดูเด็กน้อยที่ร้องไห้อยู่กับตนเองแบบเงียบๆด้วยความรู้สึกสงสารในใจแต่เขาก็ต้องเปลี่ยนมาตกใจแทนเมื่อจู่ๆเด็กตรงหน้าก็ทรุดตัวลงคุกเข่าแลก้มหัวคารวะตน..
"ท่านลุงได้โปรดรับเยว่เหยียนเป็นศิษย์ด้วยนะเจ้าคะ" เหว่เหยียนก้มหน้าคารวะอวี๋ซีหยวน
ซีหยวนในนิยายนั้นเป็นเจ้าสำนักที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้า เหล่าศิษย์เอกของเขาล้วนได้เป็นเซียนที่มีชื่อเสียงและโด่งดังในเรื่องวรยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นเยว่เหยียนจึงตัดสินใจว่าเธอจะต้องศึกษาวิชาให้แข็งแกร่งเพื่ออนาคตของตัวเธอเองบ้าง!
"ได้สิ เหยียนเอ๋อร์ ต่อไปเรียกลุงว่าอาจารย์ลุงนะ" อวี๋ซีหยวนเองรู้สึกเอ็นดูเยว่เหยียนไม่น้อยเพราะหน้าเหมือนคนที่ตนนั้นแอบรัก ในคราแรกเขากะว่าจะรับเลี้ยงดูเยว่เหยียนเป็นลูกสาวบุญธรรมด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวดันมาขอเขาเป็นศิษย์เสียนี่
"เยว่เหยียนขอบพระคุณเจ้าค่ะอาจารย์ลุง" เยว่เหยียนยืนขึ้นแล้วย่อคำนับอีกครั้ง
ซีหยวนมองเด็กตรงหน้าแบบชอบใจ
'ไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ไม่ฟูมฟายหรือทำตัวมีปัญหา อายุนางเพียงแค่สามหนาวช่างรู้ความยิ่งนัก! สมกับเป็นลูกของคนที่ข้าเคยแอบรัก ดี ดี ดี' ซีหยวนคิดในใจ
"เหยียนเอ๋อร์เจ้าตามอาจารย์ลุงมาเถิด ข้านั้นได้ให้คนเตรียมห้องไว้ให้เจ้าแล้ว"
"เจ้าค่ะ" เยว่เหยียนทำตามแบบว่าง่าย
'ไหนๆ ฉันก็เกิดใหม่ทั้งทีแล้วก็ควรใช้ชีวิตให้คุ้มค่าต่อไปสิ! ฉันจะไม่ยอมทำตามเนื้อเรื่องเดิมในนิยายหรอกนะ!!ใครมันจะบ้าไปตามรอยเดิมกัน?!'
'อืมม...แล้วพระเอกล่ะ?'เยว่เหยียนครุ่นคิดในใจว่าเธอควรทำอย่างไรต่อดีหลังจากนี้...
อืม...ควรผูกมิตรหรือทำเป็นเฉยชาไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่กับพระเอกดีนะ?!