“พี่ขอโทษครับ” เขาลืมไปว่าเธอไม่ได้สวมชั้นใน และเสื้อผ้าที่เอามาให้ ก็ไม่มีชุดชั้นในเพราะอาภรณ์พวกนั้นเป็นของส่วนตัวที่เขาไม่ได้หยิบมาให้เธอด้วยและไซซ์กับขนาดของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
“ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ” ปิ่นแก้วเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยความขัดเขิน ดีที่เขานำเสื้อยืดสีขาวตัวโตกับกางเกงผ้าเนื้อนิ่มมาให้เธอสวมเลยไม่รัดหน้าอกจนมองเห็นชัดเจนว่าเธอไม่ได้สวมใส่ชุดชั้นใน ปิ่นแก้วเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไว้ใจตฤณนัก อาจเพราะเขาไม่ใช่คนน่ากลัวและลามกก็เป็นได้
บรรยากาศด้านล่างนั้นยังอาศัยแสงสว่างจากเทียนไขเล่มโตที่จุดอยู่รอบบ้าน ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าเหมือนด้านบน
“พี่สองจะทำอะไรคะ”
“เปิดไฟครับ”
“เปิดทำไมคะ”
“ไม่แน่ใจว่าปิ่นชอบบรรยากาศแบบนี้ไหม กลัวจะรับประทานอาหารไม่สะดวกน่ะครับ”
“แบบนี้ดีแล้วค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขา ดึงมือเขาพาไปที่โต๊ะอาหาร ตฤณมองมือนิ่มของเธอแล้วตาลอย ตกไปอยู่ในห้วงเสน่หาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะ”
“น่าจะเย็นชืดไปแล้วนะครับ เพราะพี่จัดเอาไว้ก่อนไปรับปิ่น อุ่นสักหน่อยไหม” เขาเอ่ยถามเพราะกว่าจะถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองทุ่มเข้าไปแล้ว
“งั้นเดี๋ยวปิ่นช่วยอุ่นกับข้าวนะคะ”
“ครับ” ตฤณรับคำก่อนจะลำเลียงอาหารไปอุ่น เข้าไมโครเวฟบ้างอุ่นกับกระทะบ้าง
“พี่สองคะ”
“ครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
“ขอบคุณพี่เรื่องอะไรครับ”
“ก็ที่พี่สองอุตส่าห์ทำอาหารให้ปิ่นยังไงคะ ของโปรดปิ่นทั้งนั้นเลย นอกจากพี่ชายทั้งสามของปิ่นแล้ว ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้ปิ่นแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ” เธอขอบคุณเขาจากใจ
“พี่แค่อยากดูแลปิ่นน่ะครับ” ตฤณขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะค่อยๆ วางมือบนศีรษะของเธอ ลูบไล้เบาๆ และเลื่อนลงมาที่แก้มสาวเนียนละเอียด
“ดูแลปิ่นในฐานะอะไรคะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามแล้วแทบกลั้นใจกับการรอฟังคำตอบ ลมหายใจของเธอติดๆ ขัดๆ ด้วยความตื่นเต้น
“ก็พี่เคยบอกไปแล้วยังไงครับว่าพี่จะจีบปิ่น ปิ่นกินขนมจีบของพี่แล้วก็ต้องให้พี่จีบนะครับ” เขาขยับใบหน้าเข้าไปกระซิบบอกเธอตรงริมหู ลมหายใจร้อนๆ ทำเอาปิ่นแก้วหัวใจเต้นโครมคราม มองสบตาเขาอย่างลึกซึ้ง
“ก็ให้จีบอยู่นี่ไงคะ” เธอตอบเขาแล้วยิ้มเขินหน้าแดงซ่าน
“ถ้าให้พี่จีบแล้ว พี่จะจีบไปจนแก่เฒ่าเลยนะครับ จะยอมให้จีบทุกวันไหมครับ” เขาจ้องตาเธอ ปิ่นแก้วก้มงุดในขณะที่ตฤณยื่นมือหนามากุมมือนิ่มของเธอเอาไว้ “ว่ายังไงครับ จะยอมให้จีบตลอดชีวิตหรือเปล่า”
“ถ้าต้องจีบกันตลอดชีวิตจริงๆ ก็เป็นได้แค่แฟนน่ะสิคะ”
“ใครบอกกันล่ะครับ ถ้าเป็นภรรยาก็จีบได้นะ” เขาบอกแล้วอมยิ้ม
“พี่สองคะ”
“ครับ”
“กลิ่นไหม้ค่ะ” เธอบอกเขา ตฤณรีบเข้าไปปิดเตาไฟฟ้าแทบจะทันที เมื่อกุ้งชุบแป้งทอดที่หย่อนลงกระทะเพื่ออุ่นใหม่ไหม้ไปเกินกว่าครึ่ง ทั้งสอง มองหน้ากันก่อนจะหัวเราะประสานเสียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ยังมีอาหารอีกหลายอย่างค่ะ วันนี้พี่สองทำอาหารเยอะแยะเลยค่ะ รับประกันว่ายังไงก็ไม่หมดหรอกค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ ทั้งสองช่วยกันอุ่นกับข้าวจนเสร็จ ปิ่นแก้วมองผู้ชายตัวโตอบอุ่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ทำโน่นทำนี่อย่างไม่เกี่ยงงอนแล้วรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา
“ซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทยดำของพี่สองอร่อยมากเลยนะคะ”
“อยากทำให้กินทุกวันเลยครับ” เขามองสบตาเธอท่ามกลางแสงเทียน
“ปิ่นก็อยากกินฝีมือทำอาหารของพี่สองทุกวันเหมือนกันค่ะ”
“ปิ่นครับ”
“คะ” เธอขานรับเป็นเชิงถามขณะมองหน้าเขา
“ถ้าอยากกินฝีมือของพี่ อย่างแรกก็ต้องเป็นแฟนกับพี่ก่อนนะครับ”
“ขอกันดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอคะ”
“ได้โปรดเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ” เขาเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า เธอไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายมาคุกเข่าขอเป็นแฟนมาก่อน
“ทำไมถึงชอบปิ่นล่ะคะ”
“ก็ชอบตั้งหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปิ่นเรียนอยู่มัธยมปลาย เด็กใจบุญ ชอบเอาอาหารไปให้สุนัขจรจัด”
“ยอมเป็นแฟนพี่สองก็ได้ค่ะ แต่...”
“แต่อะไรครับ” คนเอ่ยถามยิ้มกว้างเพราะสมหวังในสิ่งที่ขอ
“ต้องพาไปออกกำลังกายด้วยนะคะ เพราะว่าถ้าเป็นแฟนพี่สองต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ เลยค่ะ คนอะไรทำกับข้าวก็อร่อย ทำขนมก็อร่อย”
“สัญญาครับ ตอนเช้าจะพาไปจ๊อกกิ้งทุกวัน แต่ถ้าวันไหนไม่ว่างจะบอกล่วงหน้า” เขายื่นนิ้วก้อยให้เธอเกี่ยว ปิ่นแก้วยื่นมือไปเกี่ยวก้อยกับเขาแล้วอมยิ้มจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ฝนเทลงมาพร้อมกับเสียงฟ้าคำรามดังสนั่นไปทั่ว
เสียงฟ้าร้องทำให้ปิ่นแก้วสะดุ้งลุกจากเก้าอี้สะดุดขาตัวเองล้มลงบน ร่างของตฤณแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ว้าย!” เธอร้องก่อนจะปิดตาตัวสั่น
“กลัวเสียงฟ้าร้องเหรอครับ” ตฤณเอ่ยถามคนในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธอเอาไว้ก่อนจะโยกร่างน้อยไปมา
“กลัวมากๆ ค่ะ” เธอตอบเขาเสียงสั่นๆ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยในอ้อมแขนของเขา
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ จะอยู่ใกล้ๆ ไม่ไปไหน” เขากดศีรษะของเธอแนบกับอกกว้าง ลูบผมนุ่มสลวยไปมา ปิ่นแก้วค่อยๆ โอบกอดเอวหนาของเขาเอาไว้ขณะซบอกกว้าง ความอบอุ่นที่ได้รับรู้ ทำให้เธอหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขในอ้อมแขนแข็งแรงนั้น
“พี่สองคะ”
“ครับ”
“ขอจูบพี่สองได้ไหมคะ” เธอผละออกจากอกเมื่อเสียงฟ้าหยุดร้องลง เงยหน้าถามเขาเสียงหวาน
“จูบได้ครับ พี่ไม่หวงเนื้อหวงตัวกับปิ่นหรอกครับ” เขาตอบเสียงแหบพร่า มือน้อยของปิ่นแก้วค่อยๆ ลูบไล้แก้มสากของเขาอย่างเบามือ ก่อนที่เธอจะขยับใบหน้าขึ้นไปจุ๊บปากหนาของเขาเบาๆ
ตฤณเลื่อนมือไปลูบไล้ท้ายทอยของเธอเบาๆ ก่อนจะแนบปากร้อนลง ไปหา บดคลึงเคล้าริมฝีปากอวบอิ่มเบาๆ เธอเผยอปากให้เขาดูดเม้มริมฝีปากทั้งด้านบนและด้านล่าง แล้วขยับลิ้นออกมาสัมผัสกับปลายลิ้นร้อนของเขาที่สอดแทรกเข้ามาภายใน
ความรู้สึกยามเมื่อลิ้นเสียดสีสัมผัสเข้าหากันให้ความอ่อนหวานละมุนละไมวาบหวามและซาบซ่านหัวใจ
“พี่อยากทำมากกว่านี้ แต่รอให้แต่งงานกันก่อนนะครับ ถ้าเกิดวันใด วันหนึ่งปิ่นไม่อยากแต่งงานกับพี่ขึ้นมา เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่จะได้ไม่เสียใจที่ทำอะไรเกินเลยกับพี่ไป” ปิ่นแก้วยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนั้นของเขา
“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นเขาไม่ยอมปล่อยปิ่นไปหรอกค่ะ โดนยั่วขนาดนี้”
เธอลูบไล้แผงอกกว้างแสนอบอุ่นของเขาไปมา ตฤณตะครุบมือน้อยเอาไว้ก่อนจะนำมาจุมพิตเบาๆ
“ยั่วพี่เหรอครับ”
“เปล่าค่ะ แค่อยากรู้ว่าพี่สองเป็นคนดีอย่างที่ปิ่นคิดจริงๆ หรือเปล่า”
“ถ้าพี่ไม่ดีล่ะครับ จะทำยังไง”
“ปิ่นก็จะควักเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจี้พี่น่ะสิคะ” เธอล้วงมันออกมา ตฤณถึงกับสะดุ้งในความแสบของเธอ ปิ่นแก้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเย้าเขาออกไป
“นี่ชาร์จไฟมาเต็มเลยนะคะ”
“พี่ชักกลัวแล้วละครับ”
“ปิ่นไม่ยอมเสียจิ้นให้ใครง่ายๆ หรอกค่ะ” ตฤณได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆ
“ดีแล้วครับ ถ้าเจอคนไม่ดีจะได้ระวังตัว พี่ขอแนะนำสเปรย์พริกไทยอีกอย่างหนึ่งครับ รับรองว่าปลอดภัยหายห่วง ฉีดเข้าไปที่ตา ตาอาจจะบอดเลยครับ มันจะได้เลิกหื่น” เธอหัวเราะขำก๊ากกับประโยคของเขา
“ปิ่นรักพี่สองจังเลยค่ะ แม้เราจะเพิ่งได้คุยกันแบบจริงจังไม่นาน แต่ปิ่นรู้สึกว่าเหมือนเรารู้จักกันมานานแสนนานแล้ว” เธอซบอกเขาหลังจากที่วางเครื่องช็อตไฟฟ้าไปอีกด้าน อ้อมแขนของเธอโอบกอดเอวหนาของเขาเอาไว้คล้ายออดอ้อน
“พี่ก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันครับ” เขาตอบเธอด้วยรอยยิ้ม จุมพิตกลุ่มผมนุ่มสลวยของเธอเบาๆ
“พี่สองเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเรื่องเนื้อคู่ไหมคะ”
“เคยได้ยินนะครับ น่าจะมีอยู่จริง เจอกันแล้วรู้สึกถูกชะตา คุยกันแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข”
“ปิ่นน่ะรู้สึกแบบนั้นกับพี่สองนะคะ” เธอเงยหน้ามองเขาก่อนจะอดใจ ไม่ไหวจุ๊บปลายคางของเขาเบาๆ
“พี่ก็รู้สึกแบบนั้นครับ เกิดมาพี่ไม่เคยมีแฟนเลยนะ ไม่เคยจีบผู้หญิงคนไหนมาก่อน ปิ่นเป็นคนแรก”
“ดีจัง แสดงว่าพี่สองยังเวอร์จิ้นอยู่”