1
“คุณหมอช่วยมันด้วยครับ มันโดนรถชน” ตฤณรีบอุ้มสุนัขบาดเจ็บที่โดนรถชนเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งอย่างรีบร้อน
“ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวหมอจะช่วยมันเองค่ะ” เสียงหวานใสก้องกังวลของปิ่นแก้วทำให้ตฤณเงยหน้าจากร่างโชกเลือดของเจ้าสุนัขจรจัดเพื่อมองสัตวแพทย์สาว
ตฤณยืนมองร่างอรชรที่สั่งให้เจ้าหน้าที่รีบพาสุนัขบาดเจ็บเข้าห้องไปด้วยหัวใจเต้นถี่กระชั้น เขาจำเธอได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ชอบเอาอาหารไปให้สุนัขจรจัดหิวโหยน่าสงสารที่โดนทิ้งอยู่ข้างถนน
ตฤณนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องรักษาสัตว์ เขามองบรรยากาศโดยรอบของโรงพยาบาลสัตว์อย่างคุ้นเคย เนื่องจากเขาพาสุนัขและแมวจรจัดมารักษาที่นี่บ่อยๆ
“มันปลอดภัยแล้วนะคะ” เสียงหวานใส เจ้าของใบหน้ารูปไข่หวานละมุนทำให้ตฤณหลุดจากภวังค์ความคิด เขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้สลับกับเดินไปมาด้วยความร้อนใจ ด้วยรู้สึกว่ามันนานเหลือเกินกับการเอาใจช่วยให้ชีวิตหนึ่งรอดพ้นความตามไปได้
“ขอบคุณมากครับ” ตฤณยืนขึ้นเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขายิ้มกว้างให้สัตวแพทย์สาวในทันทีที่ได้ยินเรื่องน่ายินดีนี้
“แต่มันต้องนอนพักรักษาตัวสักระยะก่อนนะคะ” ปิ่นแก้วบอกชายหนุ่มตรงหน้า
“ผมตฤณครับ เรียกสั้นๆ ว่าสองก็ได้” เขาแนะนำตัวเองยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ค่ะคุณสอง ฉันชื่อปิ่นแก้วค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าปิ่นก็ได้ค่ะ” เธอยิ้มตอบเขากลับไป ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้กันล่ะ ผู้ชายใจดีคนนั้น เธอเคยเห็นเขาเอาอาหารไปให้สุนัขจรจัดบ่อยๆ แต่น่าแปลกที่เธอกับเขาไม่เคยได้คุยกันเลยสักครั้ง เธอเห็นเขาแค่ไกลๆ ตอนที่เขากำลังจะจากไป
“ผมขอไปเยี่ยมมันหน่อยได้ไหมครับ” ตฤณบอกหญิงสาวตรงหน้า
“ได้สิคะ มันหลับอยู่น่ะค่ะ”
“มันโดนรถชนครับ ถ้าไม่พามารักษาคงพิการเดินลากขาเหมือนสุนัขบางตัว”
“น่าสงสารจังเลยนะคะ แสดงว่ามันเป็นสุนัขจรจัดใช่ไหมคะ”
“ครับ” ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าเตียงสุนัขสีดำผ่ายผอม
“คุณตั้งชื่อมันหรือยังคะ” เธอเอ่ยถาม เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ยังครับ เราเพิ่งเจอกันก่อนหน้านี้ไม่นานครับ หมายถึงผมเจอมัน ตอนโดนรถชนแล้ว”
“งั้นเรามาตั้งชื่อมันกันดีไหมคะ” ปิ่นแก้วพูดยิ้มๆ
“ชื่ออะไรดีครับ” เขาเหลือบมองสัตวแพทย์สาว เธอมีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรโดยประมาณ ผิวของเธอขาวอมชมพู ปากอวบอิ่ม คิ้วเรียวสวย แก้มเนียนใสไร้ไฝฝ้าจุดด่างดำ ผมของเธอดำขลับมัดเป็นหางม้าอยู่ด้านหลัง ดวงตาเรียวสวยรับกับคิ้ว จมูกโด่งเล็ก หน้าผากนูนเกลี้ยง เขามองเธอพูดอย่างเพลินตา มองปากสวยที่ขยับขึ้นลงไปมาแล้วเผลอแตะลิ้นเลีย ริมฝีปากเบาๆ ปากน่าจูบจัง...
“คุณสองคะ คุณสอง”
“ครับ” ตฤณหลุดจากภวังค์ความคิดอันแสนสับสนวุ่นวายของตัวเอง หัวใจของเขาสั่นไหวรุนแรง
“ปิ่นถามว่าให้ชื่อเจ้าดำดีไหมคะ มันตัวดำ” เธอพูดติดตลก
“ดีครับ”
“ต้องพักรักษาตัวอีกหลายวันนะคะ คุณสองโอเคไหมคะ”
“โอเคครับ ค่ารักษาพยาบาลผมจะรับผิดชอบทั้งหมดนะครับ”
“ทางโรงพยาบาลจะลดให้พิเศษนะคะ กรณีที่สุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขจรจัดและถูกคนใจบุญช่วยเอาไว้”
“ดีจังครับ”
“โรงพยาบาลที่นี่ปิ่นกับพี่ชายช่วยกันสร้างขึ้นมาน่ะค่ะ เราชอบเลี้ยงสัตว์และรักสัตว์ เลยอยากเป็นหมอรักษาสัตว์กันตั้งแต่เด็ก”
“แสดงว่าครอบครัวของคุณเป็นหมอรักษาสัตว์กันหมดเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ปิ่นมีพี่ชายอีกสามคน ปิ่นเป็นลูกคนเล็กน่ะค่ะ”
“ดีจังครับ”
“ฝนตกหนักเลยนะคะ คุณสองมีร่มไหมคะ” เธอเอ่ยถาม ตฤณส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีร่มครับ”
“งั้นเอาร่มของปิ่นไปก่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ... ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณปิ่นเอาไว้ได้ไหมครับ คือเอาไว้สอบถามอาการของเจ้าดำน่ะครับ” คนเอ่ยขอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ้มเขินเพราะใจเขาแอบอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอจากสาเหตุอื่น
“ได้สิคะ เดี๋ยวเอาไลน์ของปิ่นไปด้วยนะคะ แล้วก็ของโรงพยาบาลด้วย”
“ผมมีไลน์และเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลแล้วครับ เพราะว่าผมเป็นลูกค้าประจำของที่นี่”
“จริงเหรอคะ ปิ่นเพิ่งเรียนจบมาทำงานน่ะค่ะ แสดงว่าพี่ๆ ของปิ่นก็ต้องรู้จักคุณสองสิคะ”
“ก็คิดว่าแบบนั้นครับ แต่มีลูกค้าเยอะ ผมอาจจะไม่เป็นที่จดจำก็ได้ นะครับ”
“คุณสองเป็นที่จดจำค่ะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“ก็คุณสองใจบุญ” เธอยิ้มหวานให้เขา ตฤณถึงกับยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเพราะเขิน
“รถคุณสองจอดอยู่ที่ไหนคะ”
“ตรงโน้นครับ” เขาชี้ไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ของตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ “ผมมาส่งขนมและดอกไม้น่ะครับ”
“คุณเปิดร้านขนมกับร้านดอกไม้ด้วยเหรอคะ” ปิ่นแก้วถามอย่างสนใจไม่น้อย
“ผมเป็นลูกน้องพี่สาวน่ะครับ ช่วยพี่สาวทำงาน เรามีกันอยู่สองคนพี่น้อง” เขาบอกเธอขณะเดินออกมานอกห้องพักฟื้นของเจ้าดำและมาหยุดอยู่ตรงหน้าโรงพยาบาลที่ตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก
“ร้านอยู่แถวไหนคะ”
“อยู่แถว...” ตฤณตอบเธอกลับไปเสียงนุ่ม
“เดี๋ยวต้องแวะไปอุดหนุนคุณสองบ้างแล้วค่ะ”
“พี่สาวของผมทำขนมอร่อยนะครับ จัดดอกไม้ก็เก่ง” ตฤณพูดแล้วยิ้ม น้ำเสียงของเขาทำให้ปิ่นแก้วรับรู้ว่าเขารักพี่สาวเป็นอันมาก
“งั้นต้องลองไปชิมแล้วค่ะ”
“ฝนเริ่มซาแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ต้องไปส่งของอีกหลายที่ ผมฝากเจ้าดำด้วยนะครับ แล้วจะแวะมาเยี่ยมมันทุกวัน ผมสัญญาครับ” ตฤณบอกหญิงสาวตรงหน้า แม้จะอยากยืนคุยอยู่กับเธออีกนานๆ แต่เขาก็ต้องไปส่งของให้ลูกค้า
“ค่ะ รับรองว่าจะดูแลเจ้าดำให้ดีเลยค่ะ” ปิ่นแก้วยิ้มละมุนให้ชายหนุ่มตรงหน้า ตฤณจึงกางร่มไปที่รถ ก่อนขึ้นรถเขาหันมายิ้มให้เธออีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นตฤณก็มาเยี่ยมเจ้าดำที่โรงพยาบาลตามที่เขาสัญญากับหญิงสาวเอาไว้ วันนี้เขาไม่เจอปิ่นแก้ว จึงฝากขนมและดอกไม้เอาไว้ให้เธอ
ปิ่นแก้วเดินเข้ามาในโรงพยาบาลช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์จึงรีบเรียกเอาไว้
“คุณหมอคะ มีคนฝากของเอาไว้ให้คุณหมอค่ะ”
“ใครกันจ๊ะ” ปิ่นแก้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ก็หนุ่มหล่อใจบุญที่อุ้มเจ้าดำมาให้รักษาเมื่อวานไงคะ” พนักงานพูดยิ้มๆ ปิ่นแก้วรับกุหลาบสีขาวช่อใหญ่และขนมคัพเค้กมาถือเอาไว้
เธอพลิกการ์ดอ่านแล้วถึงกับอมยิ้ม...
“ดอกไม้ผมจัดเองนะครับ พี่สาวบอกว่าขี้เหร่มาก ไม่รู้คุณปิ่นจะบอกว่าขี้เหร่ด้วยหรือเปล่า ส่วนคัพเค้กกล่องนี้ผมทำเองเหมือนกัน เป็นคัพเค้กกาแฟสูตรไม่ใส่ไข่ ถ้าไม่อร่อยอย่าว่ากันนะครับ ผมลงทุนไปสมัครเรียนกับพี่สาว ของผมเลยนะครับ” ปิ่นแก้วอ่านข้อความแล้วถึงกับอมยิ้ม พอเห็นพนักงานสาวทั้งสองมองมายิ้มๆ เธอก็รีบเดินหนีเข้าห้องทำงานของตัวเองในทันที
ปิ่นแก้วจัดดอกไม้ใส่แจกันเอาไว้บนโต๊ะในห้องทำงาน เธอเปิดกล่องคัพเค้กแล้วลองชิมดู รสชาติอร่อยจนต้องอมยิ้ม ก่อนที่เสียงไลน์จะดังขึ้น
-ชิมคัพเค้กของผมหรือยังครับ-
-ชิมแล้วค่ะ- เธอพิมพ์ตอบกลับไป
-รสชาติเป็นยังไงบ้างครับ- คนพิมพ์ถามแล้วนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นอกจากช่วยพี่สาวส่งดอกไม้และส่งขนมแล้วเขายังทำงานฟรีแลนซ์อีกด้วย ทั้งออกแบบปกหนังสือ วาดปกหนังสือ ซ่อม คอมพิวเตอร์ โปรโมตงาน และทำเว็บไซต์ขายดอกไม้และขนมให้พี่สาวอีกด้วย บิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วทิ้งเงินมรดกจากการค้าขายเอาไว้ให้เขาและพี่สาวคนละหนึ่งร้อยล้านบาท เขากับพี่สาวจึงมาเปิดร้านดอกไม้และขนมทำร่วมกันเป็นกิจการเล็กๆ ที่เป็นอาชีพอิสระและมีเวลาเป็นของตัวเองได้เต็มที่กว่างานประจำ
-อร่อยค่ะ- เธอตอบกลับไป ตฤณอ่านข้อความแล้วดีใจ
“น้องชายของพี่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ท่าทางพี่กำลังจะมีน้องสะใภ้แล้วสินะ” ติยากรเอ่ยแซวน้องชาย
“ยังเลยครับ ผมเพิ่งเจอเธอและได้คุยกันจริงๆ เมื่อวานนี้เอง” ตฤณตอบพี่สาว