“พี่ก็รู้ว่าน้องตรีป่วยตรีต้องหาเงิน”
“พี่รู้ตรี แต่พี่ไม่เข้าใจ งานของตรีมันรับโทรศัพท์หรือโทรติดต่อกับพี่ไม่ได้เลยเหรอ!” ปวรปรัชญ์ย้อนสีหน้าเจ็บปวด
ริมฝีปากบางสั่นระริก บอกไม่ได้เด็ดขาดว่าทำงานอะไร ถ้าหากรู้พี่ปรัชต้องรังเกียจเธอแน่ ยอมให้เข้าใจผิดยังดีเสียกว่า
“บอกพี่มาสิตรี!”
“ตรีไม่มีอะไรจะบอกค่ะ!” หญิงสาวตัดบทแล้วเดินหนี
ทว่าเรียวแขนกลับถูกคว้าไว้ ก่อนริมฝีปากจะถูกฉกฉวยอย่างรวดเร็ว มือบางยกดันแผงอกด้วยความตกใจ ปวรปรัชญ์ควานหาความหวานจนพอใจ แล้วดันร่างบางออกห่าง
เพียะ!
ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้า น้ำตาคนโดนจูบไหลริน
“ทำไมพี่ทำกับตรีแบบนี้!”
“นึกว่าพี่ไม่รู้เหรอตรี มีคนอื่นใช่ไหมถึงได้ทำเหมือนพี่เป็นหมาตัวหนึ่ง!”
“พี่ตรี!”
“พี่มันโง่เองที่ไว้ใจ สุดท้ายก็ถูกคาบไปกิน!”
“พี่ตรี ทำไมพูดจาแบบนี้ ถ้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ต่อให้พี่คิดยังไง ตรีจะไม่สนใจแล้ว!” เธอตัดบท แล้วเดินหนีทันที
ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งสูดลมหายใจเข้าปอด ทั้งที่เขารวยขนาดนี้ ว่าที่คู่หมั้นก็สวยระดับหนึ่ง หน้าตาก็พอทำให้สาวๆ เหลียวหลัง แต่ดันมาหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย โชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง
ปรินทรนั่งมองภาพถ่าย แล้วเงยมองพิชัยลูกน้องคนสนิท ก่อนเอนกายลงบนเก้าอี้ แล้วหมุนมองหน้าต่างกระจกบนตึกของบริษัท สีหน้าแววตาเครียดขึ้นทันที เมื่อรับรู้ข่าวบุตรชายเพียงคนเดียวกำลังคบหากับผู้หญิงคนหนึ่ง
“ไปสืบมาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน”
“ได้ครับคุณปริน” พิชัยรับคำเจ้านาย
เขาหวังแค่ให้ผู้หญิงคนนี้ มีฐานะที่คู่ควรกับลูกชาย ไม่เช่นนั้นเขาเองก็ไม่อาจเอามาร่วมวงตระกูลได้
สามวันต่อมา....
พิชัยนำภาพถ่ายวางไว้บนโต๊ะทำงาน ปรินทรหยิบขึ้นมาดูสีหน้าเครียดขึ้น ก่อนวางมันลงตามเดิม ลมหายใจของชายกลางคนระบายออกมา
“เธอทำงานกลางคืนเพื่อหาเงินรักษาน้องชายที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งครับ” พิชัยอธิบาย
“ฉันไม่ได้สนใจว่าจะเป็นคนดีแค่ไหน ฉันสนใจแค่ว่าผู้หญิงที่จะมารักกับลูกชาย จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีในอนาคต!”
“ครับคุณท่าน”
“ทำงานแบบนี้ แถมยังมีน้องชายป่วยอีก มีหวังได้ปลอกลอกลูกชายหมดตัวแน่!”
“แล้วคุณปรินจะทำยังไงครับ”
ปรินทรลุกยืนจัดสูท “ฉันคงต้องไปเจอผู้หญิงคนนี้สักหน่อยแล้ว”
ร่างบางก้าวลงจากเวที หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อตนเอง แล้วระบายลมหายใจ เจ๊เชอรี่ตรงเข้ามาหา เธอสบตา
“มีแขกเรียกเหรอคะเจ๊”
“ใช่แล้วจ้ะ คนนี้ต้องดูแลดีๆ นะ เขารวยสุด ทิปหนักถ้าถูกใจ”
คนฟังคลี่ยิ้ม “จริงเหรอคะ”
“จริงจ้ะ”
รมิตาสาวเท้าไปยังห้องวีไอพี ประตูเปิดออก คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นชายวัยกลางคนกำลังนั่งจิบไวน์โดยมีลูกน้องยืนขนาบกายอยู่หนึ่งคน เขาหันมาสบตาเธอ
“เชิญนั่ง” เขาบอกเสียงเข้ม
หญิงสาวหย่อนกายตรงข้าม ท่าทางผู้ชายคนนี้ดูสง่า รูปร่างดี ผิวขาว อายุอานามน่าจะราวห้าสิบกว่าๆ ดูแล้วคงเป็นคนที่รวยระดับเศรษฐี เพราะท่าทีที่เขามีต่อเธอ ไม่ได้มีความใคร่อยู่เลยแม้แต่น้อย
“ฉันพบเจอผู้หญิงมาเยอะในชีวิตนี้ สวยกว่าเธอก็เคยพบมาก่อน” เขาเปรยเสียงแผ่ว
รมิตาไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร
“เอ่อ... ฉันไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไร”
เขาวางแก้วไวน์ลง แล้วสบตาโดยตรง มันทำเอาเธอรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมา
“ฉันจะพูดเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”
คนฟังขมวดคิ้ว สีหน้าสงสัย เธอไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อนเลย
“เธอเป็นแฟนกับปรัชใช่ไหม”
คำถามนี้ทำเอาคนถูกถามชะงัก สีหน้าเครียดขึ้นทันที ริมฝีปากบางเม้มสนิท
“ค่ะใช่”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าปรัชคือใคร”
ดวงตาเรียวสวยหรี่ลงเล็กน้อย ประมวลเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หัวใจมันชาวาบขึ้นมา
“พี่ปรัชเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของฉัน เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานเดียวกันค่ะ” เธอตอบ
คนฟังหัวเราะในลำคอ รู้ดีว่าอีกฝ่ายเข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร
“เธอตอบแบบนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี”
“ฉันว่าคุณพูดกับฉันตรงๆ ก็ได้ค่ะ”
ปรินทรกวาดตามองแล้วยิ้มเหยียด ต่อให้สวยหยาดฟ้ามาดิน แต่ทำงานแบบนี้ เขารับไม่ได้ สวยแต่รูปจูบไม่หอม ทำเอาเขารู้สึกถึงลูกชายหน้าโง่เลยทีเดียว ถ้าแค่เคี้ยวเล่นไม่คิดจริงจังก็ดีไป แต่ดันกล้าทะเลาะที่ทำงานแบบนั้น แสดงว่าไม่ได้คิดเล่นๆ แล้ว
“ปรัชคือลูกชายของฉัน” เขาบอกความจริง “และฉันเป็นประธานบริษัทไดอารี่เมดิคอลที่เธอฝึกงานอยู่”
หญิงสาวชะงัก ราวกับถูกตีแสกหน้า ตลอดเวลาเขาไม่บอกความจริงเธอเลย ริมฝีปากบางเม้มสนิท
“ฉันต้องการให้เธอเลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ!”
นี่มันละครน้ำเน่าชัดๆ ทำไมเธอต้องทำตามด้วย
“แล้วถ้าฉันไม่เลิกกับพี่ปรัชล่ะคะ”
“ไม่เลิกก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ใช่คนใจร้ายขนาดแยกพวกเธอสองคนเหมือนละครไทยหรอกนะ ก็แค่จะคอยดูว่าเธอจะทนแบกหน้าไปบอกลูกชายฉันยังไงว่าทำงานกลางคืน แถมยังนั่งรับแขกทุกวันด้วย”
รมิตาข่มความขุ่นเคืองไว้ นี่นะเหรอไม่ใจร้าย
“แต่ถ้าเธอยอมเลิกกับลูกชายฉันโดยดี ฉันจะจ่ายให้เธอหนึ่งล้าน พร้อมกับการผ่านงานที่เธอฝึกกับบริษัทของฉันเป็นการตอบแทน”
หญิงสาวกำมือแน่นน้ำตาเอ่อคลอ ไม่นานมันไหลจนอาบแก้มเนียน ปรินทรหยิบเช็คแล้ววางไว้ตรงหน้า
“เช็คหนึ่งล้าน ถ้าเธอเลิกกับลูกชายฉัน เอาไปขึ้นเงินรักษาน้องชายเธอได้เลย แต่ถ้าเธอยังดื้อดึงรักกับลูกชายฉันต่อ โดยไม่สนความเป็นตายของน้องตัวเองที่กำลังแย่ก็ตามใจ!”
ปรินทรกระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นสีหน้าแฟนลูกชายดูหมดหวัง
“ฉันขอตัวกลับก่อน แล้วช่วยเก็บเอาคำที่ฉันพูดไปคิดให้ดีๆ ด้วย” ปรินทรลุกยืน แล้วเปิดประเป๋าหยิบเงินออกมา “ส่วนนี้หนึ่งแสนค่าเสียเวลาวันนี้”
ตุบ!
ปรินทรโยนเงิน แล้วเดินออกจากห้อง คนในห้องกัดริมฝีปากแน่น หยิบเงินมาไว้ในมือพร้อมเช็ค กอดแนบกายแล้วปล่อยโฮออกมาด้วยความปวดร้าว เธอไม่มีทางเลือกเลย ถ้ารู้ว่าเขาเป็นใคร จะไม่ยอมให้หัวใจมันทรมานเช่นนี้เด็ดขาด