ตอนที่ 9 วันที่ลาจาก

1013 คำ
คนเป็นแม่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา เธอสงสารลูกชายที่ต้องทรมาน ลูกสาวก็ต้องมาทนเหนื่อยทำงานทุกวัน เธอไม่อยากเห็นตรีป่วยอีกคน “แม่กลัวตรีป่วย ถ้าตรีเป็นอะไรไปอีกคนแม่จะอยู่ยังไง” “แม่ไม่ต้องห่วงตรีนะคะ ถ้าตรีไม่ไหวตรีสัญญาว่าจะพัก ตรีไม่ทิ้งแม่กับน้องไปตอนนี้หรอกค่ะ” เธอบอกแล้วยิ้มกว้าง รสรินลูบศรีษะลูกแผ่วเบา “ขอบใจมากนะลูก” “ตรีไปทำงานก่อนะคะแม่” “จ้ะลูก” เจ๊เชอรี่ยืนมองพนักงานเก็บของ เพื่อทำงานนอกสถานที่ รมิตาเข้ามาในห้องแต่งตัว แล้วจ้องมองสีหน้าสับสนมึนงง มันเกิดอะไรขึ้น “มีอะไรเหรอคะเจ๊” “ไม่ได้อ่านข้อความที่เจ๊ส่งไปเหรอ มีงานนอกสถานที่น่ะ” หญิงสาวยืนงง “ไม่ได้อ่านเลยค่ะ ขอโทษทีนะคะเจ๊เชอรี่ ช่วงนี้ตรีทำงานเยอะไปหน่อยเลยเบลอๆ” เชอรี่โบกไม้โบกมือ “ไม่อ่านไม่เป็นไรจ้ะ แต่จะไม่ไปคงไม่ได้ เพราะดาวเด่นอย่างตรีน่ะ ต้องไปให้ได้!” เธอยกยิ้ม “ตกลงค่ะเจ๊ เดี๋ยวตรีไปเตรียมตัวก่อนนะคะ” รถตู้จอดด้านหน้า รมิตาขึ้นนั่งพร้อมเพื่อนร่วมงานอีกสองคนคือแอล กับมิน ราวชั่วโมงรถจอดลง มีพนักงานเดินมาที่รถ แล้วพาพวกเธอไปยังห้องแต่งตัวด้านหลัง ชุดคอสเพลย์กระต่ายถูกส่งให้ทั้งสาม รมิตารับมาแล้วมองดู ก่อนหยิบถุกน่องตาข่ายมาสวม ตามด้วยชุดว่ายน้ำวันพีชสีดำ แล้วหย่องกายลงตรงเก้าอี้แต่งหน้า ขั้นตอนสุดท้ายคือการเอาหูกระต่ายมาสวมไว้ “ใครคิดวะเนี่ย!” มินบ่นอุบ “คงเป็นพวกตาเฒ่าหื่นๆ นั่นแหละคงอยากเห็น” แอลสำทับ รมิตาหันมองเพื่อน “ทำไมเถอะจ้ะ ถ้ามันได้เงิน” เสียงดนตรีบนเวทีดังขึ้น สามสาวก้าวขึ้นเวทีวาดลวดลายบนนั้น สร้างความสนุกสนานให้กับงานเลี้ยงของบริษัท รมิตาไม่รู้ว่าบริษัทอะไรด้วยซ้ำ นอกจากรับงานทันทีที่เจ๊เชอรี่สั่ง ทว่าเมื่อยืนบนเวที ป้ายด้านหน้าโต๊ะวีไอพี กลับโชว์หราคำว่าไดอารี่เมดิคอล ริมฝีปากบางเริ่มเม้มแน่น รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา หวังว่าเขาคงไม่มาร่วมงานนี้ เธอจำต้องทำงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อไม่ให้เสียชื่อเจ๊เชอรี่ ทว่าสายตาคู่หนึ่งกลับจ้องมองแล้วขบกรามแน่น ไม่เจอกันนาน เธอยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทำตัวไร้ค่าสิ้นดี เขาลุกยืนแล้วเดินไปด้านหลัง โบกมือเรียกพนักงานของผับที่กำลังเสริฟ์น้ำมาหา “ครับคุณปวรปรัชญ์” “รู้จักผู้หญิงที่เต้นอยู่ไหม” พนักงานชายหันมอง แล้วหันกลับมา “คนไหนล่ะครับ” “คนที่สวยที่สุด” เขาพยักหน้า “รู้จักครับ คุณตรีดาวของผับเรา” “พอจะช่วยให้ผมได้คุยกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหม ผมมีค่าเสียเวลาให้” พูดจบเขาควักเงินในกระเป๋าออกมาหนึ่งหมื่นยื่นให้พนักงานคนนั้น “ได้ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเองครับ” “ขอบใจมาก” ปวรปรัชญ์บอก แล้วตบไหล่พนักงาน ก่อนเดินไป จบเพลงสามสาวก้าวลงมาเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย พนักงานชายเคาะประตู มินเดินออกไปเปิด เขาก้าวเข้ามาพร้อมนำน้ำมาเสริฟ์ “น้ำครับ” เขาบอกแล้วส่งน้ำให้ทุกคน ก่อนเหลือบมองไปยังดาวเด่นของผับ “คุณตรีครับ พอดีมีแขกอยากพบคุณตรีครับ” รมิตาจ้องมองสีหน้าไม่ไว้ใจ เพราะเกรงว่าจะเป็นเขา เธอตั้งใจจะกลับเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ “ใครเหรอ?” “เป็นผู้หญิงครับ ดูเหมือนว่าจะชื่อนลินดาครับ เธอบอกว่าสนใจพี่อยากให้ไปรีวิวสินค้าของเธอให้หน่อย เลยอยากคุยเรื่องรายละเอียดกับพี่ครับ” เขาโกหกคำโต ทว่าคนฟังคลี่ยิ้มกว้าง ถ้ามีคนสนใจ เธออาจทำงานนี้ทดแทนงานที่ทำอยู่ตอนนี้ “ได้สิ เธออยู่ที่ไหนเหรอ” “เดี๋ยวผมนำไปครับพี่” พนักงานชายบอก แล้วเดินนำออกไป สองสาวในห้องจ้องมอง สีหน้ายินดี ที่เห็นเพื่อนได้ดี เพราะรู้ว่ารมิตาลำบากมากแค่ไหน กับการต้องดูแลน้องชายที่ป่วยหนักขนาดนั้น แต่ไม่นานนัก สองสาวกลับรู้สึกง่วงซึม เลยทรุดกายลงบนโซฟาแล้วผล่อยหลับไป รมิตาก้าวมาถึงหน้าห้อง มองดูแล้วเหมือนห้องทำงาน ประตูเปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าด้านใน กวาดตามองรอบๆ เสียงประตูปิดลง กริ๊ก! ตามด้วยเสียงล็อค รมิตาชะงักหันกลับมามอง ดวงตาสองคู่สบกัน หญิงสาวผงะถอยหลัง สีหน้าหวาดระแวง “ทำไมเป็นคุณ!” เธอร้องถามเสียงสั่น “แล้วทำไมเป็นฉันไม่ได้ เธอไม่รู้เลยเหรอว่านี่มันงานเลี้ยงของบริษัทฉัน!” คนสวยสั่นเทา ทำไมเขาต้องทำกับเธอแบบนี้ด้วย ทำไมไม่เลิกแล้วต่อกันไป ต่างคนต่างอยู่ “คุณทำแบบนี้ทำไม คุณคอยตามจองล้างจองผลาญฉันเพื่ออะไร!” “ฉันเนี่ยนะคอยตามเธอ ถ้าตามป่านนี้เธอคงไม่เหลืออะไรแล้ว มันเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่เสนอหน้าเข้ามาหาฉันเอง!” “ฉันไม่เคยยุ่งวุ่นวายกับคุณเลย ตั้งแต่ที่เราเลิกกัน!” คำว่าเลิกสร้างความเดือดดาลให้คนฟัง การที่เธอเลิกกับเขาก่อนมันทำให้เหนือกว่างั้นเหรอ ผู้หญิงหน้าเงิน อยากได้เงินนักใช่ไหม เขามีให้จนถมตัวตายเลยด้วยซ้ำถ้าอยากได้ “เธออยากได้เงินไม่ใช่หรือไง ฉันมีให้ จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ทำงานแบบนี้ฉันมองไม่ออกเลยว่าเธอจะยังไม่เคยโดนผู้ชายเอาได้ยังไง!” เขาตะโกนลั่น สีหน้าเจ็บปวด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม