ณ ห้องภูษาของวังหลวง
ที่นี่คือแผนกตัดเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้านายในวังหลัง ช่างตัดเย็บทุกคนล้วนเป็นช่างที่มีฝีมือ ว่ากันว่ากว่าจะได้เข้ามาเป็นช่างหลวงที่นี่นั้นไม่ง่าย
“ฮองเฮาเสด็จ” เสียงประกาศการมาของบุคคลสำคัญทำให้ช่างหลวงและลูกมือทุกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เป็นต้องชะงัก
เพราะไม่เคยมีฮองเฮาเสด็จมาที่นี่มาก่อน และที่สำคัญ…ก่อนหน้านี้ในวังหลวงไม่เคยมีฮองเฮา พวกเขาจึงไม่คุ้นชิน
กระนั้นทุกคนก็กระวีกระวาดมานั่งคุกเข่าเรียงรายที่พื้น
อี้เหม่ยหรงในอาภรณ์สีเหลืองอ่อนซึ่งเป็นหนึ่งในสามชุดที่นางมั่นใจที่จะสวมใส่ออกมานอกพระตำหนักโปรยยิ้มบางๆพลางกวาดสายตามองบรรดาช่างหลวงและลูกมือนับสามสิบคนที่กำลังนั่งคุกเข่า บางคนถึงกับก้มหน้าเอาหน้าผากจูบพื้น
เหตุใดต้องเกรงกลัวนางถึงขนาดนั้น นางมิใช่นางปีศาจจิ้งจอกนะ
“พวกเจ้าคงแปลกใจละสิว่าเหตุใดฮองเฮาจึงเสด็จมาถึงที่นี่?” เป๋าเจียงเหมยเอ่ยเสียงเยียบเย็น
“อะ…เอ่อ…ฮองเฮาทรงมีอะไรให้พวกเรารับใช้หรือเพคะ?” สตรีร่างท้วม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนางกำนัลหัวหน้าห้องภูษาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ
“ไม่มี” อี้เหม่ยหรงตอบ ใบหน้าของนางยังคงเปื้อนรอยยิ้ม
ช่างหลวงทั้งหมดล้วนเป็นสตรี พวกนางพากันเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงงวยและสงสัย
“ วันนี้ไม่มีและวันหน้าก็ไม่มี” อี้เหม่ยหรงหรี่ตาลงในขณะที่ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มอยู่
“เจ้าคงเป็นหัวหน้าของที่นี่สินะ เจ้าชื่ออะไร” ประมุขแห่งวังหลังเอ่ยถามสตรีร่างอวบที่นั่งอยู่หน้าสุด
“หม่อมฉัน ถะ…ถัง ถังซินลี่ เป็นหัวหน้านางกำนัลที่ห้องภูษาแห่งนี้เพคะ”
“ดี ” อี้เหม่ยหรงพูดจบก็หมุนตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้
“ทุกคนเงยหน้าขึ้นและดูนี่” เป๋าเจียงเหมยให้นางกำนัลนำฉลองพระองค์ของฮองเฮามากางตรงหน้า
“อะ…นี่…นี่มัน” หนึ่งในช่างหลวงหน้าซีด พูดจาตะกุกตะกัก
“พวกเจ้าจำได้หรือไม่ว่านี่คืออาภรณ์ของผู้ใด?” เป๋าเจียงเหมยถามด้วยเสียงเยียบเย็น
“ฉลองพระองค์ของฮองเฮาที่พวกเราตัดเย็บวันนั้นเพคะ”
“มีคนตัดเย็บกี่คน มีผู้ใดบ้างจำได้หรือไม่?” อี้เหม่ยหรงถามบ้าง ใบหน้าของนางยังคงยิ้มแย้มอยู่เสมอ
“อะ…เอ่อ… วันนั้นพวกเราตัดเย็บกันทั้งหมดสิบคนเพคะ”
“ดี ให้พวกเจ้าจดรายชื่อมาให้ข้าด้วย”
“มะ…มี มีสิ่งใดผิดปกติหรือเพคะฮองเฮา?” ช่างหลวงอีกผู้หนึ่งเอ่ยถาม สีหน้านางไม่สู้ดีนัก
“พวกเจ้าตอบข้ามาก่อน รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์บางชุดนั้นตัดมาจากผ้าไหมหยุนจิ่นซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการจากแคว้นอานเหนียง?” เป๋าเจียงเหมยรุกไล่
“ทราบ ทราบเจ้าค่ะ เป๋ามามา แล้ว…แล้วมีสิ่งใดผิดปกติหรือเจ้าคะ?” ถังซินลี่กลั้นใจถามออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ
“ถึงข้าจะเป็นสตรีจากชนชั้นต่ำ แต่วันนี้ได้นั่งตำแหน่งฮองเฮา พวกเจ้าอย่านึกนะว่าจะร่วมมือกับผู้ใดรังแกข้าได้ง่ายๆ เอาผลงานพวกนางให้พวกนางดู” คราวนี้อี้เหม่ยหรงเสียงแข็งขึ้น ดวงตาหงส์วาวโรจน์ นางกำนัลจากพระตำหนักเหมยกุ้ยจึงนำฉลองพระองค์ของฮองเฮาทั้งเจ็ดชุดมาให้บรรดาช่างหลวงดูใกล้ๆ
“หา! นะ นี่ นี่มันอันอันใดกัน?” ช่างหลวงหลายคนต่างตกตะลึง อ้าปากค้าง แต่มีบางส่วนที่ก้มหน้าซ่อนแววตา
“นี่คือฝีมือของช่างหลวงหรอกหรือ ฝีมือช่างชาวบ้านยังดีกว่านี้”
“ฮองเฮาโปรดประทานอภัยด้วยเพคะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆเพคะ” นางกำนัลหัวหน้าห้องภูษาปากสั่นคอสั่น
“มันมีแน่ อะไรที่ผิดพลาดน่ะ ถึงข้าถามพวกเจ้าไปว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเจ้าก็คงจะไม่ยอมปริปากพูด เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ถาม”
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมนั้นมีเสียงลอบถอนหายใจของคนหลายๆคนดังเล็ดลอดออกมา
“เพราะข้ารู้อยู่แก่ใจดีแล้ว”
ถังซินลี่ตาเบิกโพลง ระหว่างไทเฮากับฮองเฮาจากชนชั้นล่าง นางต้องเลือกไทเฮาอยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อมีไทเฮาคุ้มกะลาหัวอยู่ ฮองเฮารับจ้างอย่างอี้เหม่ยหรงจะทำอันใดได้
“ต่อไปนี้ชุดของข้าทั้งหมดจะไม่ถูกตัดโดยช่างหลวงของห้องภูษาแห่งนี้ เพราะข้าจะว่าจ้างช่างจากข้างนอกวังมาตัดแทน เพราะข้าไม่อาจไว้ใจพวกเจ้าได้ อ้อ…เพราะพวกเจ้าไม่อาจทำงานให้ข้าได้และข้าต้องจ่ายเงินเพื่อจ้างช่างตัดผ้า จึงจำเป็นที่จะลดเงินเบี้ยหวัดของพวกเจ้าเพื่อเอาไปเป็นค่าจ้างช่างตัดชุดให้ข้า โดยจะลดจากเงินเบี้ยหวัดเดิมที่เคยได้รับกึ่งหนึ่ง”
“หะ…หา อะไรนะเพคะ ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะ?” หัวหน้านางกำนัลห้องภูษาลืมตัวแผดเสียงลั่น
“อะฮึ่ม! อย่าลืมสิว่าผู้ที่อยู่ต่อหน้าของพวกเจ้านี้คือผู้ใด” เป๋าเจียงเหมยทำทีเอ่ยเตือนพลางยิ้มเยาะ
“ทำไมจะทำไม่ได้ ข้าเป็นใคร ตอบซิ ถังซินลี่?”
“อ่ะ…เอ่อ”
“ตอบสิ นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?” อี้เหม่ยหรงไม่ใช่คนบ้าอำนาจหรอกนะ แต่นางต้องการสั่งสอนคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ
“ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดเมตตาด้วยเพคะ”
“ข้าเมตตาอยู่แล้ว ระหว่างที่รอให้พวกเจ้าหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาให้ข้าทั้งหมดได้นั้น ข้าจะหักเบี้ยหวัดของพวกเจ้าเพื่อเอาไปจ่ายค่าจ้างให้กับช่างตัดผ้าด้านนอกวัง พวกเจ้าลองคิดดูสิ ผู้คนจะร่ำลือกันไปขนาดไหนว่าช่างหลวงนั้นไร้ฝีมือจนแม้แต่ฮองเฮาที่มาจากชนชั้นต่ำยังยอมรับฝีมือการตัดเสื้อผ้ามิได้ เอาไว้ให้คนร่วมกระทำผิดออกมาสารภาพให้หมดก่อนนะ แล้วเรื่องเบี้ยหวัดข้าจะคิดดูอีกที อ้อ…อย่าลืมล่ะ ถึงแม้ไทเฮาจะยิ่งใหญ่ในวังหลัง แต่…ฮองเฮาคือผู้ปกครองวังหลัง ข้า-ไป-ล่ะ” พูดจบอี้เหม่ยหรงก็ยิ้มอย่างสาแก่ใจก่อนจะหมุนตัวเพื่อเตรียมเดินออกไป แต่จู่ๆนางก็หยุดและหันกลับมาใหม่
“อ้อ…ส่วนโทษทัณฑ์ที่ทำให้ผ้าไหมหยุนจิ่นซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการนั้นเสียหายข้าเองก็ยังไม่รู้นะว่าจะหนักเบาแค่ไหน เอาไว้ให้ข้าลองทูลถามฝ่าบาทก่อนละกัน ตอนนี้พวกเจ้าก็ประหยัดกินประหยัดใช้กันหน่อยละกันนะ ข้าจะให้กรมวังหักเงินพวกเจ้าไว้ตั้งแต่เดือนนี้เลย” พูดจบอี้เหม่ยหรงก็พยักเพยิดให้คนของนางเดินตามออกไป
บรรดาช่างหลวงต่างพากันจ้องมาที่ถังซินลี่เป็นตาเดียว นางคือหัวหน้าของห้องภูษา มีตำแหน่งเป็นนางกำนัลแต่มิได้เป็นช่าง นางคือคนสุดท้ายที่ตรวจงานก่อนส่งมอบให้แก่พระตำหนักเหมยกุ้ย นางนั่นแหละน่าสงสัยที่สุด พวกนางจำได้ว่าวันนั้นพวกนางทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ต่างพากันโหมงานหนักเพื่อตัดฉลองพระองค์ให้แก่ฮองเฮาและทุกคนต่างก็ทำงานอย่างสุดความสามารถ ทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
“ข้าไม่ยอม เรื่องนี้ต้องหาคนรับผิดชอบ” ช่างหลวงนางหนึ่งทำท่าขึงขัง
“ข้าก็ไม่ยอม ข้าจะตามสืบให้รู้แน่ชัดว่าผู้ใดกันแน่ที่ทำเรื่องเลวร้ายให้ห้องภูษาต้องเสียชื่อ และพวกเราต้องโดนหักเบี้ยหวัดด้วย”
“เหตุใดพวกเจ้าต้องมองข้าแบบนั้น ราวกับจะโทษว่าเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นฮองเฮาหรือนางกำนัลของนางก็ได้ที่อยากกลั่นแกล้งพวกเรา” ถังซินลี่พยายามเถียงข้างๆคูๆ ตอนนี้ใบหน้าของนางดูซีดขาวไปหมด
“แล้วฮองเฮาจะทรงทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร นางเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในวังได้ไม่กี่วัน ข้าว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง” ช่างหลวงอีกผู้หนึ่งที่มั่นใจในฝีมือตัดเย็บของตนตัดบทก่อนที่จะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป
เรื่องนี้ต้องหาตัวคนผิดมารับผิด มิเช่นนั้นพวกนางจะต้องโดนหางเลขไปด้วย โดยเฉพาะโทษทัณฑ์ที่ทำเครื่องบรรณาการจากต่างแคว้นเสียหาย
ทางด้านพระตำหนักเหมยกุ้ย
“ ฮองเฮาเพคะ เรื่องจ้างช่างจากด้านนอกวังหลวงนั้นหม่อมฉันให้คนไปสืบหามาแล้วนะเพคะ เป็นช่างประจำร้านจินเหลิง นามว่าหัวเพ่ยเพ่ย นางอายุยังน้อยแต่ว่าฝีมือตัดเย็บนั้นราวกับได้รับพรสวรรค์มาจากเทพเซียน ฝีมืออาจจะเหนือกว่าพวกช่างหลวงในวังก็ได้นะเพคะ บรรดาคุณหนูและฮูหยินตระกูลใหญ่ๆต่างจองตัวนางให้ตัดชุดให้กับตนจนตอนนี้คิวจองยาวเหยียด นี่หม่อมฉันใช้เส้นสายที่มีจึงได้ลัดคิวตัดให้ฮองเฮาก่อนคนอื่นนะเพคะ”
“อืม…เอาแค่ชุดที่จะใส่ออกงานที่ใกล้จะถึงนี้ก็พอ เพราะข้าเองก็ไม่ค่อยชอบวิธีการใช้เส้นสายหรือสิทธิพิเศษนักหรอก อ้อ…อันที่จริงเราควรมีชุดสำรองไว้อีกชุดหนึ่งด้วยสินะ เผื่อมีผู้ใดมากลั่นแกล้งอะไรข้าอีก” คราวนี้อี้เหม่ยหรงระวังตัวแจ เวลาคิดต้องคิดเผื่อหนึ่งก้าวเสมอ
“ฮองเฮาเพคะ ขอฮองเฮาทรงประทับตราหงส์มังกรบนกระดาษแผ่นนี้เป็นการอนุญาตให้แม่นางหัวเพ่ยเพ่ยสามารถเข้ามาในวังหลวงเพื่อมาวัดตัวตัดฉลองพระองค์ด้วยเพคะ หากไม่มีตราประทับของฮองเฮาแล้ว เป็นผู้ใดก็มิอาจเข้านอกออกในได้เพคะ”
“เช่นนั้นหรือ?” อี้เหม่ยหรงเลิกคิ้ว
“เอ่อ…เว้นไว้คนนึง ไทเฮาเพคะ”
“อืม เรื่องนั้นข้ามิต้องสงสัย”
“แต่ปกติไทเฮาก็มิทรงโปรดเสด็จออกนอกเขตพระราชฐานหรอกเพคะ จึงมีแต่พระสนมต่างๆที่ขอให้คนของพวกนางเข้านอกออกในได้ในบางครั้ง”
“แปลว่า ถ้านางในหรือว่านางกำนัลขันทีคนใดต้องการเข้าออกเขตวังหลังต้องได้รับอนุญาตจากข้าเช่นนั้นรึ?”
“ถูกแล้วเพคะ”
ดวงตาของอี้เหม่ยหรงเป็นประกาย
“แล้วถ้าตัวข้าเองล่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ออกไปข้างนอกได้สบายๆนะสิ เพราะตรานี่อยู่กับข้า และข้าก็เป็นคนอนุญาตให้ตัวข้าเอง ฮ่าๆๆๆ เป็นฮองเฮานี่มันดีอย่างนี้นี่เอง” อี้เหม่ยหรงหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เอ่อ…หม่อมฉันเกรงว่า คือ…หม่อมฉันคิดว่าฮองเฮาควรจะขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาทก่อนจะดีกว่านะเพคะ” เป๋าเจียงเหมยหน้าถอดสีเมื่อคิดว่าอี้ฮองเฮาต้องคิดทำเรื่องแผลงๆเป็นแน่ งานนี้ต้องรีบให้คนไปกราบทูลอันอ๋องซะแล้ว
“จะไปรบกวนฝ่าบาททำไม พระองค์มีราชกิจมากมายให้ต้องทำ เราไม่ควรไปเพิ่มความเหน็ดเหนื่อยและเสียเวลาให้ฮ่องเต้นะ ข้าว่า…ไม่ต้องให้ช่างจากข้างนอกมาวัดตัวข้าถึงในวังหรอก พาข้าออกไปให้นางวัดตัวข้างนอกจะดีกว่า”