ตอนที่ 10 อำนาจของฮองเฮา

1929 คำ
ณ ห้องภูษาของวังหลวง ที่นี่คือแผนกตัดเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้านายในวังหลัง ช่างตัดเย็บทุกคนล้วนเป็นช่างที่มีฝีมือ ว่ากันว่ากว่าจะได้เข้ามาเป็นช่างหลวงที่นี่นั้นไม่ง่าย “ฮองเฮาเสด็จ” เสียงประกาศการมาของบุคคลสำคัญทำให้ช่างหลวงและลูกมือทุกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่เป็นต้องชะงัก เพราะไม่เคยมีฮองเฮาเสด็จมาที่นี่มาก่อน และที่สำคัญ…ก่อนหน้านี้ในวังหลวงไม่เคยมีฮองเฮา พวกเขาจึงไม่คุ้นชิน กระนั้นทุกคนก็กระวีกระวาดมานั่งคุกเข่าเรียงรายที่พื้น อี้เหม่ยหรงในอาภรณ์สีเหลืองอ่อนซึ่งเป็นหนึ่งในสามชุดที่นางมั่นใจที่จะสวมใส่ออกมานอกพระตำหนักโปรยยิ้มบางๆพลางกวาดสายตามองบรรดาช่างหลวงและลูกมือนับสามสิบคนที่กำลังนั่งคุกเข่า บางคนถึงกับก้มหน้าเอาหน้าผากจูบพื้น เหตุใดต้องเกรงกลัวนางถึงขนาดนั้น นางมิใช่นางปีศาจจิ้งจอกนะ “พวกเจ้าคงแปลกใจละสิว่าเหตุใดฮองเฮาจึงเสด็จมาถึงที่นี่?” เป๋าเจียงเหมยเอ่ยเสียงเยียบเย็น “อะ…เอ่อ…ฮองเฮาทรงมีอะไรให้พวกเรารับใช้หรือเพคะ?” สตรีร่างท้วม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนางกำนัลหัวหน้าห้องภูษาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ “ไม่มี” อี้เหม่ยหรงตอบ ใบหน้าของนางยังคงเปื้อนรอยยิ้ม ช่างหลวงทั้งหมดล้วนเป็นสตรี พวกนางพากันเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงงงวยและสงสัย “ วันนี้ไม่มีและวันหน้าก็ไม่มี” อี้เหม่ยหรงหรี่ตาลงในขณะที่ริมฝีปากยังคงคลี่ยิ้มอยู่ “เจ้าคงเป็นหัวหน้าของที่นี่สินะ เจ้าชื่ออะไร” ประมุขแห่งวังหลังเอ่ยถามสตรีร่างอวบที่นั่งอยู่หน้าสุด “หม่อมฉัน ถะ…ถัง ถังซินลี่ เป็นหัวหน้านางกำนัลที่ห้องภูษาแห่งนี้เพคะ” “ดี ” อี้เหม่ยหรงพูดจบก็หมุนตัวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ “ทุกคนเงยหน้าขึ้นและดูนี่” เป๋าเจียงเหมยให้นางกำนัลนำฉลองพระองค์ของฮองเฮามากางตรงหน้า “อะ…นี่…นี่มัน” หนึ่งในช่างหลวงหน้าซีด พูดจาตะกุกตะกัก “พวกเจ้าจำได้หรือไม่ว่านี่คืออาภรณ์ของผู้ใด?” เป๋าเจียงเหมยถามด้วยเสียงเยียบเย็น “ฉลองพระองค์ของฮองเฮาที่พวกเราตัดเย็บวันนั้นเพคะ” “มีคนตัดเย็บกี่คน มีผู้ใดบ้างจำได้หรือไม่?” อี้เหม่ยหรงถามบ้าง ใบหน้าของนางยังคงยิ้มแย้มอยู่เสมอ “อะ…เอ่อ… วันนั้นพวกเราตัดเย็บกันทั้งหมดสิบคนเพคะ” “ดี ให้พวกเจ้าจดรายชื่อมาให้ข้าด้วย” “มะ…มี มีสิ่งใดผิดปกติหรือเพคะฮองเฮา?” ช่างหลวงอีกผู้หนึ่งเอ่ยถาม สีหน้านางไม่สู้ดีนัก “พวกเจ้าตอบข้ามาก่อน รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์บางชุดนั้นตัดมาจากผ้าไหมหยุนจิ่นซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการจากแคว้นอานเหนียง?” เป๋าเจียงเหมยรุกไล่ “ทราบ ทราบเจ้าค่ะ เป๋ามามา แล้ว…แล้วมีสิ่งใดผิดปกติหรือเจ้าคะ?” ถังซินลี่กลั้นใจถามออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ถึงข้าจะเป็นสตรีจากชนชั้นต่ำ แต่วันนี้ได้นั่งตำแหน่งฮองเฮา พวกเจ้าอย่านึกนะว่าจะร่วมมือกับผู้ใดรังแกข้าได้ง่ายๆ เอาผลงานพวกนางให้พวกนางดู” คราวนี้อี้เหม่ยหรงเสียงแข็งขึ้น ดวงตาหงส์วาวโรจน์ นางกำนัลจากพระตำหนักเหมยกุ้ยจึงนำฉลองพระองค์ของฮองเฮาทั้งเจ็ดชุดมาให้บรรดาช่างหลวงดูใกล้ๆ “หา! นะ นี่ นี่มันอันอันใดกัน?” ช่างหลวงหลายคนต่างตกตะลึง อ้าปากค้าง แต่มีบางส่วนที่ก้มหน้าซ่อนแววตา “นี่คือฝีมือของช่างหลวงหรอกหรือ ฝีมือช่างชาวบ้านยังดีกว่านี้” “ฮองเฮาโปรดประทานอภัยด้วยเพคะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆเพคะ” นางกำนัลหัวหน้าห้องภูษาปากสั่นคอสั่น “มันมีแน่ อะไรที่ผิดพลาดน่ะ ถึงข้าถามพวกเจ้าไปว่าใครอยู่เบื้องหลังพวกเจ้าก็คงจะไม่ยอมปริปากพูด เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ถาม” ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมนั้นมีเสียงลอบถอนหายใจของคนหลายๆคนดังเล็ดลอดออกมา “เพราะข้ารู้อยู่แก่ใจดีแล้ว” ถังซินลี่ตาเบิกโพลง ระหว่างไทเฮากับฮองเฮาจากชนชั้นล่าง นางต้องเลือกไทเฮาอยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อมีไทเฮาคุ้มกะลาหัวอยู่ ฮองเฮารับจ้างอย่างอี้เหม่ยหรงจะทำอันใดได้ “ต่อไปนี้ชุดของข้าทั้งหมดจะไม่ถูกตัดโดยช่างหลวงของห้องภูษาแห่งนี้ เพราะข้าจะว่าจ้างช่างจากข้างนอกวังมาตัดแทน เพราะข้าไม่อาจไว้ใจพวกเจ้าได้ อ้อ…เพราะพวกเจ้าไม่อาจทำงานให้ข้าได้และข้าต้องจ่ายเงินเพื่อจ้างช่างตัดผ้า จึงจำเป็นที่จะลดเงินเบี้ยหวัดของพวกเจ้าเพื่อเอาไปเป็นค่าจ้างช่างตัดชุดให้ข้า โดยจะลดจากเงินเบี้ยหวัดเดิมที่เคยได้รับกึ่งหนึ่ง” “หะ…หา อะไรนะเพคะ ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเพคะ?” หัวหน้านางกำนัลห้องภูษาลืมตัวแผดเสียงลั่น “อะฮึ่ม! อย่าลืมสิว่าผู้ที่อยู่ต่อหน้าของพวกเจ้านี้คือผู้ใด” เป๋าเจียงเหมยทำทีเอ่ยเตือนพลางยิ้มเยาะ “ทำไมจะทำไม่ได้ ข้าเป็นใคร ตอบซิ ถังซินลี่?” “อ่ะ…เอ่อ” “ตอบสิ นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?” อี้เหม่ยหรงไม่ใช่คนบ้าอำนาจหรอกนะ แต่นางต้องการสั่งสอนคนพวกนี้ให้เข็ดหลาบ “ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดเมตตาด้วยเพคะ” “ข้าเมตตาอยู่แล้ว ระหว่างที่รอให้พวกเจ้าหาตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาให้ข้าทั้งหมดได้นั้น ข้าจะหักเบี้ยหวัดของพวกเจ้าเพื่อเอาไปจ่ายค่าจ้างให้กับช่างตัดผ้าด้านนอกวัง พวกเจ้าลองคิดดูสิ ผู้คนจะร่ำลือกันไปขนาดไหนว่าช่างหลวงนั้นไร้ฝีมือจนแม้แต่ฮองเฮาที่มาจากชนชั้นต่ำยังยอมรับฝีมือการตัดเสื้อผ้ามิได้ เอาไว้ให้คนร่วมกระทำผิดออกมาสารภาพให้หมดก่อนนะ แล้วเรื่องเบี้ยหวัดข้าจะคิดดูอีกที อ้อ…อย่าลืมล่ะ ถึงแม้ไทเฮาจะยิ่งใหญ่ในวังหลัง แต่…ฮองเฮาคือผู้ปกครองวังหลัง ข้า-ไป-ล่ะ” พูดจบอี้เหม่ยหรงก็ยิ้มอย่างสาแก่ใจก่อนจะหมุนตัวเพื่อเตรียมเดินออกไป แต่จู่ๆนางก็หยุดและหันกลับมาใหม่ “อ้อ…ส่วนโทษทัณฑ์ที่ทำให้ผ้าไหมหยุนจิ่นซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการนั้นเสียหายข้าเองก็ยังไม่รู้นะว่าจะหนักเบาแค่ไหน เอาไว้ให้ข้าลองทูลถามฝ่าบาทก่อนละกัน ตอนนี้พวกเจ้าก็ประหยัดกินประหยัดใช้กันหน่อยละกันนะ ข้าจะให้กรมวังหักเงินพวกเจ้าไว้ตั้งแต่เดือนนี้เลย” พูดจบอี้เหม่ยหรงก็พยักเพยิดให้คนของนางเดินตามออกไป บรรดาช่างหลวงต่างพากันจ้องมาที่ถังซินลี่เป็นตาเดียว นางคือหัวหน้าของห้องภูษา มีตำแหน่งเป็นนางกำนัลแต่มิได้เป็นช่าง นางคือคนสุดท้ายที่ตรวจงานก่อนส่งมอบให้แก่พระตำหนักเหมยกุ้ย นางนั่นแหละน่าสงสัยที่สุด พวกนางจำได้ว่าวันนั้นพวกนางทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ต่างพากันโหมงานหนักเพื่อตัดฉลองพระองค์ให้แก่ฮองเฮาและทุกคนต่างก็ทำงานอย่างสุดความสามารถ ทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ “ข้าไม่ยอม เรื่องนี้ต้องหาคนรับผิดชอบ” ช่างหลวงนางหนึ่งทำท่าขึงขัง “ข้าก็ไม่ยอม ข้าจะตามสืบให้รู้แน่ชัดว่าผู้ใดกันแน่ที่ทำเรื่องเลวร้ายให้ห้องภูษาต้องเสียชื่อ และพวกเราต้องโดนหักเบี้ยหวัดด้วย” “เหตุใดพวกเจ้าต้องมองข้าแบบนั้น ราวกับจะโทษว่าเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นฮองเฮาหรือนางกำนัลของนางก็ได้ที่อยากกลั่นแกล้งพวกเรา” ถังซินลี่พยายามเถียงข้างๆคูๆ ตอนนี้ใบหน้าของนางดูซีดขาวไปหมด “แล้วฮองเฮาจะทรงทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร นางเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในวังได้ไม่กี่วัน ข้าว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง” ช่างหลวงอีกผู้หนึ่งที่มั่นใจในฝีมือตัดเย็บของตนตัดบทก่อนที่จะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เรื่องนี้ต้องหาตัวคนผิดมารับผิด มิเช่นนั้นพวกนางจะต้องโดนหางเลขไปด้วย โดยเฉพาะโทษทัณฑ์ที่ทำเครื่องบรรณาการจากต่างแคว้นเสียหาย ทางด้านพระตำหนักเหมยกุ้ย “ ฮองเฮาเพคะ เรื่องจ้างช่างจากด้านนอกวังหลวงนั้นหม่อมฉันให้คนไปสืบหามาแล้วนะเพคะ เป็นช่างประจำร้านจินเหลิง นามว่าหัวเพ่ยเพ่ย นางอายุยังน้อยแต่ว่าฝีมือตัดเย็บนั้นราวกับได้รับพรสวรรค์มาจากเทพเซียน ฝีมืออาจจะเหนือกว่าพวกช่างหลวงในวังก็ได้นะเพคะ บรรดาคุณหนูและฮูหยินตระกูลใหญ่ๆต่างจองตัวนางให้ตัดชุดให้กับตนจนตอนนี้คิวจองยาวเหยียด นี่หม่อมฉันใช้เส้นสายที่มีจึงได้ลัดคิวตัดให้ฮองเฮาก่อนคนอื่นนะเพคะ” “อืม…เอาแค่ชุดที่จะใส่ออกงานที่ใกล้จะถึงนี้ก็พอ เพราะข้าเองก็ไม่ค่อยชอบวิธีการใช้เส้นสายหรือสิทธิพิเศษนักหรอก อ้อ…อันที่จริงเราควรมีชุดสำรองไว้อีกชุดหนึ่งด้วยสินะ เผื่อมีผู้ใดมากลั่นแกล้งอะไรข้าอีก” คราวนี้อี้เหม่ยหรงระวังตัวแจ เวลาคิดต้องคิดเผื่อหนึ่งก้าวเสมอ “ฮองเฮาเพคะ ขอฮองเฮาทรงประทับตราหงส์มังกรบนกระดาษแผ่นนี้เป็นการอนุญาตให้แม่นางหัวเพ่ยเพ่ยสามารถเข้ามาในวังหลวงเพื่อมาวัดตัวตัดฉลองพระองค์ด้วยเพคะ หากไม่มีตราประทับของฮองเฮาแล้ว เป็นผู้ใดก็มิอาจเข้านอกออกในได้เพคะ” “เช่นนั้นหรือ?” อี้เหม่ยหรงเลิกคิ้ว “เอ่อ…เว้นไว้คนนึง ไทเฮาเพคะ” “อืม เรื่องนั้นข้ามิต้องสงสัย” “แต่ปกติไทเฮาก็มิทรงโปรดเสด็จออกนอกเขตพระราชฐานหรอกเพคะ จึงมีแต่พระสนมต่างๆที่ขอให้คนของพวกนางเข้านอกออกในได้ในบางครั้ง” “แปลว่า ถ้านางในหรือว่านางกำนัลขันทีคนใดต้องการเข้าออกเขตวังหลังต้องได้รับอนุญาตจากข้าเช่นนั้นรึ?” “ถูกแล้วเพคะ” ดวงตาของอี้เหม่ยหรงเป็นประกาย “แล้วถ้าตัวข้าเองล่ะ ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ออกไปข้างนอกได้สบายๆนะสิ เพราะตรานี่อยู่กับข้า และข้าก็เป็นคนอนุญาตให้ตัวข้าเอง ฮ่าๆๆๆ เป็นฮองเฮานี่มันดีอย่างนี้นี่เอง” อี้เหม่ยหรงหัวเราะออกมาเสียงดัง “เอ่อ…หม่อมฉันเกรงว่า คือ…หม่อมฉันคิดว่าฮองเฮาควรจะขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาทก่อนจะดีกว่านะเพคะ” เป๋าเจียงเหมยหน้าถอดสีเมื่อคิดว่าอี้ฮองเฮาต้องคิดทำเรื่องแผลงๆเป็นแน่ งานนี้ต้องรีบให้คนไปกราบทูลอันอ๋องซะแล้ว “จะไปรบกวนฝ่าบาททำไม พระองค์มีราชกิจมากมายให้ต้องทำ เราไม่ควรไปเพิ่มความเหน็ดเหนื่อยและเสียเวลาให้ฮ่องเต้นะ ข้าว่า…ไม่ต้องให้ช่างจากข้างนอกมาวัดตัวข้าถึงในวังหรอก พาข้าออกไปให้นางวัดตัวข้างนอกจะดีกว่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม