โชคยังดีที่วัชระยังคิดจะไว้ชีวิตเธออยู่บ้าง เขายอมที่จะจอดให้เธอลงก่อนถึงบริษัทตามคำขอร้อง แต่ก็ไม่วายกำชับสั่งให้เธอเดินไปรอที่เดิมเหมือนตอนลงในตอนเย็น หากไม่รับปากเขาคงไม่ปล่อยให้เธอได้ลงจากรถ สุดท้ายลูกไก่ในกำมืออย่างเธอจะทำอะไรได้มากกว่าไปกว่าตอบตกลงเบาๆก่อนจะเดินใจปลิวเข้าบริษัทอย่างงงๆ
“มธุรสใช่ไหมจ๊ะ พี่ชื่อดาริกานะ หรือเรียกสั้นๆว่าพี่ดาก็ได้จ๊ะ” จนเมื่อมาถึงที่หมายซึ่งก็ไม่ใช่ที่อื่นใดนอกจากหน้าห้องของเจ้านายเธอก็ได้รับการต้อนรับ ที่แสนอบอุ่นจากรุ่นพี่ที่จะทำหน้าที่สอนงาน
“สวัสดีค่ะพี่ดา เรียกอ้ายก็ได้ค่ะ”
“ชื่อน่ารักจังนะเรา วันนี้พี่จะเริ่มจากการพาอ้ายไปเดินชมรอบๆ บริษัทก่อนก็แล้วกันนะ แล้วช่วงบ่ายเราค่อยมาคุยเรื่องงานกันอีกที อยู่ที่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้องจ๊ะ มีอะไรไม่สบายบอกพี่ได้นะ พี่ค่อนข้างกว้างขวางในชั้นนี้” คำบอกเล่านั้นดูเหมือนจะไม่ไกลความจริงเลยสักนิด เมื่ออีกฝ่ายพาเธอเดินชมรอบบริษัทซ้ำยังแนะนำให้ได้รู้จักกับใครต่อใครอีกมากมาย
“น้องอ้ายมีแฟนรึยังครับ” ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอหนักใจเห็นจะหนีไม่พ้นพนักงานชายที่หมั่นแวะเวียนมาขายขนมจีบกันอยู่หลายคน เดือดร้อนถึงดาริกาที่ต้องรับหน้าที่กันคนพวกนั้นออกไปให้ห่างจากเด็กเส้นที่เจ้านายเบื้องบนกำชับสั่งมาเสียดิบดี ว่าให้ดูแลเป็นอย่างดี
‘อย่าให้ผู้ชายคนไหนมาเกาะแกะเด็กฝึกงานของผมเด็ดขาด ถ้าทำได้สิ้นปีนี้ผมจะเพิ่มโบนัสให้คุณ’
งานง่ายแถมเงินดีแบบนี้ใครไม่รับก็โง่เต็มกลืนแล้ว!
“พวกแกไม่มีงานการทำกันรึยังไงถึงได้พากันมาวุ่นวายกับน้องเขากันอยู่ได้ รีบไป! ก่อนที่ฉันจะเข้าไปบอกเจ้านาย!!” แน่นอนสิ้นคำสั่งนั้นใครเลยจะอยู่ต่อให้ซวย ต่างก็พากันสลายตัวไปทีละคนๆ
จะมีก็แต่หนึ่งคนเท่านั้นที่ยืนมองสาวน้อยตาหวานด้วยท่าทีที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกขนลุก แต่ไม่นานเขาก็เดินตามพวกก่อนหน้านั้นไปติดๆ ทิ้งให้เธอได้แต่ยืนสงสัยในสายตาของเขาที่แปลกกว่าทุกคน
“นั่นน่ะนายพิชิดผู้จัดการฝ่ายขาย เจ้าชู้ที่หนึ่งเชียว พี่แนะนำว่าให้อยู่ห่างเข้าไว้” ดาริกาเอ่ยเตือนทันทีที่อีกคนนั้นเดินหายลับสายตาไป บอกตามตรงเธอไม่ชอบสายตาที่ไอ้หมอนั่นมองเด็กฝึกงานของเธอเลยน่ากลัวจะเกิดเรื่องขึ้นเหมือนอย่างที่เคยเกิดบ่อยๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากเล่าให้อีกคนฟังเพราะกลัวจะขวัญเสียไปเสียก่อนจะได้ทันเริ่มงาน…
การฝึกงานวันแรกของมธุรสเป็นไปอย่างสนุกสนาน เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และก็ทำมันได้ดีจนดาริกาต้องเอ่ยปากชมอยู่หลายครั้ง ยอมรับว่าเด็กเส้นคนพิเศษของนายคนนี้แสนจะถูกใจเธอมากเหลือเกิน เพราะนอกจากจะเรียนรู้งานได้ไวแล้วยังมีสัมมาคารวะ ต่างจากเด็กฝึกงานคนก่อนๆ เป็นไหนๆ
“อ้ายจ๊ะ สงสัยตำป่าเมื่อกลางวันจะเล่นงานพี่แล้วล่ะ ถ้ายังไงอ้ายช่วยยกกาแฟเข้าไปให้คุณหนึ่งแทนพี่หน่อยสิ” แม้คำขอร้องนั้นจะทำให้หนักใจแต่พอเห็นสีหน้าของดาริกาเข้ามธุรสจึงไม่มีทางเลือก
“ได้ค่ะพี่ดา” เธอรับปากก่อนจะยกกาแฟที่ถูกยัดเหยียดมาให้เดินตรงไปยังห้องที่ตั้งแต่มาถึงยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้ เพราะรู้มาจากดาริกาอีกทีว่าเวลาทำงานนั้นวัชระไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาใกล้บริเวณนี้เพราะเขาต้องการสมาธิในการทำงาน ซึ่งถึงเขาจะไม่ออกกฎมาแบบนั้น เธอเองก็ไม่คิดจะเฉียดเข้าใกล้โดยไม่จำเป็น
หญิงสาวเคาะประตูสามครั้งก่อนจะเดินเข้ามาด้านในเมื่อเจ้าของห้องเอ่ยอนุญาต สิ่งแรกที่สะดุดตาคือภาพวิวทิวทัศน์ของตึกสูง มันดูสวยละลายตาต่างจากภาพที่ได้เห็นภายนอกอย่างสิ้นเชิง
“จะยืนดูวิวอยู่อย่างนั้นทั้งวันเลยรึไง” กระทั่งเมื่อเสียงเข้มดังขึ้นหญิงสาวถึงได้สติ จำต้องละสายตาจากภาพตรงหน้ามายังเจ้าของใบหน้าดุดันแทน
“ขอโทษค่ะ” เธอขอโทษก่อนจะค่อยๆ ประคองถ้วยกาแฟไปส่งให้เขาถึงโต๊ะทำงานเว้นระยะห่างตามที่หัวหน้าเทรนมาเป็นอย่างดี
“ดาริกาไปไหน ทำไมถึงเป็นเธอที่ยกกาแฟนี่เข้ามาแทน” สรรพนามที่เขาใช้เรียกกันดูห่างเหินจนใจฝ่อ แต่จะโกรธเขาก็ไม่ถูกในเมื่อเขากับเธอไม่ว่าจะสถานะไหน ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอยู่แล้ว
“พี่ดาไปเข้าห้องน้ำค่ะ เลยวานให้อ้ายยกเข้ามาให้แทน” เธอตอบก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกไป ติดแค่เสียงเข้มดังขึ้นมาก่อน
“ฝึกงานวันแรกได้ข่าวว่าเสน่ห์แรงไม่เบานี่! คงรู้แล้วใช่ไหมว่าบริษัทนี้มีกฎห้ามพนักงานชอบพอกัน!” เขาถามก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกโกรธ จนนึกอยากกระโจนไปบีบคอน้อยๆ นั่น
โทษฐานที่เจ้าหล่อน เดินร่อนหวานเสน่ห์ไปทั่วบริษัทตั้งแต่วันแรกที่เริมฝึกงานแบบนี้!
“ทราบแล้วค่ะ อ้ายออกไปได้รึยังคะ” มธุรสตอบก่อนจะถามกลับ เธอไม่คุ้นชินกับอารมณ์ที่เดาได้ยากของตรงหน้าในเวลานี้เลย บอกไม่ถูกว่าระหว่างกลัวกับโกรธเขานั้น อันไหนมีมากกว่ากันตอนนี้
“ยัง!” ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นทำให้เธอตัดสินใจเลือกอย่างหลัง แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรร่างสูงใหญ่ที่หอบเอาพายุหึงมาเต็มลำกลับลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะก้าวเข้ามาประชิดตัวกันอย่างรวดเร็ว
“คุณหนึ่ง!”
“อย่าให้เห็น! ว่าเที่ยวไปส่งยิ้มหวานให้คนนั้นคนนี่แบบเมื่อเช้าอีก!” คำสั่งของเขานั้นช่างเอาแต่ใจและดูไม่มีเหตุผลเสียเหลือเกิน
ตัวก็ตัวเธอ รอยยิ้มนั่นก็ของเธอ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาสั่งกัน!
“อ้ายขอเหตุผลได้ไหมคะ” อย่างน้อยๆ ก่อนที่จะตอบตกลงหรือปฏิเสธกลับไปเธอก็ควรรู้ก่อนว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่มีสิทธิ์ยิ้มให้คนอื่นในเมื่อรอยยิ้มนั้นเป็นของเธอ และเธอมีสิทธิ์เลือกว่าจะส่งมันให้กับใครคนไหนก็ได้ตราบเท่าที่ใจเธอต้องการ
“อยากได้คำตอบเหรอเดือนอ้าย…ได้! นี่ไงคำตอบฉัน!” สิ้นเสียง…ริมฝีปากหนาก็ทาบทับลงมาอย่างจาบจ้วง ทำให้มธุรสดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ตกลงจนเนื้อตัวสั่นเพราะไม่คิดว่าเขาจะคว้าตัวเข้าจูบเอาดื้อๆ แบบนี้แต่เรี่ยวแรงของเธอหรือจะสู้เรี่ยวแรงมันมหาศาลของเขาได้ สุดท้ายเธอก็ทำได้แต่ดิ้นเร้าๆ อยู่ในอ้อมกอดของจอมมาร ในขณะที่เขาระดมจูบกันอย่างรุนแรงป่าเถื่อน ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ
จูบที่รุนแรงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเรียกร้องตามแรงอารมณ์อย่างช้าๆ วัชระรู้ดีว่าไม่ควรทำแบบนี้ในห้องทำงานของตัวเอง แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความหวงที่มันกำลังครอบงำจิตใจอยู่เหนือทุกสิ่ง
มันเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เขาเผลอสบตาคู่สวยคู่นี้เข้า จากนั้นเขาก็ไม่อาจถอนสายตาไปจากเธอได้เลย ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน
จูบที่ยาวนานจบลงเมื่อสัมผัสได้ถึงหยดเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘น้ำตา’ เข้า ทำให้เขายอมตัดใจถอนริมฝีปากออกทั้งๆ ที่ใจไม่อยาก
“อ้าย…”
“ฮึก! อ้ายทำอะไรผิดคะ” มธุรสเอ่ยถามทั้งน้ำตานองหน้า เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงไม่มีค่าที่เขาคิดอยากจะกระชากมาจูบก็ทำได้โดยไม่สนเลยสักนิดว่าเธอจะยินยอมพร้อมใจกับเขารึเปล่า
“ไม่ๆ อย่าร้องไห้นะอ้าย พี่ขอโทษ อ้ายไม่ผิดเลยคนดี คนที่ผิดมันคือพี่ต่างหาก” น้ำตาของเธอไม่ต่างอะไรจากน้ำกรดที่ถูกราดรดลงกลางใจ มันทำให้วัชระไม่สามารถทนดูเฉยๆ ได้อีกต่อไป เขาคว้าตัวคนขี้แงเข้ามากอด ปลอบอยู่นานจนเสียงร้องไห้ค่อยๆเงียบไป
เขาถึงได้ยอมปล่อยให้เธอออกไปจากห้องตามคำขอ…
แม้จะยังรู้สึกโกรธแต่มธุรสก็ไม่มีทางเลือก เธอเดินเท้ามายืนรอเจ้านายยังที่เดิมที่เธอขอให้เขาจอดส่งเมื่อเช้าอย่างคนไม่มีทางเลือกมากนัก เฝ้ารอไม่นานรถคันหรูของวัชระก็เคลื่อนมาจอดอยู่ตรงหน้าทำให้เธอต้องรีบพาตัวเองเข้ามาในรถเพราะกลัวจะมีคนเห็น
“อ้ายหิวไหม เราแวะหาอะไรทาน…”
“อ้ายอยากกลับบ้านค่ะ” คำถามนั้นจบลงทันทีที่อีกคนตอบกลับ เห็นชัดว่าการใช้ของกินเข้าล่อดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับคนขี้งอน ซึ่งจะโทษเธอก็คงไม่ได้เพราะเขาเองที่หึงจนหน้ามืดทำเรื่องที่ไม่สมควรจนทำให้เธอโกรธ เผลอๆ ตอนนี้อาจลามไปถึงเกลียดแล้วก็ได้
“อยากไปเดินห้างหรือดูหนังสักเรื่องไหม เดี๋ยวพี่พาไป” หนนี้มธุรสไม่ตอบ เพราะถือว่าเธอได้ให้คำตอบของตัวเองกับเขาไปแล้ว ทีนี้มันก็สุดแล้วแต่เขาว่าจะบังคับใจกัน หรือทำตามที่เธอได้ร้องขอไป
แน่นอนว่าวัชระเลือกอย่างหลัง