ข่าวการหมั้นหมายระหว่างสองทายาทยักษ์ใหญ่แพร่กระจายไปทั่วสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสารชื่อดัง หรือแม้แต่ข่าวสั้นก็ยังไม่วายพูดถึงงานแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ภาพคู่ของบ่าวสาวที่ยืนยิ้มต้อนรับแขกที่หน้างานอยู่ในขณะนี้นั้นต่างเป็นภาพที่ใครต่อใครต่างก็พากันอิจฉาเมื่อได้เห็น จะมีก็แต่คนในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ว่าเบื้องหลังของงานแต่งงานในวันนี้มีความโศกเศร้าเกิดขึ้น ความโศกเศร้าที่มาพร้อมกับความเสียสละของใครบางคน
ใครบางคนที่ได้แต่มองดูภาพนั้นผ่านทางทีวีอยู่ในห้องเช่าหลังเล็กทั้งน้ำตา มันเจ็บเมื่อคิดว่าตนที่อยู่ข้างๆ เขานั้นไม่ใช่ตัวเอง
แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
“อ้ายขอให้พี่หนึ่งกับคุณมิ้มมีความสุข ต้องมีความสุขให้มากๆ นะคะ ฮึก! อ้ายขอโทษ…” หญิงสาวเอ่ยอวยพรคนทั้งคู่ทั้งน้ำตา นาทีนี้เธอหวังแต่เพียงอยากให้เขาคนนั้นมีความสุขให้มากๆ
มีความสุขให้สมกับความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของเธอ
ลาก่อนค่ะ…พี่หนึ่งของอ้าย
ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้เห็นว่าจะจริง
เพราะหากเลือกเกิดได้ มธุรสก็อยากเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทุกสิ่งเหมือนกับคนอื่นๆ แต่กระนั้นหญิงสาวก็ไม่เคยโกรธหรือถือโทษแม่ของตัวเองที่เป็นเพียงแม่ครัวจนๆ เลยแม้แต่น้อย หรือแม้แต่พ่อที่ทิ้งเธอกับแม่ไป เธอรู้ดีว่าชีวิตคนทุกคนนั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่สิ่งที่เลือกได้คือทำทุกวันให้เป็นวันที่ดีที่สุด นั่นต่างหากที่มันสำคัญ
แต่ในความโชคร้ายของชีวิตก็ยังพอหลงเหลือความโชคดีให้ได้สัมผัสอยู่บ้าง อย่างน้อยๆ คุณหญิงแสงฉายเจ้านายของแม่ก็เป็นคนดีมีเมตตา นอกจากท่านจะรับแม่ของเธอที่ท้องใหญ่ใกล้คลอดเข้าทำงานแล้วนั้น ท่านยังใจดีส่งเสียให้เธอได้ร่ำเรียนเท่าที่อยากเรียน
“มัวทำอะไรอยู่อ้าย ทำไมป่านนี้ยังไม่รีบเข้าไปหาคุณท่านอีก” ดวงมณีบอกบุตรสาวที่เอาแต่ยืนเหม่อ เสียงนั้นเรียกสติอีกคนได้
“ไปเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะแม่” หญิงสาวเอ่ยบอกมารดาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานที่ใครเห็นเป็นก็ต้องหลงรักไปซะทุกราย ก่อนจะเดินตรงไปยังบ้านใหญ่ เพื่อทำหน้าที่ที่ตนเองทำมันอยู่เป็นประจำทุกวัน
ทว่าเมื่อมาถึงที่หมาย เธอกลับพบว่าภายในห้องโถงใหญ่ของบ้านบดินทร์ราชาในตอนนี้นั้น นอกจากคุณท่านที่แสนจะใจดีมีเมตตาของเธอแล้ว ยังปรากฏร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กำลังนั่งเคียงคู่อยู่ข้างๆ กายท่านอีกคนหนึ่ง กระทั่งเมื่อทั้งสองหันมาเห็นการปรากฏตัวของเธอเข้า บทสนทนาก่อนหน้านี้ถึงได้หยุดลงชั่วครู่…
“เข้ามานี่เถอะยัยอ้าย ฉันจะแนะนำให้รู้จักหลานชายของฉัน” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม อดแปลกใจไม่ได้ว่าคุณหญิงแสงฉายมีหลานชายด้วยหรือ เพราะนับตั้งแต่ที่เธอจำความได้บ้านหลังนี้ก็มีแต่ท่านเท่านั้น ที่อยู่ลำพังคนเดียวพร้อมคนใช้สิบสองคน
“นี่วัชระ หลานชายคนเดียวของฉัน ส่วนนี่เดือนอ้าย ลูกแม่ครัวที่ย่าเพิ่งจะพูดให้ฟังไงตาหนึ่ง” คุณหญิงแสงฉายแนะนำให้หลานชายได้รู้จักกับหญิงสาวที่ท่านรักและเอ็นดูมาตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยรอยยิ้มสดใส ชีวิตของท่านเหมือนฝันเมื่อจู่ๆ ก็ได้รับข่าวคราวจากหลานชายที่ถูกผู้เป็นแม่พาออกจากบ้านเพราะทนต่อนิสัยเจ้าชู้ของสมชาย บุตรชายเพียงคนเดียวของนางไม่ไหว หลานชายที่ท่านไม่เคยได้พบหน้าอีกเลยจนกระทั่งบัดนี้เมื่ออีกฝ่ายยอมกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ในขณะที่มารดานั้นโชคร้ายมาด่วนจากกันไปเสียก่อน
“สะ…สวัสดีค่ะคุณวัชระ” มธุรสกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้คนที่เอาแต่จ้องมองกันไม่ยอมละสายตาไปไหนอย่างนอบน้อม ยอมรับว่าสายตาของเขาทำให้เธอใจสั่นไม่น้อย และมันไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครคนไหนง่ายๆ ด้วย แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังสำนึกดีว่าตนเองเป็นใครและอีกคนเป็นใคร เขาอยู่สูงเกินกว่าที่เธอจะฝันถึง
แม่ของเธอมักจะพร่ำสอนเสมอว่าไม่ควรตีตนเสมอนาย และเธอก็ท่องจำคำสอนนั้นอย่างขึ้นใจมาโดยตลอด
“เรียกว่าพี่หนึ่งก็ได้ ชื่อเดือนอ้ายเหรอเรา” คนถูกถามเพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆ พยายามอย่างมากที่จะหลบสายตาคมเข้มที่กำลังจ้องมองกัน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ชอบกลกับสายตาของเขา
“เดือนอ้าย…ชื่อเพราะดี พี่ชอบ” วัชระเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม สายตาอ่อนโยนของเขาจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างอดเอ็นดูไม่ได้
คนอะไร…
หน้าก็งาม นามก็เพราะ!
มธุรสพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำอยู่ในที่ของตัวเอง ซึ่งมันช่างมันต่างจากหลานชายของเจ้าของบ้านที่ไม่รู้ทำไมหมู่นี้เขาถึงได้ชอบพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ สายตาเธอเสมอ การกระทำนั้นทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ได้แต่บอกว่าตัวเองว่าทั้งหมดนี้คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะหันมาสนใจลูกแม่ครัวอย่างเธอ
“จะหลบหน้าพี่ไปจนถึงเมื่อไหร่กันเดือนอ้าย!” เสียงเข้มที่ดังมาพร้อมร่างสูงโปร่งของคนที่หญิงสาวพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะหลบหน้าเขาทำให้มธุรสตกใจจนเกือบจะเผลอส่งเสียงร้องออกมา โชคยังดีที่บริเวณหลังบ้านนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น มันคงไม่ดีแน่หากมีข่าวซุบซิบระหว่างเธอกับเขาหลุดไป
“คุณหนึ่ง มีอะไรจะใช้อ้ายเหรอคะ”
“ไม่มี แค่อยากรู้ว่าพี่ไปทำอะไรให้ หมู่นี้ถึงคอยแต่จะหลบหน้าหลบตากัน” วัชระเชื่อว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายพยายามที่หลบหน้ากัน ในขณะที่เขาเอาแต่เฝ้าฝันถึงใบหน้าอ่อนหวานของเธอแทบทุกคืน ทั้งพยายามพาตัวเองมาให้ได้เห็นหน้าก็แล้ว แอบมองเวลาที่เธอเข้ามาบีบนวดให้คุณย่าที่เรือนใหญ่ก็แล้ว แต่ดูเหมือนยิ่งเขาพยายามที่จะเข้าใกล้ เธอก็ยิ่งพยายามพาตัวเองออกห่างกันไปอีก
มันทำให้ความคิดที่ว่าจะค่อยๆ จีบเธอช้าๆ ของเขาทลายลง!
“อ้ายเปล่านะคะ” คนโกหกไม่เนียนตอบก่อนจะขยับไปอีกทาง แต่ก็ติดที่อีกคนดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีไปไหนได้อีก