บทที่ 5 พานพบเจอกันอีกครั้ง

2135 คำ
ก่อนหน้านี้... มีคนกล่าวไว้...แพทย์ที่ยุ่งไม่มีเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นแพทย์เพิ่งจบใหม่ ฐากูรอยากถามคนที่คิดประโยคนี้เสียจริง ใครมันเป็นคนคิด ตอนนี้เขาเรียนจบเฟลโล่จนเป็นสตาฟ ซึ่งเป็นระดับขั้นสูงสุดของวิชาชีพแพทย์ ทว่าต้องมานั่งทำงานเข้าเวรเหมือนเดิม เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่ายหน้าเบา ๆ ตราบใดที่ตนทำงานให้กับโรงพยาบาลรัฐบาล ก็คงไม่รอดพ้นเรื่องทำงานหนัก แต่เงินน้อย “เฮ้อ...” ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เดินออกจากห้องพักแพทย์ด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ชายหนุ่มคิดจะไปกดกาแฟที่ตู้กาแฟเสียหน่อย ...บรรยากาศภายในโรงพยาบาลยามสองทุ่มนี้ก็ยังครึกครื้น แถมยังเป็นวันที่ฝนตกหนัก คนไข้เยอะ อุบัติเหตุเยอะ มองไปที่ห้องฉุกเฉินแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ อีกหน่อยก็คงมีคนโทรมาบอกให้เตรียมห้องผ่าตัด อุบัติเหตุทางรถส่วนใหญ่นั้นก็มักจะได้ผ่าตัดสมองและไขสันหลังทุกที ฐากูรกดกาแฟไปบ่นอุบอิบไปด้วย “ใส่หมวกกันน็อกนี่มันยากมากมั้ง” คนไข้ส่วนใหญ่ของเขาก็มักมาจากอุบัติเหตุที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ชายหนุ่มดูดกาแฟจ๊วบ ๆ พร้อมกับเดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน เพื่อจะไปดูว่าตอนนี้มีเคสส่งเข้าห้องผ่าตัดหรือไม่ ทว่าพอเดินเข้าไปใกล้ เขากลับพบกับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ....ผู้หญิงที่ทรุดตัวลงกับพื้นนั้นเขาจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นใคร เธอสูงมาก สูงกว่ามาตรฐานหญิงไทยถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ รูปร่างของเธอนั้นอวบขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่เพราะส่วนสูงที่สูงมากของเธอนั้นทำให้หล่อนดูไม่อ้วน แถมยังดูสมส่วนกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ใบหน้าของเธอนั้นดูอวบอิ่มมากกว่าเก่า แต่ยังคงความสวยงามได้เหมือนเดิม เธอสวย มัดไหมมีหน้าผากที่นูนขึ้น ยกคิ้วให้โก่งขึ้นดั่งคันศรธนู จมูกโด่งเรียวสวยและริมฝีปากอวบอิ่มนั้น ทว่า ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ แล้วทำไมถึงร้องไห้หนักขนาดนี้ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเธอเลย แม้นว่าจะยังพอมีช่องทางติดต่อหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างเบอร์โทรและคอนโดมิเนียมที่เคยเป็นรังรัก ทว่าหลังจากที่เห็นเธอกับผู้ชายคนใหม่วันนั้น ความรู้สึกของเขาก็ไม่เหมือนเดิม รู้สึกว่ามันเร็วไปที่เธอจะไปมีคนอื่น เลยไม่มีความคิดที่จะกลับไปง้อเธอ ทว่าตอนนี้ ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาก้าวขาเดินเข้าไปใกล้ ค่อย ๆ นั่งยอง ๆ ลงที่พื้น ซึ่งคนที่ก้มหน้าอยู่นั้นไม่มีทางมองเห็น ชายหนุ่มค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา “มัด...” เจ้าของชื่อคิ้วกระตุก เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ ดวงตาของเธอนั้นเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกใจ “ฐา...” เธอเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา ก่อนจะโผเข้ากอดเขาอย่างแรง จนคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลักนั้นล้มก้นกระแทกพื้น แต่เธอก็ยังกอดเขาไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง “ฮึก ฮือ~ ลูก อึก ฮือ~” มีความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้นมาในใจของเธอ ความประมาทไม่กี่วินาทีนั้นอาจจะพรากลูกสาวไปตลอดกาล มัดไหมอยากตีตัวเอง อยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข “เกิดอะไรขึ้น ลูก ลูกใคร?” เขาตกใจ อยู่ ๆ เธอก็พูดว่าลูกขึ้นมา คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ส่วนคนที่กลัวจนไร้สตินั้นก็หลุดปากพูดขึ้นมาในที่สุด “ลูกของเรา ฮึก ฮือ~” “ฮะ...” ฐากูรตกใจดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะดันไหล่ของเธอออก จับหัวไหล่มนของเธอไว้เพื่อที่จะได้มองหน้าของเธอให้ได้ชัด ๆ “หมายความว่าไง” “อึก...” “หมายความว่าไง อย่าเงียบสิ” หัวใจของเขาหล่นวูบ เธอพูดอย่างกับว่ามีลูกกับเขา และลูกกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ซึ่งมัดไหมเองก็สติหลุด ลืมคำปฏิญาณที่ได้บอกตัวเองไว้ว่าจะไม่บอกเขาไปเสียสนิท “ลูก อึก โมจิลูกของเรา” เธอพูดได้แค่นี้ ความเสียใจมันมาจุกอก เธอไม่รู้ตัวเลยว่าหลุดพูดอะไรออกมาบ้าง ตอนนี้เหมือนกับคนสติหลุดไปชั่วขณะ ขับรถพาลูกมาโรงพยาบาลได้ก็บุญมากแค่ไหนแล้ว “เธอ...” เขาอึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ หัวใจแกร่งในอกเต้นแรง เปลือกตาหนานั้นกะพริบปริบ ๆ มันอึ้ง มันทึ่งจนพูดอะไรไม่ออกมาเลยสักคำ ทว่าพอนึกขึ้นได้ว่าลูกอยู่ในห้องฉุกเฉินก็รู้สึกเหมือนกับถูกของแข็งทุ่มใส่กลางศีรษะ แต่พอจะเอ่ยปากถาม บานประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกเสียก่อน “อ้าว คุณหมอฐา” แพทย์ห้องฉุกเฉินเอ่ยทักเพื่อนร่วมอาชีพ แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายที่นี่ ซึ่งมัดไหมที่เห็นหมอออกมาก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที “คุณหมอ ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ ฮึก ยัยหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฐากูรเลื่อนสายตาไปมองมัดไหม เขายังคงทึ่งอยู่กับสิ่งที่เธอพูด ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเช่นกัน “ปลอดภัยแล้วครับ” ได้ยินอย่างนั้นน้ำตาของมัดไหมก็ยิ่งไหลออกมาหนักกว่าเดิม เธอเดินเข้าห้องฉุกเฉินอย่างช้า ๆ โดยที่ฐากูรเองก็อยากเห็น เขาเดินตามแผ่นหลังบางไปอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกัน มันไม่ต่างจากภาพสโลว์โมชัน เด็กผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่นั้น ลูกของเขาหรือ... “คุณแม่ ฮึก ฮือ~” มัดไหมโอบกอดลูกสาวไว้แนบอก ลูบศีรษะของคนเป็นลูกพร้อมกับพึมพำออกมาไม่หยุด “แม่ขอโทษนะลูก แม่​ ฮึก แม่ขอโทษ” กลัวเหลือเกิน กลัวไม่ได้เจอหน้าลูกอีก เสียงร้องไห้เล็ก ๆ นี้ก็ยิ่งบีบหัวใจของคนเป็นแม่ ซึ่งทั้งสองกอดกันกลม โดยที่ฐากูรเองก็ยังมึนงงอยู่ “เกิดอะไรขึ้นครับ” เขาหันไปถามเพื่อนร่วมอาชีพ “อ้อ เด็กหมดสติน่ะครับ” “ทำไมหมดสติล่ะ” “น่าจะได้รับก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เยอะ คงทิ้งเด็กไว้ในรถล่ะมั้ง” แค่นี้เขาพอจะเข้าใจแล้วในฐานะแพทย์ คาร์บอนมอนอกไซด์แย่งจับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงส่วนที่เหลือไม่ปล่อยออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ร่างกายขาดออกซิเจน เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติจนหมดสติไปได้ แต่ระบบหายใจบางส่วนยังทำงานอยู่บ้าง หากไม่ได้รับในเวลานาน เธอคงช่วยลูกไว้ได้ทัน แต่ทำไมถึงสะเพร่าทิ้งเด็กไว้ในรถทั้ง ๆ ที่ข่าวก็ออกเป็นประจำทุกวัน ฐากูรอดที่จะโมโหไม่ได้จริง ๆ แต่จะกล่าวโทษเธอตอนนี้ก็คงไม่ดีเท่าไร หล่อนกำลังขวัญเสีย ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มไม่สามารถละสายตาไปจากเด็กผู้หญิงคนนี้ได้เลยจริง ๆ ไร้ข้อสงสัย แววตาของเด็กคนนี้นี่มันเขาชัด ๆ ชายหนุ่มไม่แปลกใจที่ตนจะมีลูก แต่ว่าทำไมเธอเพิ่งมาบอก ละมาบอกเอาตอนที่ลูกเกือบจะจากเขาไป กะจะไม่ให้เขาเจอหน้าลูกเลยหรืออย่างไรกัน... เวลาต่อมา... มัดไหมสงบลงแล้ว สติสตังกลับมาครบแล้ว และตอนนี้ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนนั้นหลุดปากพูดอะไรไป โมจิหลับไปแล้วและหมอให้นอนที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อดูอาการ ซึ่งลูกสาวนั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เติมออกซิเจนที่ขาดไปอีกด้วย และเขาคนนั้นก็อยู่ที่นี่กับเธอ หน้าห้องพักผู้ป่วยของลูกสาว “ที่มัดพูด หมายความว่าไง” “_” “ทำไมเพิ่งมาบอก” เขาโมโหก็ตรงนี้ ไม่ติดเลยสักนิดหากว่าตนจะมีลูก เขาเลี้ยงได้ แต่ทำไมเธอถึงปิดบังเขาไว้ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ลูกของคุณ” เธอปฏิเสธ ตอนนั้นไม่มีสติเลยบอกไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้สติกลับมาครบถ้วน จึงปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง แต่ใครจะไปเชื่อ “หึ ผมทำเองทำไมจะไม่รู้” สรรพนามของเธอดูห่างเหิน หล่อนเรียกเขาคุณแบบนี้ก็ทำเอาไปไม่ถูก “แล้วไม่คิดว่าฉันจะไปทำกับคนอื่นหรือไง” คำนี้ทำให้เขานึกถึงวันที่เจอเธอครั้งสุดท้าย “ไม่ ไม่ใช่ ผมรู้นะว่าเด็กอายุเท่าไร บวกลบช่วงที่คุณท้องเป็นช่วงที่เรามีความสัมพันธ์กัน” “ความสัมพันธ์แบบไม่มีชื่อเรียกน่ะเหรอ” เธอแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ เขาทำเธอเจ็บมากแค่ไหนไม่เคยลืม มันฝังใจของเธอ แน่นอนว่าไม่มีทางลืมเป็นอันขาด “ถ้าเกิดเป็นลูกของผมจริง ๆ ผมมีสิทธิ์ในตัวลูก” เขาเรียกร้องสิทธิ์ “พรากลูกไปจากพ่อของเขาแบบนี้มันบาปนะ” “เขาไม่ใช่ลูกของคุณ” “หึ แล้วก่อนหน้านี้คุณพูดว่าไงนะ มัดไหม ผมรู้จักคุณดี” เธอขาดสติ และนั่นก็เป็นความจริง “ฉันไม่มีสติ” “นั่นแหละ คนเราพูดความจริงก็ตอนที่ไม่มีสตินี่แหละ” “พอเถอะ” “ไม่ ละเมื่อกี้ทำไมคุณถึงทิ้งลูกไว้ในรถ” “ฉันไม่ได้ทิ้ง อย่าพูดแบบนี้นะ!” มัดไหมตะคอกเสียงออกมา เธอรู้สึกผิด กล่าวโทษตัวเองตลอด และเขากำลังโทษเธออีกด้วย “อึก คุณไม่เข้าใจหรอก” “ทำไม” “_” การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวบางอย่างก็ไม่สามารถทำพร้อม ๆ กันได้ หากมีคนอยู่กับลูกอีกคนก็คงไม่เกิดปัญหานี้ “มัดไหม คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ” “_” “คุณจะทำเหมือนกับว่าผมไม่ใช่พ่อของโมจิไม่ได้” “ก็เขาไม่ใช่ลูกของคุณ!” มัดไหมตะคอกเสียงออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีแต่ฐากูรก็ไม่ยอม ยื่นมือไปกระชากแขนของหล่อนอย่างแรง พลั่ก! กระทั่งคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ฐากูรฉวยโอกาสโอบเอวบางของเธอไว้แน่น “อึก ปล่อยนะ!!” “ไม่!” ว่าเสียงเข้มไม่ต่างกัน เขาไม่ยอมให้เธอพรากลูกไปจากอกเป็นครั้งที่สองแน่ “อย่าทำให้ผมต้อง...” “ต้องอะไร” เธอขมวดคิ้ว ก่อนที่คนตรงหน้าจะกระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ “ทบทวนความหลังไง” ว่าหน้าตาเฉย แต่คนได้ยินนั้นถึงกับเบิกตากว้างออกมา “ทบทวนอะไร บ้าไปแล้วหรือไง” “หึ ไม่บ้าหรอก” มุมปากหนากระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ การกลับมาเจอกันอีกครั้งในรอบนี้เขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ชายหนุ่มคิดว่าฟ้าคงลิขิตให้มาเจอ และเธอคงเป็นเนื้อคู่ของเขา แม้นว่าฟ้าถล่มดินสลายก็ยังไม่แคล้วจากกัน เขาจะไม่ปล่อยเธอไปไหนแล้ว “ปะ ปล่อยนะ” มัดไหมดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดนี้ แต่เขากลับโอบรัดเธอแน่นมากขึ้น “​เรามีลูกด้วยกัน แถมลูกยังน่ารักแบบนี้ ทำไมใจร้ายไม่ให้ผมรู้” เขาสบตากับเธอ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน ๆ เว้าวอนขอความเห็นใจ “ทำไมต้องบอกคะ ก็คุณไม่รักฉันนี่” เบือนหน้าหนี ไม่อยากสบตากับคนเห็นแก่ตัว ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยให้สถานะ ให้เธออยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วเรื่องอะไรเธอต้องบอกเขา “ก็เดี๋ยวอยู่ด้วยกัน สร้างครอบครัวด้วยกันก็รักนั่นแหละ” “_” “ผมคิดถึงคุณนะ” กลั่นคำพูดออกมาจากใจ เขาไม่เคยลืมระยะเวลาที่มีความสุขร่วมกัน แม้นว่าจะผ่านมานานขนาดนี้แล้วก็ตามแต่ “ไม่ต้องมาพูด ถ้าจะมาพูดเพื่อเอาใจก็ไม่ต้องมาพูดค่ะ” “ไม่ได้พูดเอาใจ พูดจริง ๆ” “เหอะ!” แค่นหัวเราะอย่างคนไม่อยากจะเชื่อ มีด้วยเหรอคนที่ไม่รักกัน ไม่อยากเป็นแฟนกันแต่กลับบอกคิดถึงกันแบบนี้ “โอเค แล้วตอนนี้มัดยังต้องการสถานะไหม ผมให้คุณได้เลยนะ แต่งงานกันไปเลย” “ฮะ!” “ไม่ดีเหรอ” “พูดเป็นเล่นไปได้ คิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องล้อเล่นหรือยังไง!” ว่าด้วยความโมโห เขาพูดอย่างนี้ไม่ดีเอาเสียเลย พูดเป็นเล่นไม่คิดถึงจิตใจของเธอ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม