บนรถ
ตลอดทางที่นั่งรถมามีแต่ความเงียบอันน่าอึดอัด แม้ว่าแขไขจะรู้ตัวตลอดเวลาที่เดชาธอแอบมองเธอ แต่หญิงสาวก็ไม่มีอะไรจะพูดตอนนี้ ในใจของเธอกำลังเป็นห่วง ‘เขมจิรา’ หรือ ‘เข็ม’ น้องสาวที่แสนน่ารักของตัวเอง เธอพยายามกดโทรหาน้องสาวเป็นสิบๆ สายแต่หล่อนก็ไม่รับ โทรหามารดาก็ติดต่อไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับนางฟ้า บอกผมได้ไหม ผมจะได้ช่วยคุณไง” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยห่วงใย
ยิ่งเห็นสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้จะรอมร่อของหล่อน เขายิ่งเจ็บปวดใจ เรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอเศร้าใจได้ขนาดนี้
“คุณช่วยฉันไม่ได้หรอก”
“ยังไม่ทันได้บอกเลย แล้วรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าผมจะช่วยคุณไม่ได้”
“เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครช่วยฉันได้เลยไง!!!” แขไขแผดเสียงใส่เขา
น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เดชาธรรีบหักรถเข้าจอดข้างทาง ขืนฝืนขับต่อไปอย่างนี้คงเกิดอุบัติเหตุแน่ เขาไม่มีสติพอที่จะขับรถต่อได้
“ร้องไห้ทำไมครับนางฟ้าของผม”
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขามาพร้อมกับนิ้วเรียวที่ร้อนระอุ เดชาธรเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมาของเธอออกแล้ววางมือลงบนศีรษะของหล่อน
“คุณไว้ใจผมได้นะครับ ผมอยู่ข้างเดียวกับคุณเสมอนะนางฟ้า”
ร่างสูงถอดสายเบลท์ออกแล้วโน้มตัวเข้าไปาหาเธอ ฝ่ามือหนาลูบไปตามเส้นผมนุ่มอย่างปลอบประโลม
“ฉันต้องไปช่วยยัยเข็ม” ในที่สุดหล่อนก็ยอมเอ่ยปากพูด
แขไขมองหน้าเดชาธรอย่างเว้าวอน มือเล็กดึงมือของฝ่ายชายมาจับเอาไว้แล้วขอร้อง
“ได้โปรดรีบพาฉันกลับบ้าน ฉันต้องไปช่วยน้องสาวของฉัน ฉันจะปล่อยให้ยัยเข็มมารับกรรมแทนฉันไม่ได้”
“กรรมอะไรครับ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
“คือฉัน...ฉันหนีงานแต่งงานมา”
หญิงสาวยอกบอกความจริงกับเขาในที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงไม่อยากปิดบังเขา ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้อยู่ในเซฟโซน
“สามเดือนก่อน ฉันขอร้องให้คุณแม่ล้มเลิกเรื่องที่จะให้ฉันกลับไปขอคืนดีกับนนท์เพราะฉันไม่ต้องการแทรกเเซงความรักของใครอีก โดยที่...โดยที่แลกกับการที่ฉันยอมรับเงื่อนไขของคุณแม่คือจะยอมแต่งงานเป็นเมียของพ่อเลี้ยงเซบาสเตียน งานแต่งจะถูกจัดขึ้นในอีกหกวัน ฉันรู้ว่ายังไงก็หนีไม่พ้น ฉันแค่อยากมีเวลาอย่างน้อยก็สักเจ็ดวัน เจ็ดวันที่ฉันจะรู้สึกว่าชีวิตนี้เป็นของฉัน เจ็ดวันที่ฉันอยากมีอิสระให้กับตัวเองบ้าง แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...คิดไม่ถึงเลย...ฮึก...”
แขไขทนรับมันไม่ไหวอีกต่อไป เธอใช้สองมือปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น เดชาธรรีบดึงร่างบางเข้ามากอด เธอสะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขาอย่างน่าสงสาร
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร...”
มืออีกข้างดึงมือของคนที่กำลังร้องไห้มากุมไว้แล้วบีบเบาๆ วินาทีทีน้ำตาของหล่อนไหลออกมา ชายหนุ่มผู้ดีได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปเด็ดขาด...
ต่อให้ต้องตาย ก็จะปกป้องเอาไว้ให้ได้
“ถ้าฉันไม่ดื้อกับคุณแม่ ยัยเข็มก็คงไม่ต้องเดือดร้อนแบบนี้ ฉันต้องกลับไปค่ะ ฉันต้องกลับไป”
“ครับๆ ผมรู้แล้ว ผมจะพาคุณกลับไป” เสียงนุ่มตอบกลับ
แขไขเงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตา นึกเสียใจที่หลังจากนี้คงไม่มีโอกาสได้มองหน้าเขาอีกต่อไป
“ขอบคุณมากนะคะ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ฉันมีความสุขมากจริงๆ ฉันจะจดจำมันเอาไว้จนวันตายเลยค่ะ” ร่างบางยิ้มเศร้าทั้งน้ำตา
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาอันแสนสั้น แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนยาวนาน รอยยิ้มที่สดใสของเขา เสียงหัวเราะที่ร่าเริง อ้อมกอดที่อบอุ่น และ...รสจูบอันหอมหวาน ทุกอย่างจะถูกตอกลงในหัวใจของเธอตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต ผู้ชายที่เข้ามาทำให้โลกของเธอสดใสเปลี่ยนไปจากเดิมนอกจากเดชาธรคงไม่มีใครอีกแล้ว
ไม่ว่าความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาจะใช่ความรักหรือไม่ก็ตาม
เธอก็จะขอคิดถึงแค่เขาคนนี้...ตลอดไป
เป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงในการขับรถมาบ้านของแขไขที่กรุงเทพฯ เธออาศัยอยู่ในย่านที่ไฮโซอาศัยกัน เดชาธรจอดรถเทียบที่หน้าบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์ แขไขรีบเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปในบ้าน ที่เวลานี้มีคนยืนอยู่มากมาย ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนของพ่อเลี้ยงเซบาสเตียนทั้งสิ้น
“ยัยเข็ม ยัยเข็ม!” เธอตะโกนเรียกน้องสาว
เดชาธรวิ่งตามเข้ามา ทันทีที่เข้ามาในบ้าน ก็เจอกับชายหนุ่มลูกครึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าแต่ผมสีดำสนิท ผิวขาวเหมือยหยวกกล้วยและท่าทางดูมีอำนาจนั่งอยู่บนโซฟา ที่โซฟาตรงข้ามก็มีชายหญิงสูงอายุสองคนนั่งอยู่ ดูๆ แล้วคงจะเป็นคุณพ่อและคุณแม่ของแขไข
“ยัยเข็ม” แขไขรีบเข้าไปหาน้องสาว
เขมจิราในชุดเจ้าสาวนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นตรงหน้าพ่อเลี้่ยงน้ำตานองหน้า พอเห็นพี่สาวที่กลับมา หล่อนก็โผเข้ากอดร้องไห้ฟูมฟาย
“พี่แขช่วยเข็มด้วย เข็มไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากแต่ง ฮือ...”
“ใจเย็นนะยัยเข็ม พี่มาแล้ว เข็มไม่ต้องแต่งกับใครทั้งนั้น พี่จะแต่งงานเอง ฉันจะแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเองค่ะ”
น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวเอ่ยออกมาพร้อมกับเงยหน้าท้าทายคนที่มีอำนาจที่สุด พ่อเลี้ยงเซบาสเตียนยกยิ้มมุมปาก เขาโน้มตัวลงมาใช้นิ้วเชยคางแขไขให้แหงนหน้าขึ้นเพื่อพินิจพิจารณาเธออย่างถี่ถ้วน
“อย่าทำน้ำเสียงเหมือนผมบังคับคุณสิ มัมของคุณเป็นคนเสนอเอาตัวลูกสาวมาใช้หนี้เองนะ ผมไม่ได้เรียกร้องอะไร”
เขายิ้มร้าย แขไขเพิ่งได้มารู้ความจริงว่าพ่อเลี้ยงเซบาสเตียนก็คือเจ้าหนี้ที่มารดาของเธอไปยืมมาหลังจากที่ตอบตกลงจะแต่งงานหากยอมให้เธอถอนตัวออกมาจากการแย่งชิงนนท์นธี
“ฉันรู้ค่ะ เพราะงั้นคนที่จะแต่งกับพ่อเลี้ยงก็คือฉันที่เป็นลูกสาวคนโต อย่ามายุ่งกับน้องสาวของฉันอีก ยัยเข็ม ไปถอดชุด” เธอออกคำสั่ง
เขมจิราพยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะไปถอดชุดเจ้าสาวที่ถูกมารดาบังคับให้ใส่เพื่อแต่งงานกับชายหนุ่มแทนพี่สาว
“เด็ดเดี่ยวแบบนี้สิ ผมชอบ” พ่อเลี้ยงก้มหน้าลงมาใกล้
แขไขกำมือแน่น เธอรังเกียจเขาและไม่อยากจะเข้าใกล้แม้แต่วินาทีเดียว ทว่าหากเธอไม่เป็นฝ่ายเสียสละ เขมจิราก็จะต้องเป็นคนที่เดือดร้อนแทน เธอยอมไม่ได้ เธอสัญญากับมารดาที่เสียไปแล้วว่าจะดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด
จะทำหน้าที่ทุกอย่างที่คนเป็นแม่ควรจะทำให้แก่เขมจิรา
“ถ้าแบบนี้พ่อเลี้ยงก็ให้คนของพ่อเลี้ยงกลับไปได้แล้วใช่ไหมคะ ยัยแขก็กลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะดูแลมันอย่างดีจนกว่าจะถึงวันแต่งงานเองค่ะ”
มารดาหรือแท้จริงแล้วเป็น ‘แม่เลี้ยง’ ของแขไขและเขมจิราเอ่ยขึ้น เธอกังวลกลัวว่าเพื่อนบ้านจะรู้เรื่องที่ครอบครัวเป็นหนี้จนต้องขายลูกสาวกิน จึงอยากให้พ่อเลี้ยงพาตัวเองและคนของพ่อเลี้ยงที่อยู่เต็มบ้านกลับไปเร็วๆ
“ให้กลับไปก็คงได้อยู่นะครับคุณแม่ เพียงแต่...ผมคงไม่ไว้ใจที่จะฝากว่าที่เจ้าสาวเอาไว้กับคุณแม่อีกแล้ว เพราะถ้าหากเธอใจกล้าหนีไปอีก งานแต่งในอีกหกวันคงจะล่ม”
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงหมายความว่ายังไงหรือคะ” มารดาถามเสียงสั่น
“ผมจะพาเธอไปด้วยครับ”
“คะ?”
“หกวันที่เหลือ ผมจะจับตาดูเธอเองทุกฝีก้าว หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ คุณแขไข” พ่อเลี้ยงยิ้มชั่วร้ายแล้วดึงตัวเธอขึ้นให้ลุกตาม
เขมจิรามองพี่สาวด้วยความสงสาร รู้ดีว่าที่แขไขต้องทนขนาดนี้ก็เพื่อเธอ
หมับ!
“คงต้องขอขัดจังหวะสักครู่นะครับพ่อเลี้ยง”
มือหนาของเดชาธรตรงเข้ามาจับมือของพ่อเลี้ยงข้างที่จับแขนของแขไขเอาไว้ ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ
“คุณเป็นใคร”
“ปล่อยมือออกจากนางฟ้าของผมก่อนสิ แล้วผมจะบอก”
“Angle?” พ่อเลี้ยงทวนคำพลางมองไปที่แขไข
“ใช่ เธอคนนี้แหละนางฟ้าของผม ปล่อยเธอซะ”
น้ำเสียงขี้เล่นตลอดเวลาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน พ่อเลี้ยงยอมปล่อยมือออกจากแขไข ทันทีที่หญิงสาวเป็นอิสระ ร่างสูงก็ดึงเธอให้ไปหลบอยู่ข้างหลังทันที หล่อนมองแผ่นหลังกว้างของเขาด้วยความตกใจ
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณตกลงอะไรกันไว้ แต่ผมคงยกเธอให้ใครไม่ได้โดยเฉพาะคุณ”
“คุณหน้าตาคุ้นๆ นะครับ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”
พ่อเลี้ยงเอ่ยถาม เขาหรี่ตามองเดชาธรด้วยรู้สึกคุ้นราวกับเคยเจอกันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง
“ผม...เดชาธร อัครพาณิชย์ หนี้สินทั้งหมดที่ครอบครัวของคุณแขไขมี ผมจะชดใช้ให้เอง” บิดาและมารดาของหญิงสาวที่ได้ยินนามสกุลของเดชาธรต่างพากันตาโตด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวค่ะคุณหมอ คุณไม่จำเป็น...” แขไขจะโต้แย้ง หากแต่กลับถูกเขาหันมามาใช้นิ้วมือแตะที่ปากเบาๆ เพื่อให้เงียบเสียง
“ผมบอกว่าผมจะพาคุณกลับมาที่บ้านก็จริง แต่ไม่ได้บอกสักคำว่าจะยอมยกคุณให้กับใคร”
“คุณหมอ...”
“ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เพราะฉะนั้น...จับมือผมเอาไว้นะครับ”
เขาส่งมือให้หญิงสาวพร้อมรอยยิ้มใจดี แขไขมองฝ่ามือนั้นสลับกับครอบครัวของเธอทีละคน...ทีละคน...
“ฉัน...”
“ชีวิตเป็นของคุณนะนางฟ้า ผมอยากให้คุณได้โบยบินอย่างอิสระ ด้วยปีกที่แท้จริงของคุณเอง” เขาไม่เร่งเร้าและให้เวลาเธอได้คิดตัดสินใจ
แขไขลังเล มือเล็กยกขึ้นในอากาศเพื่อหยุดคิด...
จะจมอยู่ที่เดิมเพื่อคอยปกป้องน้องสาว หรือจะ...
โบยบินไปบนฟ้าอย่างอิสระร่วมกับเขา?
“นึกออกแล้ว คุณคือลูกชายคนโตของคุณดนุพร อัครพาณิชย์และคุณหญิงเพชรอำไพ อัครพาณิชย์ เจ้าสัวหมื่นล้าน อภิมหาเศรษฐีอันดับสองของประเทศ!”
มารดาของแขไขเอ่ยออกมาด้วยความตกใจ เดชาธรหันไปยิ้มรับที่เธอรู้จักเขาทั้งที่เขาไม่ค่อยจะได้ออกงานสังคมเท่าไหร่นัก
“รู้จักป๊ากับม๊าด้วยเหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมเป็นแฟนของคุณแข ต้องขอโทษที่มาแนะนำตัวช้านะครับ คุณพ่อ คุณแม่”
หญิงสาวที่ถูกโมเมว่าเป็นแฟนด้วยมองเขาตาโต เธอส่งคำถามผ่านทางสายตาไปหาเขา
“แฟนหรือ นี่ลูกเป็นแฟนกับเขาหรือแข” บิดาถามลูกสาว