แขไขมาเดินเล่นที่แปลงผักซึ่งชาวบ้านกำลังช่วยกันเก็บผักที่สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วอยู่ หน้าที่ดูแลแปลงผักเหล่านี้จะเป็นของชาวบ้านผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ ขณะที่ผู้ชายจะมีหน้าที่ไปทำสวนหว่านเมล็ดและทำงานจำพวกใช้แรงงาน
“สวัสดีจ้าคุณผู้หญิง อยากลองดูไหมจ๊ะ”
ชาวบ้านคนหนึ่งที่เห็นแขไขหันมาทักและเอ่ยชวน เธอลังเลแต่ก็อยากจะลองทำดูสักครั้งในชีวิต ก่อนที่หลังจากนี้...ชีวิตของเธอจะต้องอยู่ในอุ้งมือของผู้เป็นมารดาตลอดไป
“ขอบคุณค่ะ” ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะลองดู
ชาวบ้านช่วยกันจับประคองแขไขลงมาในแปลงผักอย่างระมัดระวังเพราะดินตรงส่วนนี้จะค่อนข้างลื่น เดชาธรที่เดินตามมาทีหลังหยุดยืนดู ภาพความจำของ แขไขในหัวเขาคือหญิงสาวที่สง่าและดูเป็นผู้ดีเกินกว่าจะมาเหยียบย่ำพื้นดินแบบนี้ได้ ทว่าวันนี้เธอทำให้เขาได้รู้ว่าเขาคิดผิด
ผู้หญิงแบบแขไขมีอะไรที่ซ่อนอยู่และชวนให้ค้นหาอีกเยอะ
“แบบนี้หรือคะ”
ชายหนุ่มเดินมานั่งอยู่ยองๆ มองเธออยู่ข้างแปลงผัก แขไขทำตามวิธีที่ชาวบ้านแนะนำอย่างระมัดระวัง เขาไม่เคยรู้เลยว่าหญิงสาวที่เหมือนกับราชินีแบบหล่อนจะมีมุมแบบนี้ด้วย
ครืด...ครืด...
มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่น เขาหยิบออกมาดูเบอร์คนโทรเข้า นนท์นธีคือเจ้าของสายนั้น เดชาธรรีบลุกขึ้นเดินไปอีกฝั่งเพื่อไม่ให้แขไขได้ยินบทสนทนาหลังจากนี้
“ว่าไงไอ้นนท์” เขากดรับสาย สายตายังคงจับจ้องไปที่แขไข
[แกอยู่กับแขหรือเปล่า ฉันติดต่อแขไม่ได้เลย]
“ถ้าให้โกหกก็ไม่อยู่ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ก็อยู่อะ มีอะไรวะ”
[อย่ากวนได้ไหม เรื่องซีเรียส!]
เมื่อเห็นว่าปลายสายดูซีเรียสจริงๆ เดชาธรจึงหยดยียวนแล้วตอบรับไป ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหวั่นใจทุกครั้งที่นนท์นธีใกล้ชิดกับแขไข
“เออๆ อยู่ด้วยกัน มีอะไร”
[คุณแม่ของแขไขโทรหาฉัน บอกว่าติดต่อเธอไม่ได้ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ปกติแขไม่เคยปิดเครื่องแล้วหายตัวไปแบบนี้]
“รู้จักกันดีจังเลยเนอะ” ร่างสูงเผลอประชดไม่รู้ตัว
นนท์นธีขมวดคิ้วมุ่น เขาคิดไปเองหรือเปล่าที่เพื่อนซี้มีน้ำเสียงหงุดหงิดแปลกๆ
[ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นอะไรนะ แต่ว่า...ฉันว่าแขกำลังมีเรื่องทุกข์ใจ คุณแม่โทรมาโวยวายคิดว่าฉันรั้งตัวแขเอาไว้ เห็นบอกว่าพ่อเลี้ยงบ้าบออะไรกำลังรอเธออยู่สักอย่าง]
“พ่อเลี้ยงเหรอ?” ชายหนุ่มทวนคำ
[ต้องมีอะไรแน่ๆ ความจริงกำหนดการที่แขจะมาที่นี่คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉันโทรเช็คกับทางบริษัทมาเลยรู้ว่าเธอแอบเดินทางก่อน ก็ไม่อยากจะคิดในแง่ไม่ดีหรอกนะ แต่ฉันคิดว่าคุณแม่ของแขต้องคิดทำอะไรอีกแน่]
น้ำเสียงของนนท์นธีฟังดูกังวล แขไขที่เห็นว่าเดชาธรดูมีสีหน้าเครียดไปทันตาชะเง้อคอมองเขา ชายหนุ่มที่เห็นว่าหญิงสาวเริ่มสงสัยจึงรีบเดินกลับไปทางที่พัก เขาอยากรู้เรื่องของเธอให้มากกว่านี้ แม้ว่าจะแค่นิดเดียวก็ตาม
“แกหมายความว่ายังไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกบันางฟ้า เล่ามาให้หมด”
[นางฟ้าหรือ? ฉันไม่ได้หูฝาดไปเองจริงๆ ด้วย แกเรียกแขไขว่านางฟ้า มันเรื่องอะไรกันวะ แกกับแขมีอะไรที่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ?]
นนท์นธีเป็นฝ่ายถามเพื่อนบ้าง ครั้งก่อนเขาหลงคิดว่าตัวเองหูฝาดไปเลยไม่ได้ใส่อะไร แต่พอมาได้ยินอีกครั้งเต็มสองหูแบบนี้แปลว่าเขาไม่ได้เข้าใจผิด มีอะไรไม่ชอบมาพากลระหว่างเดชาธรและแขไขจริงๆ
“เรื่องนั้นไว้กลับไปจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้แกบอกเรื่องคุณแขมาก่อน”
[อันที่จริงฉันก็รู้อะไรไม่มากหรอก แต่ว่า...หลังจากที่เปิดใจคุยกับแขแล้วฉันก็รู้มาว่าเธอถูกคุณแม่บังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่ท่านเลือกให้ แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็ถอนหมั้นไปด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ไม่รู้ ฉันเลยคิดว่า...แค่คิดว่านะ บางที...คุณแม่อาจจะหาเจ้าบ่าวให้แขอีกแล้วก็ได้]
“อะไรนะ!” เดชาธรขึ้นเสียงใส่จนอีกฝ่ายต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู
[โอ๊ย หูจะแตก ตะโกนทำไมวะ!]
“ไม่ได้ๆๆ ไม่ได้นะเว้ย ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็ไม่ได้ ฉันไม่ยอม!”
[แกมีสิทธิ์อะไรมาไม่ยอมฮะ นี่มันเรื่องในครอบครัวของแขไขไหม ฉันเองก็สงสารเธอ แต่คงช่วยอะไรมากไม่ได้]
นนท์นธีที่ไม่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างทั้งสองคนเอ่ย แม้เขากับแขไขจะไม่ได้มีอะไรต่อกันแล้ว หากแต่ความเป็นเพื่อนและมิตรภาพที่มีมานานนับสิบปีก็ทำให้เขายังคงเป็นห่วงเธออยู่
[ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แขไขไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเธอ ไม่เคยได้ทำอะไรอย่างที่เธออยากจะทำเลยสักครั้ง คุณแม่ของเธอคอยตามทุกฝีก้าวและบังคับเธอทุกอย่าง ที่คบกับฉันได้ก็เพราะเธอดื้อรั้นเอาเองทั้งที่ถูกคัดค้านหัวชนฝา แขไขน่ะ...อยู่ในระบอบคุณแม่ปกครองมาตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ]
คำบอกเล่าของนนท์นธีทำให้เดชาธรเริ่มเข้าใจเธอมากขึ้น เขามองเห็นภาพผู้หญิงแสนบอบบางที่โดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนเข้าใจกำลังยืนอยู่คนเดียวบนหน้าผา ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าความอดทนของเธอจะขาดสะบั้นลงเมื่อไหร่ ใครจะรู้ว่าเธออาจเตรียมพร้อมที่จะกระโดดหน้าผาลงไปทุกเวลาก็เป็นได้
“เพราะงั้นเธอถึงได้มีนิสัยเย็นชาแล้วก็พึ่งคนอื่นไม่เป็นสินะ เธอไม่เคยพึ่งพาใคร เธอคิดว่าตัวเธอก็มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่จะเข้าใจและอยู่เคียงข้าง...”
ยิ่งนึกถึงใบหน้าของแขไขเขาก็ยิ่งเจ็บปวดและสงสารเธอ ที่ผ่านมาผู้หญิงคนนั้นต้องพบเจอกับความเดียวดายมามากมายแค่ไหนกันนะ
[ใช่ ฉันคิดว่าแขน่าสงสารมาโดยตลอด พอคิดแบบนั้นก็เลยอยากจะดูแลเธอให้มีความสุข แต่สุดท้าย...กลับเป็นฉันเองนี่แหละที่ทำร้ายจิตใจเธอมากกว่าใคร ตอนนี้เลยได้แต่นั่งภาวนาขอให้เธอมีชีวิตที่ดีและเจอคนที่ดี]
“ยินดีด้วย คำภาวนาของแกสัมฤทธิ์ผลเพราะตอนนี้นางฟ้ามีฉันคอยอยู่เคียงข้างแล้ว” เดชาธรพูดด้วยน้ำเสียงเริงร่า
[ไอ้เดช แกอย่าเล่น ฉันไม่อยากเห็นแขไขต้องเจ็บปวดอีก]
“ฉันไม่ได้เล่น และอีกอย่างนะไอ้นนท์ หน้าที่ของแกคือการรักและเป็นห่วงหวานเย็นเท่านั้น ไม่ต้องไสหน้าหล่อๆ มาห่วงผู้หญิงของฉัน”
ติ๊ด!
เขากดวางสาย ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายมาแสดงความเป็นห่วงแขไขแบบนี้ แต่ถ้าสิ่งที่นนท์นธีพูดมาเป็นเรื่องจริง แสดงว่าตอนนี้เธอกำลังถูกมารดาบีบบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อีกครั้งแล้วสินะ
สายตาเหลือบไปมองมือถือของฝ่ายหญิงที่วางอยู่ข้างหมอน อะไรดลใจให้เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกดเปิดเครื่องด้วยไม่อาจทนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้หญิงสาวตกไปเป็นของคนอื่น
นางฟ้าเป็นของเขา...
มีแค่เขาเท่านั้นที่จะครอบครองเธอได้!
ทันทีที่มือถือถูกเปิด ข้อความมากมายก็เด้งเข้ามาไม่หยุดจนเดชาธรแอบตกใจ เขารอจนแจ้งเตือนทั้งหมดจบลงจึงเลือกกดอ่านข้อความที่มาจากเบอร์ของ ‘คุณแม่’
‘แกอยู่ที่ไหน เปิดเครื่องแล้วโทรกลับหาฉันซะไม่อย่างนั้นเจอดีแน่!’
ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น คนเป็นแม่ใช้คำพูดแบบนี้กับลูกสาวของตัวเองอย่างนั้นหรือ?
‘จะเอาแบบนี้ใช่ไหมนังตัวดี! ถ้าแกไม่รีบกลับมาฉันจะส่งนังเข็มไปแทนแก อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ!’
“เข็มเหรอ...ใครกันนะ?” เขาเม้มปากสงสัย ก่อนจะกดอ่านข้อความต่อไป
‘ฉันให้เวลาแกอีกแค่สามวัน ถ้าฉันตามตัวแกเจอก่อน แกเตรียมเป็นเมียพ่อเลี้ยงแบบไม่ต้องแต่งงานได้เลย!’
และนั่นคือข้อความสุดท้ายที่ส่งเข้ามาล่าสุด
เดชาธรส่ายหน้าไปมา เขาไม่เข้าใจอะไรเลย หากคนที่ส่งข้อความเข้ามาคือคุณแม่ของแขไข แล้วเพราะอะไรกันหล่อนถึงได้ใจร้ายกับลูกสาวถึงขนาดนี้ ถ้าเขาเดาไม่ผิด ข้อความข่มขู่มากมายพวกนั้นคือการเรียกเธอให้กลับไปแต่งงานกับคนที่มารดาหามาให้อย่างนั้นสินะ
ไม่มีทาง เขาไม่ยกนางฟ้าให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น!
“คุณทำอะไรน่ะ!”
แขไขที่สังเกตเห็นว่าเขาหายเข้ามาในห้องพักนานจึงเป็นห่วงเลยตามมาดูถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เธอเห็นมือถือของตัวเองอยู่ในมือของเขา หญิงสาวรีบเดินเข้ามาแย่งเอามันกลับคืนไป
“ไร้มารยาท!” ร่างบางกดเปิดดูมือถือที่แย่งคืนมา
เดชาธรมองหน้าเธออย่างรอคำตอบหลังจากที่เห็นว่าเธอกำลังจะได้อ่านข้อความเหล่านั้น สีหน้าของแขไขเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอกดโทรออกอย่างรีบร้อนแต่ดูเหมือนปลายสายจะติดต่อไม่ได้
“บ้าจริง ยัยเข็ม ทำไมไม่รับสาย” เธอกระวนกระวาน
“มีอะไรหรือเปล่าครับนางฟ้า เกิดอะไรขึ้น ข้อความพวกนั้นส่งมาจากคุณแม่คุณจริงๆ หรือ”
“นี่คุณแอบอ่านข้อความของฉันจริงๆ ด้วย!”
“ผมขอโทษ ผมแค่เป็นห่วงคุณ ตกลงบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณต้องไปแต่งงานเหรอครับ?” เขาถามของเขาทำให้เธอชะงัก
ดวงตาคู่สวยเสมองไปทางอื่น เธอตรงไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ใส่กระเป๋า ร่างหนาตรงดิ่งเข้ามาคว้าข้อมือเธอเอาไว้
“คุณจะไปไหน”
“ฉันต้องกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้”
“อะไรนะ?”
“ถ้าคุณจะไม่ไปส่งก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอให้ผู้เฒ่าช่วยพาไปส่งที่ท่ารถเอาก็ได้ ปล่อยค่ะ” แขไขมองไปที่ข้อมือซึ่งถูกเขาจับเอาไว้แน่น
“ไม่ ผมจะไปกับคุณเอง” เขาตอบเสียงหนักแน่น
ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้นางฟ้าแสนสวยคนนี้ต้องไปเผชิญกับเรื่องเลวร้ายด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว...