สามเดือนต่อมา
“สามเดือนจากนี้ต้องฝากตัวด้วยนะคะ หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ดี”
หญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสีดำตัดกับสีเล็บและรองเท้าสีแดงสด ผมสั้นทรงบ็อบเทสีเดียวกับเดรสที่สวมใส่ เธอยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อเช็คแฮนด์กับเขา เจ้าของไร่แสงตะวัน
“พูดเป็นการเป็นงานไปได้ ผมต่างหากที่ต้องฝากตัว คุณมาในฐานะเจ้านายผมด้วยซ้ำ”
นนท์นธีเอ่ยอย่างเป็นกันเอง แขไขถูกส่งมาดูงานในส่วนของการผลิตแยมองุ่น โยเกิร์ตรสองุ่น และอีกมากมายที่วัตถุดิบทำมาจากองุ่นของไร่นี้ โดยจะต้องมีการสร้างองุ่นพันธุ์ใหม่ขึ้น ซึ่งเธอถูกส่งตัวมาดูงานขั้นตอนเหล่านี้โดยเฉพาะหลังจากที่กลับไปได้เพียงสามเดือนในครั้งมาคุมงานตอนผลิตไวน์องุ่น
“ยินดีต้อนรับนะคะพี่แข”
ร่างเล็กอีกคนยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร แขไขมองเธอก่อนจะยิ้มอ่อนโยนด้วยความเอ็นดู หญิงสาวคนนี้คือหวานเย็น ภรรยาของนนท์นธีที่กำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าหล่อนจะเคยไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ หากแต่ความสดใสใจดีของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอเปลี่ยนใจกลับมาเอ็นดูได้
“จ้ะ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง อาการแพ้ท้องยังมีอยู่ไหม”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ได้พี่นนท์เป็นคนแพ้แทน” เธอชี้ไปทางสามีของตนที่ยืนดมยาดมอยู่
“จริงเหรอ นี่คุณแพ้ท้องเหรอคะนนท์”
แขไขหันไปถามเขาด้วยความเหลือเชื่อ แต่ดูจากสภาพของอีกฝ่ายที่ดูอิดโรยแล้วคงมีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
“ไม่รู้ว่าต้องแพ้ไปอีกนานแค่ไหนนะครับ ว่าแต่คุณจะเริ่มงานวันไหนเหรอ ผมจะได้ให้ลูกน้องเตรียมตัวพาคุณเข้าไปในไร่”
“น่าจะอีกสักอาทิตย์ค่ะ แขว่าจะเที่ยวพักผ่อนก่อน เผื่อจะมีไอเดียในการออกแบบอะไรใหม่ๆ ระหว่างพักด้วย”
เธอตอบเขา ความรู้สึกที่มีต่อนนท์นธีตอนนี้เหลือเพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น เขาไม่ใช่คนเลวถึงขั้นที่เธอจะตัดความสัมพันธ์ไมตรี แม้ว่าครั้งหนึ่งเธอจะเคยเจ็บปวดแทบตายเพราะเขาก็ตาม
“งั้นแขขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ ห้องพักแขห้องเดิมเลยไหมคะเนี่ย”
“ห้องเดิมเลยครับ งั้นเดี๋ยวผมไปส่งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแขค่อยๆ เดินไปก็ได้ ไม่ไกลเท่าไหร่”
เธอตอบปฏิเสธด้วยไม่อยากทำให้หวานเย็นต้องคิดมากอีกเป็นครั้งที่สอง เธอเคยทำพลาดไปครั้งหนึ่งที่คิดแย่งเขาคืนมา แต่มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว หญิงสาวไม่ต้องการเป็นมือที่สามทำลายครอบครัวของใคร
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะพี่นนท์ มีราชรถมารอรับพี่แขอยู่แล้ว”
ร่างเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์ แขไขหรี่ตามองอย่างจับผิดและไม่ไว้ใจ ทั้งสามพากันเดินออกมาที่หน้าบ้าน รถยนต์คันหนึ่งจอดรออยู่พร้อมกับเจ้าของรถ
“ไอ้เดช มายังไงเนี่ย” นนท์นธีรีบเข้าไปทักเพื่อนสนิท แขไขหันขวับไปมองหวานเย็นด้วยความไม่พอใจ ร่างเล็กรีบยกมือไหว้ขอโทษ
“ก็พี่เดชเขาขอให้ช่วยนี่นา” เธอกะพริบตาปริบๆ ทำเอาแขไขต่อว่าไม่ลง
“ฉันมารับคุณแขน่ะ ไม่ต้องห่วงเลยนะ จะดูแลให้อย่างดีเลย” เดชาธรตอบคำถามพลางเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้เสร็จสรรพ “เชิญครับคุณนางฟ้า”
“นางฟ้า?” นนท์นธีทวนคำอย่างแปลกใจ นึกสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนว่าเริ่มไปสนิทคุ้นเคยกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่นนท์คะ เข้าบ้านกันเถอะ หวานเพลียจังเลย”
หวานเย็นที่พอจะรู้เรื่องราวอยู่บ้างกวักมือเรียกสามีป้อยๆ แล้วทำท่าเป็นเจ็บท้อง นนท์นธีจึงรีบถอยกลับมาประคองภรรยา
“งั้นฝากส่งแขไขด้วยนะ มีอะไรก็โทรมาได้นะครับแข”
“ขอบคุณค่ะ นนท์พาหวานเย็นไปพักผ่อนเถอะ”
รอจนคนทั้งคู่กลับเข้าไปในบ้าน แขไขจึงเดินเข้าไปประชันหน้ากับเดชาธร ชายหนุ่มที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุดบนโลกใบนี้
“เชิญครับ”
เขาผายมือเชิญให้เธอขึ้นรถ ทว่าสิ่งที่หญิงสาวทำกลับเป็นการปิดประตูรถกลับเข้าไปอีกครั้งแล้วเลือกที่จะเดินไปยังรีสอร์ทด้วยตัวเอง ร่างสูงรีบดับเครื่องรถแล้ววิ่งตามเธอไป เขาแย่งเอากระเป๋าเดินทางแบบล้อลากของเธอไปลากเอง
“ผมช่วยนะ”
“ไม่ต้องค่ะ”
เธอพยายามจะแย่งคืน แต่เขาก็เอาหลบ แขไขขัดใจและไม่ชอบใจในความทะเล้นขี้เล่นของเขา นิสัยของเขามันช่างตรงกันข้ามกับเธอเสียเหลือเกิน
“เดินไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะครับ ได้กินลมชมวิวช่วงหน้าหนาวด้วย สบายจะตายไป” เดชาธรพยายามชวนคุยแต่ไม่เป็นผล แขไขไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบรับเขาเลย เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ
“จริงสิ สามเดือนที่ผ่านมา ผมมีสัมมนาสำคัญที่ปารีสก็เลยไม่ได้ไปหาคุณที่กรุงเทพฯ เลย ต้องเข้าร่วมเคสผ่าตัดสำคัญเพื่อเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างด้วย เลยไม่ได้ติดต่อมา คุณ...โกรธผมหรือเปล่า”
เขาถามเสียงเครียด เพราะมันเป็นช่วงเวลาหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นในรถของเขาไปเพียงไม่กี่วัน เบอร์ติดต่อของเธอเขาก็ไม่มี ขอนนท์นธีไปอีกฝ่ายก็ไม่ให้เพราะแขไขเคยสั่งห้ามเอาไว้ ทำให้เขาหมดหนทางที่จะติดต่อกับเธอ เดชาธรกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกฟันแล้วทิ้ง ทั้งที่จริงไม่ใช่แบบนั้น
“ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นค่ะ”
เธอตอบเสียงเรียบ ความนิ่งทำให้เธอดูหยิ่งยโสและเย็นชา ทว่าไม่รู้เพราะอะไร ตลอดสามเดือนที่ไม่ได้เจอกัน คนที่เดชาธรคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออกกลับเป็นเธอคนนี้ ไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นรักแรกอย่างหวานเย็น เขายังคงฝันถึงค่ำคืนอันแสนสุขที่ได้มีร่วมกับเธอ
“แต่ผมคิดนะ”
“...”
“ผมคิดถึงคุณ”
เขาพูดจากใจจริง แขไขไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับคำพูดหวานๆ นั้นแม้แต่นิด เธอยังคงจ้ำอ้าวเดินต่อไปข้างหน้าหวังให้ถึงที่พักเร็วๆ จะได้ไปให้พ้นจากคนๆ นี้
“เดินช้าๆ สิครับ ถนนแถวนี้ยังเป็นถนนลูกรังอยู่นะ เดี๋ยวก็สะดุด...”
“โอ๊ย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ แขไขก็สะดุดส้นสูงของตัวเองจนล้มลงไปกองกับพื้น เสื้อผ้าและแขนขาเลอะฝุ่นจากดินลูกรังเต็มไปหมด เดชาธรรีบพุ่งตัวเข้าไปหาหล่อนด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรไหมครับ เห็นไหมล่ะ ผมบอกคุณแล้วว่าให้เดินช้าๆ”
“ถ้าจะมาช่วยก็ไม่ต้องบ่น แต่ถ้าจะมาบ่นก็ไม่ต้องช่วย” แขไขว่าเสียงเขียว ชายหนุ่มยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นการยอมแพ้และขอสงบศึก
“ลุกไหวไหมครับ” ร่างบางส่ายหน้า นึกหัวเสียอยู่ในใจที่ดันมาบาดเจ็บเวลานี้เสียได้ เดชาธรที่พอจะมองออกว่าเธอเสียฟอร์มแอบลอบยิ้ม เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองมาคลุมขาเธอเอาไว้ก่อนจะช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วใช้นิ้วเกี่ยวกระเป๋าเธอยกขึ้นมาด้วย
“หนักชะมัด” เขาบ่นอุบ
“ถ้าหนักมากนักก็ปล่อยฉันลง”
“เรื่องอะไร นี่มันรางวัลคนดีสำหรับผมชัดๆ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ แขไขเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือเขาแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจเลย
เดชาธรอุ้มเธอมาจนถึงห้องพัก เขาเปิดประตูพาเธอไปนั่งบนเตียงเพื่อจะตรวจดูข้อเท้าให้ เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วยกขาของหญิงสาวขึ้นมาวางบนตักอย่างไม่รังเกียจ ค่อยๆ ถอดส้นสูงออกแล้วเริ่มตรวจดูอาการบาดเจ็บ แขไขมองการกระทำด้วยความรู้สึกแปลกๆ
“โชคดีนะครับที่ไม่เป็นอะไรมาก คงแค่เจ็บตอนล้มเฉยๆ อีกสักพักก็เดินปร๋อแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เธอยกขาขึ้นมานั่งพับเพียบบนเตียงโดยมีสูทของเขาคลุมปิดขาเอาไว้อยู่ เดชาธรเงยหน้ามองเธอแล้วยิ้มแป้นจนหญิงสาวเริ่มอึดอัด
“มองอะไรไม่ทราบคะ” จำต้องถามออกไป
“ทีแรกผมคิดว่าผมก็แค่คิดถึงคุณเฉยๆ แต่พอได้มาเจอ ได้มาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้ผมรู้เลยว่ามันไม่ใช่แค่คิดถึง” เขาเงียบไปอึดใจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี
“แต่เป็นคิดถึงมากเลยต่างหาก”
ร่างสูงวางแขนขนาบข้างตัวของแขไขเอาไว้แล้วยันตัวขึ้นมานั่งยองๆ เงยหน้ามองเธอ หญิงสาวคนนี้ยังหน้าตาสะสวยและมีกลิ่นกายที่หอมเย้ายวนเหมือนเคย
“จะอ้วก” เธอตอบสั้นๆ แล้วเบือนหน้าหนีเขา หากแต่แก้มขาวๆ ก็แอบขึ้นริ้วสีแดงพอให้ฝ่ายชายใจชื้นได้บ้าง เขาเพิ่งกลับจากอเมริกาก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง พอเครื่องลงแล้วได้รู้ข่าวจากหวานเย็นว่าแขไขจะมาพักที่ไร่สามเดือนเพื่อทำงาน เดชาธรก็รีบบึ่งรถมาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พัก กระเป๋าเดินทางของเขายังอยู่ในรถเลยด้วยซ้ำ
ปุ...
“เหนื่อยจัง” เขาทั้งตัวนั่งลงอีกครั้งแล้วฟุบหน้าลงบนตักของเธอ อาการคิดถึงเธอจนปวดใจก่อนหน้านี้ค่อยๆ จางหายไป เพราะตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“นี่คุณ ใครอนุญาตให้นอนคะ”
“ขอแค่แป๊บเดียวนะครับ ผมเพิ่งลงเครื่องจากอเมริกามาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง” เดชาธรพึมพำตอบเธอทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แขไขมองไปยังเสื้อสูทแล้วถึงบางอ้อ มิน่าเขาถึงแต่งตัวเต็มยศ ที่แท้เพราะเพิ่งกลับจากอเมริกานี่เอง พอรู้ว่าอีกฝ่ายรีบร้อนมาหามากแค่ไหน หัวใจเธอก็เต้นระรัวขึ้นมา
หญิงสาวสั่นศีรษะพลางห้ามใจตัวเองเอาไว้ ไม่ได้เด็ดขาด ผู้ชายคนนี้แอบรักหวานเย็น เขาไม่มีทางคิดอะไรกับฉันแน่นอน เต็มที่ฉันคงเป็นได้แค่ตัวแทนไม่ต่างจากตอนคบกับนนท์หรอก เธอคิดในใจ
“ผมคิดถึงคุณมากจริงๆ นะครับ นางฟ้าของผม”
คำพูดที่แสนอ่อนโยนนั้นทำให้เธอหวนนึกถึงค่ำคืนนั้นที่เธอจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะมันไม่ได้เกิดจากความมึนเมาเพียงแค่อยากเดียว เธอรู้สึกว่าส่วนหนึ่งในตัวเธอเองก็ต้องการมัน ผู้ชายที่วนรถกลับมาแล้วเข้ามากอดเธออย่างอ่อนโยนโดยไม่ถามอะไรสักคำคนนั้น...
“คนบ้า...” เธอพึมพำเบาๆ
มือเล็กวางลงบนศีรษะของคนหลับแล้วลูบไล้เส้นผมนุ่มเบาๆ ราวกับกำลังกล่อมให้เขานอนหลับฝันดี แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ เธอจะยอมให้เขาหนุนตักเพราะเห็นแก่ที่เขารีบมาหาจนไม่ได้พักผ่อนก็เท่านั้น
ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย...