เฉกเช่นที่จ้าวฟางหรู บุตรีคนโตของพวกตนเคยกล่าว ว่านางจะไม่มีวันยอมออกเรือนกับตระกูลแม่ทัพเป็นอันขาด เพราะการได้ออกเรือนมากับบุรุษที่ทำหน้าที่จับดาบปกป้องบ้านเมือง โอกาสน้อยนักที่อีกฝ่ายจะมีชีวิตยืนยาว สุดท้ายแล้วชีวิตของผู้เป็นภรรยา คงจะหนีไม่พ้นตกพุ่มม่ายตั้งแต่ยังสาว เช่นเดียวกับบุตรสาวคนเล็กของพวกตน ที่กำลังประสบพบเจออยู่ในยามนี้
“เซียนเอ๋อร์…กลับบ้านเรากันเถิดนะลูก” หวงฟางหรงบอกบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ท่านปู่บอกว่าให้พวกเรามารับเจ้า ตัดใจจากที่นี่เสียเถิดหนา”
จ้าวหวังเหล่ยกลั้นใจกล่าวออกมาบ้าง สภาพของบุตรสาวในยามนี้ช่างน่าเวทนายิ่งนัก เด็กน้อยที่เคยสดใสยามที่อยู่จวนสกุลจ้าวหายไปไหนเสียแล้ว
“ท่านพ่อ…ท่านแม่ ข้าไม่กลับเจ้าค่ะ ข้าจะรอท่านโหวอยู่ที่นี่” จ้าวฟางเซียนหันหน้าไปมองบิดามารดา ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จ้าวหวังเหล่ยกับหวงฟางหรงหันหน้ามามองกันทันที หวงฟางหรงยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นสะอื้น จ้าวหวังเหล่ยโอบไหล่ที่กำลังสั่นไหวของภรรยาเอาไว้ แล้วบีบไหล่นางเบาๆ เป็นเขาเองที่ผิดต่อบุตรี หากเขาไม่ยินยอมให้จ้าวฟางเซียนออกเรือนมายังตระกูลแม่ทัพในวันนั้น เหตุการณ์เช่นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น เซียนเอ๋อร์กับบุตรเขยของเขา ช่างมีความรักที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ทว่าเสียดายที่วาสนาตื้นเขินยิ่งนัก
“เซียนเอ๋อร์… พี่เขาไม่อาจกลับมาได้แล้วลูก แต่พี่เขาจะคอยเฝ้ามองเจ้าอยู่บนสวรรค์ หากเจ้ายังคงทุกข์ระทมอยู่เช่นนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะจากไปอย่างสงบสุขหรือ” จ้าวหวังเหล่ยตัดสินใจเอ่ยออกมา
“ไม่…เขาจะกลับมา หากเขากลับมาไม่ได้…ข้าก็จะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง”
จ้าวฟางเซียนหันไปมองบิดานัยน์ตาแดงก่ำ ก่อนที่นางจะตอบเขาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง สองสามีภรรยาถึงกับถอนหายใจหนักๆ ออกมา หากพวกเขาดึงบุตรสาวให้กลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ ก็คงต้องสูญเสียบุตรสาวไปตลอดกาลแน่แล้ว
“เซียนเอ๋อร์…เจ้าฟังแม่ให้ดีนะลูก ชีวิตของลูกยังต้องก้าวเดินต่อไป เจ้ายังเยาว์วัยยังมีโอกาสได้พบเจอผู้คนอีกมากมาย แล้วลูกคิดว่าพี่เขาจะมีความสุขหรือ ถ้าเจ้าจะตามเขาไปจริงๆ น่ะ กลับบ้านเราเถิดหนา พี่ชายพี่สะใภ้ของเจ้าก็รอคอยเจ้าอยู่ที่นั่น หากเจ้าไม่อยากออกเรือนไปกับผู้ใดอีก แม่ก็จะไม่บังคับฝืนใจเจ้า” หวงฟางหรงบอกจ้าวฟางเซียนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ทว่าจ้าวฟางเซียนกลับไม่ยอมรับฟัง นางส่ายหน้าไปมาน้ำตาไหลพรากอาบใบหน้า มองดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก จ้าวหวังเหล่ยรู้สึกเจ็บปวดใจที่ช่วยเหลืออันใดบุตรสาวไม่ได้เลย สองสามีภรรยาตัดสินใจรั้งอยู่ที่จวนตระกูลเซี่ย จนกว่าจะเกลี้ยกล่อมจ้าวฟางเซียนให้กลับไปกับพวกเขา
ท่านผู้เฒ่าเซี่ยไม่ได้กีดกัน เขาเองก็รู้สึกผิดต่อหลานสาวของจ้าวหยวนจงเช่นกัน ผู้ใดจะรู้ว่าอนาคตลูกหลานของเขา จะต้องพลีชีพในสนามรบเช่นเดียวกัน ตระกูลเซี่ยคงจะสิ้นสุดลงแค่เขาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอันใด เขาถึงต้องมาเสียบุตรชายและหลานชายไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
ยามดึกสงัดในค่ำคืนหนึ่ง ลมหนาวที่พัดโชยมาสามารถทำให้ร่างกายของคนด้านชาได้ จ้าวฟางเซียนกำลังยืนเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ภาพของสามีที่เคยซ้อมฟันดาบอยู่ด้านนอก ผุดเข้ามาในห้วงความคิด เขาเบือนหน้ามองมายังนางที่กำลังมองออกไป ใบหน้าคมคายหล่อเหลาไร้ซึ่งรอยยิ้ม แต่ทว่าแววตาของเขาที่มองมายังนาง กลับทำให้จ้าวฟางเซียนรู้สึกอบอุ่น
หญิงสาวหลั่งน้ำตาลงมา จะให้นางจากไปได้เช่นไร ในเมื่อที่ผ่านมานางยังไม่เคยบอกเขาเลย ว่านางรักเขาเช่นกัน หากเขาไม่เข้าใจนางผิด หากนางกับเขาพูดคุยกันให้มากกว่าที่เคย เหตุการณ์วันนี้จะเปลี่ยนไปหรือไม่ นางจะยังคงรู้สึกเสียใจอยู่เช่นนี้หรือไม่ จ้าวฟางเซียนอยากรู้เหลือเกิน นางแหงนหน้ามองดวงจันทร์ พลางอธิษฐานอยู่ภายในใจ
‘สวรรค์...หากท่านมีเมตตา ได้โปรดมอบโอกาสให้สตรีที่โง่เขลาเช่นข้า ได้กลับไปพบกับสามีผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าอีกสักหน ครานี้ข้าจะรักเขาให้เต็มที่ ให้สมกับที่เขารักและให้เกียรติข้าเสมอมา’
จ้าวฟางเซียนหลับตาอธิษฐานซ้ำไปซ้ำมาอยู่นานเกือบหนึ่งก้านธูป จึงยอมตัดใจเดินกลับไปนอนบนเตียง ร่างกายของนางหนาวเหน็บจนรู้สึกด้านชา ก่อนจะข่มตาให้หลับลง ภาพของสามีก็ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง น้ำตายังคงไหลลงมาราวกับสายธาร นางผล็อยหลับไปท่ามกลางความอ่อนล้า
เสียงตีฆ้องร้องบอกยามเหม่าดังขึ้นมาจากทางด้านนอก ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงพลิกกายไปมา ไม่นานนักเสียงของสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ในเรือนก็ดังจอแจ สาวรับใช้คนสนิทเข้ามาปลุกสตรีร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่ ให้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานสกุลจ้าว จ้าวฟางเซียนสะดุ้งสุดตัว ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆ กาย ที่นี่หาใช่เรือนที่นางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ ไม่ใช่…นี่คือเรือนที่นางเคยอาศัยอยู่มาตั้งแต่เยาว์วัยต่างหาก
“รีบลุกขึ้นไปล้างหน้าก่อนเถิดเจ้าค่ะคุณหนูรอง นายหญิงใหญ่กำชับมาว่า วันนี้ต้องออกเดินทางไปสุสานตระกูลจ้าวกันแต่เช้านะเจ้าคะ” ซู่เอ๋อบอกคุณหนูของนาง พลางหยิบผ้าห่มขึ้นมาพับ จัดหมอนที่คุณหนูรองนอนเมื่อคืนที่ผ่านมาให้เป็นระเบียบ
จ้าวฟางเซียนลุกขึ้นจากเตียงไปล้างหน้าบ้วนปากอย่างงุนงง วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสานตระกูลจ้าวเช่นนั้นหรือ ไม่ใช่ว่ายามนี้นางกำลังทุกข์ระทมอยู่ที่จวนตระกูลเซี่ยเช่นนั้นหรอกหรือ แล้วนี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น หรือว่านางจะตายไปแล้ว หากตายไปแล้ว เหตุใดถึงได้ยังกลับมาอยู่ในจวนตระกูลจ้าว อีกทั้งยังได้พบกับซู่เอ๋อ สาวรับใช้คนสนิทของนางอยู่อีกเล่า
ไหนจะเรื่องที่ซู่เอ๋อเพิ่งบอกนางเมื่อครู่ว่า วันนี้จะต้องเดินทางไปยังสุสานบรรพบุรุษตระกูลจ้าวอีก หากเป็นวันเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อนมิใช่หรอกหรือ หรือสวรรค์รับฟังคำอ้อนวอนของนาง ให้นางได้ย้อนกลับมายังอดีตเช่นนั้นหรือ จ้าวฟางเซียนคิดทบทวนอยู่ภายในใจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามที่จ้าวฟางเซียนเคยประสบพบเจอมาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยามที่พี่หญิงใหญ่สวมใส่อาภรณ์สีแดง ทำให้บิดาบ่นจนนางต้องกลับไปเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล พี่รองทำผลส้มหลุดมือ พี่ชายใหญ่สะดุดล้ม และพี่สามทำถ้วยน้ำชาคว่ำ เหตุการณ์ต่างๆ ทำให้จ้าวฟางเซียนเชื่อว่า ตนเองได้ย้อนเวลากลับมายังอดีต กลับมาก่อนที่นางจะได้ออกเรือนไปกับเซี่ยเฟยหลง
สวรรค์ได้มอบโอกาสให้นางกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตแล้ว ชีวิตนี้นางอยากจะทำให้ดีที่สุด ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วปลายทางของนาง จะต้องกลายเป็นสตรีที่ต้องเดียวดายอีกครั้ง แต่นางก็จะไม่เสียดายหรือเสียใจเลย ขอเพียงแค่ให้เซี่ยเฟยหลง สามีที่แสนดีของนาง คลายความเข้าใจผิด และได้รับรู้ว่านางนั้นก็รักเขาเช่นกัน… แค่นั้นก็เพียงพอ จ้าวฟางเซียนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา