SOMETIME10:อย่ายุ่งกับเมียกู

1963 คำ
SOMETIME 10 ******************************** มันต่างกันตรงไหนในเมื่อตอนนี้เขาก็เหมือนทำร้ายฉันอยู่ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าฉันจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่ พี่แทนเก็บปืนเข้าที่เดิมก่อนจะลูบผมฉันเมื่อเห็นว่าน้ำตาฉันไหลลงมาอาบแก้ม มันกลั้นเอาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ มันรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่เขาขู่ฉันแบบนี้ เขาขู่ฉันเหมือนฉันไม่ใช่คนที่เขารักแต่เป็นตัวประกันที่เขาอยากทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาเขาถึงต้องมาทำร้ายฉันแบบนี้ “หวานจะนอนแล้วนะคะ” ฉันไม่อยากพูดคุยกับคนตรงหน้าเพราะพูดไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บเปล่าๆ ฉันอยากนอนหลับตาไปแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย “หวานโกรธพี่เหรอคะ?” น้ำเสียงของพี่แทนดูอ่อนลงทันทีเหมือนเขาเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วมากจนฉันเองก็งงเหมือนกันว่าเขาเป็นคนที่มีสองบุคลิกหรือเปล่า “หวานไม่กล้าโกรธพี่แทนหรอกค่ะ” “พี่ไม่อยากเห็นหวานร้องไห้” พี่แทนยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ สัมผัสของเขามันยิ่งทำให้ฉันเจ็บมากกว่าเดิมซะอีก “พี่บอกหวานแล้วไงว่าอย่าคิดมากเรื่องของพี่ พี่ไม่อยากเห็นหวานเจ็บ” “งั้นพี่แทนก็อย่าทำสิคะ” พี่แทนเงียบไปเหมือนเขาทำตามที่ฉันบอกไม่ได้ ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงแล้วเขาก็ทำไม่ได้ เพราะสิ่งที่ฉันขอมันมากเกินไปสำหรับเขา “หวานขอโทษค่ะที่ไม่สนใจพี่แทน พรุ่งนี้พี่แทนจะไปไหนเหรอคะ?” ฉันไม่อยากทะเลาะกับเขาแล้ว เพราะสุดท้ายยังไงมันก็ต้องจบไม่สวย พี่แทนยิ้มออกมาเมื่อฉันไม่พูดอะไรถึงเรื่องเมื่อกี้ต่อ ที่ไม่พูดก็เพราะต่อให้พูดเรื่องเมื่อกี้ออกไปมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้น ฉันเหนื่อยแล้วล่ะเขาอยากจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำเถอะ อีกอย่างฉันก็ห้ามเขาไม่ได้อยู่แล้ว “พี่ต้องทำงานที่ห้องเพื่อนค่ะ เลยจะค้างที่ห้องมันสองสามคืนน่ะ” ฉันพยักหน้าเพื่อรับรู้แล้วว่าเขาจะไปไหน อยู่ที่ไหน เขาอยากไปไหนฉันก็จะปล่อยให้เขาไป เขาจะอยู่กับใครฉันจะไม่สนใจแล้วในเมื่อสิ่งนั้นเขาเป็นคนเลือกเอง ถ้าเขาเห็นว่ามันดีที่สุดแล้วก็ให้เขาทำไป ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะฉันมันก็เป็นแค่ของตายของเขา เขานึกอยากมาหาก็มาพอเบื่อก็ไปแค่นั้น “ไม่แน่ที่มหาลัยพี่อาจจะไปรับหวานไปทานเข้าด้วยกันสองคนก็ได้” “ขอบคุณค่ะ” พูดได้เท่านี้จริงๆ สินะ ฉันมันเป็นคนพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เวลาที่จะพูดอะไรต้องคิดให้ดีซะก่อนเพราะถ้าพูดออกไปแล้วไม่ถูกใจเขาฉันกลัวว่าเขาจะทำร้ายฉันขึ้นมาเหมือนอย่างวันนี้ไง ถ้าเหมยไม่โทรเข้ามาไม่อยากจะนึกเลยว่าพี่แทนจะทำอะไรกับฉันบ้าง เขาก็คงไม่ปล่อยให้ฉันได้มีชีวิตอยู่ร่วมโลกกับเขาแน่นอน ฉันขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหลังคณะ เมื่อเช้าพี่แทนไม่ได้เก็บของของเขาไปอยู่ที่ห้องเพื่อน เขาไปตัวเปล่าเหมือนว่าของของเขาอยู่ที่ห้องเพื่อนเขาแล้ว คงจะไปบ่อยสิท่าถึงได้มีของตัวเองหลงเหลืออยู่ในห้องนั้นด้วย พอลงจากรถฉันก็เหลือบเห็นพี่อาร์ลงจากรถที่จอดข้างฉันพอดี วันนี้เขาขับรถยนต์มาแฮะ ฉันเดินเข้าไปทักทายพี่อาร์ที่ถือของอะไรเยอะแยะเต็มไม้เต็มมือไปหมด เลยอาสาเข้าไปช่วยถือของให้ “ให้หวานช่วยถือนะคะพี่อาร์” “ไม่เป็นไรค่ะหวาน พี่ถือได้” พี่อาร์แย่งของในมือฉันไปถือเองเหมือนเขาเกรงใจที่ฉันจะช่วย แต่ฉันก็ยังคงแย่งกลับมาถือช่วยเขาอยู่ดี ของเยอะขนาดนี้ถือเองไม่ไหวหรอก พอเห็นว่าฉันยังคงดื้ออยู่พี่อาร์ก็เลยเลิกห้ามแล้วเดินขนาบข้างมากับฉันเข้าไปในคณะ “เรื่องเมื่อวานพี่ต้องขอบใจหวานมากนะที่ช่วยเรื่องรถพี่” “แล้วทำไมพี่ไม่ขับรถคันนั้นมาล่ะคะ?” “พอดีของพี่เยอะน่ะเลยใช้รถใหญ่น่าจะสะดวกกว่า” พี่อาร์เดินเลี้ยวไปที่ห้องเรียนพิเศษที่เป็นห้องเฉพาะนักศึกษาพิเศษ ที่ว่าพิเศษก็เพราะนักศึกษาที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาลัยอย่างพี่อาร์ไง คนที่ต้องเข้าห้องนี้ได้ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น “หวานถือมาส่งพี่แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบใจจ๊ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันกำลังจะเดินกลับแต่พี่อาร์เรียกไว้ซะก่อนทำให้หันไปมองก็เห็นว่าพี่อาร์ยืนยิ้มให้ฉันอยู่ และดูเหมือนว่าเขามีอะไรบางอย่างอยากพูดกับฉัน “พี่อาร์มีอะไรอีกเหรอคะ?” “เย็นนี้หวานว่างหรือเปล่า?” “ว่างค่ะ” “พี่ขอนัดคุยกับเราหน่อยได้มั้ย?” “ได้ค่ะ ที่ไหนคะ?” “ที่เดิมครับ” ที่เดิมที่พี่อาร์หมายถึงคือที่ร้านโซนนมที่เราชอบไปนั่งประจำกัน และมันก็กลายเป็นที่เดิมของเราไปแล้ว ฉันรับคำก่อนจะเดินไปที่ห้องเรียนของตัวเอง ระหว่างทางฉันเห็นผู้หญิงหลายคนไม่ว่าจะเพื่อน รุ่นน้อง หรือรุ่นพี่ต่างก็มองฉันแปลกๆ ฉันพยายามที่จะไม่สนใจเพราะพวกนั้นก็ได้แค่มอง และก็พากันเข้าใจอะไรผิดๆ ฉันไม่อยากสนใจอยู่แล้ว แค่เรื่องของฉันฉันก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว อยากจะมองฉันแบบไหนก็มองไปเหอะฉันมีหน้าที่มาเรียนก็คือเรียน ไม่ได้มานั่งพูดเรื่องคนอื่น “หวาน” เหมยวิ่งเข้ามาแตะไหล่ฉันที่กำลังเดินขึ้นห้อง หน้าตาเธอดูตื่นๆ ยังไงไม่รู้ ไปทำอะไรมาเนี่ยวิ่งหอบมาเชียว “แก...แก...แฮกๆ” “ค่อยๆ พูดก็ได้เหมยฉันไม่หนีไปไหนหรอก” อะไรของมัน อย่างกับมีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้น ฉันพาเหมยมานั่งทีโต๊ะหินอ่อนข้างบันได เหมยนั่งหอบหายใจอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้ามองมาฉันอย่างตกใจนี่ฉันก็พลอยตกใจไปด้วยเหมือนกันนะ “รถยนต์ของพี่อาร์น่ะ...” รถยนต์ของพี่อาร์ที่จอดข้างฉันมันทำไม ทำไมต้องทำหน้าเหมือนหนีผีมาแบบนี้ด้วย นี่เธอกำลังทำให้ฉันใจคอไม่ดีไปด้วยนะเพราะรถฉันมันจอดอยู่ข้างๆ รถของเขา “ฉันว่าแกไปดูเองดีกว่า ฉันอธิบายไม่ถูกอ่ะเห็นรถแกจอดอยู่ข้างๆ ด้วยไม่รู้ว่าจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือเปล่า” ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ลานจอดรถทันที เมื่อกี้เพิ่งเดินออกมาได้ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำทำไมเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้มาก่อน ฉันมายังที่เกิดเหตุที่มีพี่อาร์ยืนมองดูสภาพรถตัวเองอยู่และยังมีเพื่อนๆ คนอื่นๆ พากันมารุมดูเหตุการณ์ด้วย ฉันมองไปยังรถของพี่อาร์ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากการใช้ของแหลมคมขูดไปที่สีของรถ กระจกโดนทุบจนแตก ยางรถรั่วทั้งสี่ล้อเหมือนโดนเจาะยางเลย ฉันหันไปที่รถของตัวเองทันทีกลัวว่าจะโดนเหมือนพี่อาร์ แต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย รถฉันยังอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีแม้แต่รอยข่วนสักนิด ใครกันนะกล้าทำแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่นะการที่ทำแบบนี้พี่อาร์สามารถเอาผิดได้เลย “น่าสงสารพี่อาร์อ่ะแก ได้ข่าวว่าพี่อาร์ไม่เคยมีเรื่องกับใครและไม่มีใครเป็นศัตรูกับพี่เขาเลยนะแล้วทำไมถึงโดนแบบนี้ได้อ่ะ” เหมยทำหน้าเศร้าเมื่อเห็นสภาพรถพี่อาร์ที่เป็นแบบนั้น ฉันเองก็สงสาร แต่เราไม่ได้สนิทกับพี่อาร์เท่าไหร่นี่เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาเคยมีเรื่องกับใครมาบ้าง “คนที่มันทำมันจะต้องใจทราม จิตใจเต็มไปด้วยเสนียดแน่ๆ เลยแก เพราะคนดีๆ เขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก” ก็คงจะจริง คนดีๆ ที่ไหนทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้ ฉันว่าไม่มีหรอก อย่างมากก็แค่ปล่อยยางรถให้รั่วเหมือนที่พี่แทนทำเมื่อคืนนี้ จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของฉัน บางทีนี่อาจจะเป็นฝีมือของพี่แทนก็ได้ แต่พี่แทนจะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อเขาก็เข้าใจดีแล้วนี่ว่าฉันกับพี่อาร์เราแค่ทำงานกันเท่านั้น ฉันไม่อยากจะใส่ร้ายคนของฉันเพราะมันคงไม่ยุติธรรมหากไม่ฟังจากปากของเขา พี่แทนแทบไม่รู้จักพี่อาร์ด้วยซ้ำ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้ทำแน่ๆ มันคงจะเป็นคนอื่นที่ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจไรงี้ก็ได้มั้ง “พี่อาร์คะ” ฉันเห็นพี่อาร์ยืนมองดูสภาพรถของตัวเองอยู่นานก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าของรถ พี่อาร์หันมามองฉันก่อนจะยิ้มเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นอะไร ยิ่งเขาทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งสงสารเขามากกว่าเดิม ทำไมคนดีๆ อย่างพี่อาร์ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้ด้วยนะ ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้ด้วย ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับพี่อาร์แต่ฉันก็พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนดีมีแต่คนพูดถึงเรื่องเขาในทางที่ดี จนไม่คิดว่าจะมีใครคิดทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้กับเขาแน่นอน หรือไม่มันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ “มีอะไรให้หวานช่วยมั้ยคะ?” “หวานช่วยพี่ไม่ได้หรอกค่ะ” พี่อาร์พูดยิ้มๆ มันก็จริงอย่างที่เขาบอกแหละอย่างฉันจะไปช่วยอะไรเขาได้ รถเขาอยู่ในสภาพแบบนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอกนอกจากเอาเข้าศูนย์อย่างเดียว “เมื่อวานมอไซต์ยางรั่ว มาวันนี้รถยนต์มีสภาพเละ สงสัยพี่จะดวงไม่ดีเกี่ยวกับรถแล้วมั้ง คงต้องโหยรถเมล์มาเรียนแล้วล่ะมั้งเนี่ย” “เดี๋ยวหนูขออาสาเป็นสารถีเป็นคนขับให้พี่อาร์เองค่ะ” รุ่นน้องคนหนึ่งพูดขึ้น ดูเหมือนเธอจะคลั่งไคล้พี่อาร์เอามากๆ เลยนะถึงได้อาสาเป็นคนขับรถให้แบบนี้ พี่อาร์หันไปยิ้มให้รุ่นน้องคนนั้นก่อนจะบอกปฏิเสธไปอย่างถนอมน้ำใจ ฉันเหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนพี่แทนมากกำลังมองมาที่ฉันอยู่ ฉันคิดว่าต้องเป็นพี่แทนแน่ๆ ฉันเดินตามเขาออกไปจนลับสายตาผู้คนเขาถึงได้หันหน้ามาหาฉัน และก็เป็นพี่แทนจริงๆ ด้วย เขามาทำอะไรที่คณะของฉัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม