ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ครึ่ง
เป็นปกติที่สิงหาจะตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน ต่อให้ช่วงกลางคืนเข้านอนดึกแค่ไหน ร่างกายมันก็ตื่นขึ้นมาในเวลาเดิมเหมือนถูกตั้งค่าไว้ คงจะเป็นความเคยชินไปแล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนแอเกินไป สิงหาจึงเข้านอนไม่ดึกมากนัก อย่างน้อยก็ต้องนอนให้ครบเจ็ดถึงแปดชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เขาไม่อยากเจ็บป่วยอะไรอีกแล้ว เพราะรู้ดีว่าตอนที่ร่างกายอ่อนแอควบคุมไม่ได้มันทรมานมากแค่ไหน
ร่างกายเปลือยเปล่าลุกขึ้นจากเตียงที่ไม่นุ่มและแข็งจนเกินไป สิงหาตวัดผ้าห่มที่ปิดเพียงท่อนล่างออก ก่อนบิดกล้ามเนื้อเล็กน้อยจนกระดูกส่งเสียงดังกร๊อบ เพียงเท่านี้ชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต็มตา
ไม่ใช่แค่สิงหาเท่านั้นที่ตื่น อวัยวะบางอย่างที่อยู่กลางลำตัวก็ตื่นขึ้นมาจนตั้งตรงเช่นกัน
เป็นเรื่องปกติ สิงหาอายุเพียงยี่สิบเก้าปี อยู่ในวัยที่กำลังเจริญพันธุ์เต็มที่ เพราะฉะนั้นเรื่องความต้องการในยามเช้าไม่ใช่อะไรที่น่าตกใจ สิงหาไม่มีเมีย และไม่คิดซื้อผู้หญิงกิน เพราะฉะนั้นทุกเช้าเขาจะพึ่งนิ้วมือทั้งห้าของตัวเอง เขาไม่ได้ติดเซ็กส์ แค่ปลดปล่อยให้ร่างกายโล่งขึ้นบ้างก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวันเพราะบางครั้งเขาก็ขี้เกียจ
เขามันเป็นพวกเสร็จช้า ถ้าไม่ได้ต้องการมากๆ เขาจะปล่อยให้มันหดลงไปเอง มันง่ายกว่าการทำให้สุขสมจนเมื่อยแขนแบบนี้
“อื้ม!”
เสียงครางกระหึ่มดังขึ้นในลำคอเมื่อลูกๆ นับล้านพวยพุ่งออกจากส่วนปลายแดงก่ำ สิงหาขยับมือรีดลูกๆ ออกมาจนหมด ก่อนจะหอบหายใจเพราะช่วงท้ายเขาเผลอกลั้นลมหายใจไปเกือบนาที... เมื่อลมหายใจกลับมาเป็นปกติก็ปรายตามองลำท่อนที่แข็งค้างเหมือนยังไม่ได้ปลดปล่อย ขนาดว่าเร่งแล้วยังกินเวลาไปสามสิบนาทีเต็มๆ ถ้าเขาทำอีกครั้งวันนี้คงไม่ได้ออกไปไหน
สิงหาไม่สนใจเจ้าลูกชายตัวเขื่องที่ปวดร้าวจนน่าสงสาร เขาเดินโทงๆ ไปหยิบผ้าขาวม้ามาพันเอว ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนออกไป ที่นี่มีห้องน้ำเพียงห้องเดียวที่อยู่ด้านนอก จะอาบน้ำหรือปลดทุกข์ก็ต้องเข้าที่นี่ที่เดียว
ตุ๊บ!
“ลุง!”
สิงหาหันไปตามเสียงเรียกนั้น ร่างของใครบางคนยืนอยู่ตรงส่วนของโซฟา มือที่ถือหมอนและผ้าห่มอ่อนแรงจนปล่อยมันร่วงลงไปกองที่พื้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างเหมือนเห็นผี
เขาลืมไปเสียสนิท เมื่อคืนเขาอนุญาตให้นักโทษนอนที่นี่
“ฉันจะอาบน้ำ” สิงหาเอ่ยเรียบๆ เขาไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายตกใจอะไร มันไม่ใช่เรื่องของเขา “อย่าลืมที่พูดไว้เมื่อคืน ทำความสะอาดบ้าน กับอาบน้ำให้บาร์บี้”
เขาย้ำเตือนแค่นั้น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผู้มาอาศัยชั่วคราวยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิมเกือบนาที
“หัวใจจะวาย” มือเรียวเล็กลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกขวัญที่กระเจิงไปให้กลับมา พลางส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้คนที่หายลับเข้าไปในห้องน้ำได้หน้าตาเฉย “ตาลุงโรคจิต!”
มือบางละจากหน้าอกขึ้นมาตบแก้มตัวเองเบาๆ เธอรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างของตัวเองร้อนจัด และมันคงแดงก่ำจนน่าเกลียด
เพราะสิงหาคนเดียว
ใครใช้ให้เขานุ่งแค่ผ้าขาวม้าบางๆ ออกมาแบบนั้น ที่จริงมันไม่ได้ผิดแปลกอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะตรงกลางของผ้าลายหลายสีที่ค่อยไปทางสีแดงนั้นนูนเด่นขึ้นมาจนเห็นชัด
ณัฐรินีย์ไม่ได้โง่ และก็ไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น เธอมาจากประเทศเสรีเซ็กส์อย่างอเมริกา เธอรู้ว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไร แค่ไม่ได้เตรียมใจไว้เพราะสิงหาดูไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น ดูได้จากการที่เขาไม่เคยแตะตัวเธอเกินจำเป็น ทั้งยังต่อว่าเธอทุกครั้งที่เธอทำอะไรที่กุลสตรีดีๆ เขาไม่ทำกัน
แต่ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย เธอเคยอ่านหนังสือมาว่าช่วงเช้าแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้านั่นจะคึกคักเป็นพิเศษ ในหนังสือบอกเธอด้วยว่าเซ็กส์ตอนเช้าเป็นเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“บ้า! คิดอะไรเนี่ย!” ณัฐรินีย์ตบแก้มตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้แรงกว่าครั้งก่อนเพราะต้องการเรียกความคิดที่เพ้อเจ้อของตัวเองให้กลับมา “หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ!”
เธอบอกตัวเองซ้ำๆ แต่ภาพที่ได้เห็นยังติดตาไม่ยอมจากไปไหน ไม่ว่าเธอจะพยายามลืมเลือนมันไปเท่าไหร่ก็ตาม...
.
.
สิงหาใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน เมื่อก้าวออกมาจากห้องน้ำเขาก็ไม่เห็นนักโทษแล้ว ไม่รู้ว่าหนีงานกลับบ้านไปหรือทำอะไรอยู่
ขายาวก้าวไปที่ห้องนอนตัวเอง เขาปิดประตูห้องและลงกลอนเรียบร้อย ก่อนจะสลัดผ้าขาวม้าออกกองทิ้งไว้หน้าประตู สิงหามีนิสัยอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หายคือชอบแก้ผ้าเวลาอยู่ในที่ส่วนตัว มันสบายตัวดี อยู่ใกล้ทะเลแบบนี้ตัวเหนียวได้ง่าย เขาเลยไม่ชอบใส่เสื้อผ้าเท่าไหร่
“ลุง!!!”
เสียงเรียกแบบเดิม เพิ่มเติมคือดังกว่าเดิมหลายเท่าดังมาจากด้านหลัง ด้วยความตกใจสิงหาจึงรีบหันกลับไปมองต้นกำเนิดของเสียงนั้นโดยไม่ทันได้ระวังตัว
“เธอ!”
อีกฝ่ายอ้าปากค้าง ไม่ได้พูดหรือร้องออกมาอีกคล้ายกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ ดวงตากลมโตไม่ได้มองมาที่ใบหน้าของเขา แต่มองต่ำกว่าสะดือลงไปจนสิงหาต้องมองตาม
“โรคจิต!!”
สิงหารีบเก็บผ้าขาวม้ามาพันเอวไว้ทันที กรามคมบดเข้าหน้ากันแน่น รู้สึกหน้าร้อนไปหมดไม่รู้เพราะโกรธหรือว่าอายกันแน่
แต่ถ้าให้สิงหาสรุปเอง สิงหาขอเลือกว่ามันเป็นเพราะความโกรธจะดีกว่า
“เข้ามาทำอะไร!?” พอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยขึ้นแล้วสิงหาก็ตวาดถามเสียงดัง เล่นเอาคนที่ยังอ้าปากค้างสะดุ้งพร้อมหลับตาปี๋ “หลับตาทำไม! ทีเมื่อกี้ล่ะจ้องเอาๆ” ประโยคสุดท้ายสิงหาพูดกับตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ยิน
ณัฐรินีย์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างหวาดๆ มือเรียวกระชับด้ามไม้กวาดไว้แน่นราวกับมันเป็นเกาะกำบังที่ปลอดภัย หัวใจเธอเต้นแรงจนเหมือนว่ามันจะกระเด็นออกมาให้สิงหาเหยียบเล่น เธอจะตายเพราะหัวใจวายหรือเปล่า
ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะต้องลืมภาพเจ้าสิ่งนั้นที่ดันผ้าขาวม้าขึ้นมาให้ได้ แต่กลับกลายเป็นได้เห็นในระยะที่ใกล้กว่า ชัดเจนกว่า และที่สำคัญ ครั้งนี้ไม่มีผ้าขาวม้ามาปิดกั้นอีกแล้ว เธอไม่ต้องจินตนาการต่อเลยด้วยซ้ำว่าภายใต้ผ้าขาวม้านั้นมีอะไรอยู่ เพราะเธอได้เห็นมันเต็มสองตา
ได้ผล เธอลืมภาพผ้าขาวม้าตุงๆ ในครั้งแรกไปจนหมด แต่กลับจำภาพที่เห็นเมื่อครู่ได้ขึ้นใจ...
“ถามว่าเข้ามาทำอะไร!?”
สิงหายังคงรักษาระดับของน้ำเสียงที่ดุดันไว้เหมือนเดิม เขามองหน้านักโทษร้ายแรง(เพิ่มขั้นเพราะมาจ้องลูกชายเขา)เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ใบหน้าสิงหาร้อนผ่าวไปหมด อีกฝ่ายก็คงไม่ต่างกัน เพราะผิวขาวๆ ของเธอขึ้นสีแดงก่ำทั้งหน้าและคอ
“ตอบ!!”
“มะ...มา...ทำความ...สะอาด” ณัฐรินีย์ไม่เคยเสียงสั่นขนาดนี้มาก่อน เธอไม่ได้กลัวเสียงตวาดนั่น แค่ยังใจเต้นเพราะสิ่งที่เพิ่งเห็นไม่หาย
ถึงจะยังไม่เคยได้เห็นหน้าชัดๆ แต่ณัฐรินีย์ก็มั่นใจแล้วว่าสิงหาต้องเป็นลูกครึ่ง ลูกเสี้ยว หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่เอเชียล้วนแน่ๆ ไม่อย่างนั้น...
สิงหามองไม้กวาดในมือเล็ก นั่นคือหลักฐานชิ้นสำคัญว่าณัฐรินีย์ไม่ได้โกหก
ครั้งนี้เขาผิดเอง ตั้งแต่ตื่นนอนแล้วที่ลืมไปว่าวันนี้ในบ้านมีแขกไม่ได้รับเชิญจนเผลอทำตัวสบายๆ เหมือนปกติไป เขาอยู่คนเดียวมานานจนชิน และไม่คิดจะพาใครเข้ามาในชีวิตอีก ผู้หญิงคนนี้แค่เหตุสุดวิสัย
“ออกไปทำข้างนอกก่อน ฉันจะแต่งตัว”
“อะ...อืม”
“อืมก็ไปสิ”
“นาย...ยืนบังประตู”
“เหรอ?” สิงหาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเบี่ยงไปด้านขวาเล็กน้อย “เชิญ”
ณัฐรินีย์รีบก้าวเร็วๆ ออกมาจากห้องอันตราย เสียงประตูปิดตามหลังดังลั่นจนบาร์บี้ที่กำลังฝันหวานตื่นขึ้นมา เธอได้แต่ส่งยิ้มให้เจ้าหมาสีขาวขนยาว มันเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะหลับต่ออย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
ณัฐรินีย์ต้องรวบรวมสติอยู่หลายนาทีกว่าจะเริ่มทำความสะอาดบ้านได้ เธอทำทุกซอกทุกมุมเท่าที่จะทำได้ ที่จริงแล้วเธอไม่ใช่คนทำงานบ้านเก่งอะไร แต่เพราะไม่อยากถูกอีกฝ่ายต่อว่าว่าเธอไร้ความสามารถจึงตั้งใจทำจนเสื้อสีขาวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
“เอาล่ะ” ณัฐรินีย์วางอุปกรณ์ทำความสะอาดลง เธอทำงานบ้านเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ในห้องนอนที่สิงหายังไม่ก้าวออกมา เธอจึงยังไม่กล้าเข้าไปทำ “บาร์บี้ อาบน้ำกันดีกว่า”
หงิง
“ชอบอาบน้ำหรือเปล่าเรา?”
หงิง
“หงิงแปลว่าอะไร?” หญิงสาวเอียงคอมองเจ้าสี่ขา และบาร์บี้เองก็เลียนแบบมนุษย์สองขาด้วยท่าทางน่ารักน่ากอด “ฮ่าๆ ฉันคงบ้าไปแล้ว คุยกับหมาจะไปรู้เรื่องได้ยังไง”
โฮ่ง!
“โอเคๆ อย่าซ้ำเติมกันเลยน่า งั้นเราไปอาบน้ำกันดีกว่า จะได้หอมๆ เนอะ”
งื๊ดๆ
หญิงสาวร่างบอบบางออกแรงจูงสุนัขตัวใหญ่ไปหน้าบ้าน ตอนทำความสะอาดเธอสังเกตเห็นว่าตรงนี้มีก๊อกน้ำและสายยาง รวมถึงขวดแชมพูอาบน้ำสุนัขตั้งอยู่ จึงคิดเองเออเองว่าตรงนี้คงเป็นที่อาบน้ำของบาร์บี้ ณัฐรินีย์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะดูเหมือนว่าเจ้าบาร์บี้จะชอบอาบน้ำอยู่แล้ว
หนึ่งคนหนึ่งหมาสนุกสนานกับการอาบน้ำจนเปียกแฉะ เสียงวี๊ดว๊ายและเสียงเห่าของบาร์บี้ทำให้สิงหาอดเดินออกมามองไม่ได้ เขายกแขนขึ้นกอดอกเมื่อเห็นว่าบาร์บี้มีความความสุขกับการอาบน้ำมากแค่ไหน
แต่คงไม่เท่าคน
ณัฐรินีย์ยิ้มกว้าง เส้นผมเปียกแนบเข้ากับใบหน้าขาวสะอาด เสียงหัวเราะใสๆ ดังก้องกังวานไปทั่วทุกครั้งที่บาร์บี้สะบัดน้ำใส่เธอ และเธอก็เอาคืนบาร์บี้ด้วยการฉีดน้ำจากสายยางใส่ บาร์บี้เองก็ไม่ยอม สะบัดขนแรงๆ อีกครั้งจนณัฐรินีย์เปียกซกไปทั้งตัว ในตอนนั้นเองที่คนอาบน้ำเริ่มงอแง เบะปากใส่หมาในขณะที่บาร์บี้ทำตาใสใส่อย่างไม่รู้ความ
“ไม่เล่นแล้วบาร์บี้ เปียกหมดเลย”
โฮ่ง!
“ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนด้วย ทำไงล่ะเนี่ย”
โฮ่ง! โฮ่ง!
“แอบด่าฉันอยู่หรือไง? ฉันฟังไม่ออกนะ!”
“หึ”
สิงหาหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดเองเออเอง เขาเลิกสนใจหนึ่งคนหนึ่งหมาที่ทำท่าเถียงกันไม่เลิก ก่อนจะย้อนกลับไปในห้องนอนของตัวเองแล้วหยิบเสื้อผ้ามาหนึ่งชุด
เขาวางเสื้อผ้านั้นไว้บนเก้าอี้หน้าบ้าน ไม่ได้บอกอะไรกับอีกฝ่ายที่เหมือนว่าจะเปียกมากกว่าเดิม เพราะเธอเห็นแล้วว่าเขาเอาเสื้อผ้าออกมาให้
ขอบคุณ
สิงหาอ่านปากอิ่มที่ขยับขึ้นลงได้แบบนั้น ชายหนุ่มยักไหล่ไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป และจุดหมายของเขาในคราวนี้คือในครัว
สิงหาทำกับข้าวกินเองทุกวัน ยกเว้นมื้อกลางวันที่จะไปกินที่โรงครัว ไม่ใช่เพราะสิงหาถือตัว แต่เพราะเขากินข้าวไม่เป็นเวลา โรงครัวปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่ม แม่ครัวต่างแยกย้ายกันกลับไปหาครอบครัว จะให้สิงหารั้งไว้เพราะตัวเองกินข้าวไม่เป็นเวลาก็ไม่ใช่เรื่อง
อาหารเช้าก็เหมือนกัน สิงหากินอะไรง่ายๆ อย่างขนมปังปิ้งและไข่ดาวอยู่แล้ว จึงไม่อยากเสียเวลาเดินไปที่โรงครัว ทำเองก็ไม่ได้ยากอะไร
ชายหนุ่มหยิบไข่จากตู้เย็นออกมาสองฟอง ไส้กรอกสองชิ้น ขนมปังสองแผ่น นี่คืออาหารเช้าปริมาณปกติของเขา
แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะสิงหาตัดสินใจหยิบทุกอย่างเพิ่มอย่างละหนึ่ง ยกเว้นขนมปังที่หยิบมาสองชิ้นเหมือนเดิม
แค่นี้คงอิ่ม ตัวเล็กแค่นั้น
ณัฐรินีย์เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ ที่จริงแล้วสิงหาไม่ได้บอกให้เธออาบน้ำที่นี่ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอขออาบน้ำดีๆ กับเขาบ้างก็แล้วกัน
ร่างเพรียวบางเดินห่อตัวไปที่โต๊ะกินข้าว เสื้อผ้าที่สิงหาเอามาให้ใหญ่กว่าตัวจนรุ่มร่าม แต่มันก็เป็นข้อดีเพราะพรางหุ่นเธอได้พอสมควร โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ไร้ชั้นในห่อหุ้มอย่างเคย
ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด ตาคมจ้องอ่านข่าวในเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย ไม่ได้สนใจว่าเธอมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งอ่านข่าวจบนั่นแหละ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดจึงได้ฤกษ์เงยขึ้นมองกันเสียที
“มีอะไร”
“ทำงานบ้าน อาบน้ำบาร์บี้เรียบร้อยแล้ว” ณัซรินีย์รายงาน ตากลมมองไข่ดาวหน้าตาน่ากินในจานสิงหาจนน้ำลายสอ “...หนูกลับนะ”
“เดี๋ยว”
“???”
“ของเธออยู่ในครัว”
“อะ...อะไร?”
“มื้อเช้าของเธอ” สิงหาก้มหน้าลงอ่านข่าวในมือถืออีกครั้ง ทำเป็นไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเพราะกลัวว่านักโทษจะได้ใจ “รีบกิน แล้วก็กลับบ้านตัวเองไปซะ”
เบื่อหน้าจะแย่
ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มไม่ได้พูดออกไป เพราะแม่บ้านชั่วคราวเดินหน้าตั้งเข้าไปในครัวเรียบร้อยแล้ว...