สิงหาพาคนมาใหม่เดินอ้อมไปอีกด้านของเกาะที่ไม่มีใครใช้เดินทางหรืออยู่อาศัย เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้พบเจอกับผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้มากนัก มีเพียงไม่แค่กี่คนเท่านั้นที่สิงหาอนุญาตให้เธอได้เจอ
“นายสิงห์!”
เดินมาถึงด้านตะวันตกของเกาะ สิงหาก็ได้ยินเสียงเรียกที่แสดงถึงความดีใจและโล่งใจปะปนกันไป ก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฎตัวจากความมืดให้ทั้งสองคนได้เห็น
“มาเสียที ป้ากังวลไปสารพัด”
“กังวลทำไมป้าผ่อง ทำเหมือนว่าฉันไม่เคยข้ามฝั่งไปได้”
“ก็ทะเลมันน่ากลัวนี่ เดาอารมณ์ไม่เคยได้ บางวันดีแต่บางวันก็ร้ายนายสิงห์ก็รู้” คนอายุมากกว่าส่งค้อนใส่นายสิงห์ ก่อนจะหันไปมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนเยื้องออกไปด้วยสายตาใคร่รู้ “คนนี้หรือที่นายสิงห์บอก?”
“บ้านที่ให้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” สิงหาตั้งคำถามแทนคำตอบ แต่คนที่คุ้นเคยกันมานานอย่างป้าผ่องกลับเข้าใจได้ทันที
ถามมาแบบนี้ แปลว่าคนนี้นี่แหละ ผู้หญิงที่นายสิงห์ว่า
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ ให้ป้าพาคุณเขาไปเลยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก” สิงหาปฎิเสธเสียงเรียบ เขาปรายตามองคนที่ยืนปิดปากเงียบแล้วหันไปตอบป้าผ่องอีกครั้ง “เดี๋ยวฉันไปส่งเอง ป้าไปพักผ่อนเถอะ ลุงมิ่งคงกลับพรุ่งนี้”
“เอางั้นก็ได้ งั้นป้าไปนอนก่อน”
พูดจบ หญิงวัยห้าสิบกว่าๆ ก็หายลับเข้าไปในความมืดอีกครั้ง บรรยากาศรอบข้างกลับมาเงียบสงบเพราะไม่มีใครพูดคุยกัน มีเพียงเสียงลมทะเลที่ดังเป็นระยะๆ เท่านั้น
“อย่าตีสนิทกับคนที่นี่” สิงหาเอ่ยเตือน “เธอมาในฐานะนักโทษ ไม่มีสิทธิ์สนิทสนมกับใครทั้งนั้น”
พูดจบ ขายาวๆ ก็ก้าวเดินต่อทันที ณัฐรินีย์มองตามพลางแลบลิ้นใส่ ผู้ชายอะไร๊ ทำตัวขี้เก๊กได้ตลอดเวลา
แต่เขาพูดแบบนี้ แปลว่าเขาไม่ได้จะปลิดชีวิตเธอเร็วๆ นี้ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นเขาจับเธอมาทำอะไร?
“จะอยู่ตรงนั้นให้เสือมาคาบไปกินหรือไง?”
“ที่นี่มีเสือด้วยเหรอ?”
ดวงตาคู่สวยมองไปรอบกายทันที เมื่อครู่ที่ป้าคนนั้นมาทักก็ไม่เห็นมีท่าทีว่าแกจะกลัวพวกสัตว์ร้ายอะไรเลย เธอคิดว่าจะไม่มีเสียอีก
“จะเดินตามมาได้หรือยัง?”
“จิ๊!” ณัฐรินีย์เลียนแบบอีกคน จิ๊ปากใส่ผู้ชายหนวดยาวเวลาที่ไม่พอใจ แล้วก็พบว่าการทำแบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่ดวงตาคู่คมถลึงมองมาเหมือนจะกินหัวกันแบบนี้
“นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ขยับฉันทิ้งเธอไว้ตรงนี้แน่”
“รู้แล้วล่ะน่า!”
ผู้ชายเผด็จการ!
ใช้เวลาเดินเท้าเลียบไปบนหาดทรายอีกเกือบครึ่งชั่วโมง คนที่เดินนำอยู่ตรงหน้าก็หยุดฝีเท้าลง ณัฐรินีย์หยุดเท้าตาม พลางมองไปทั่วบริเวณเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน
“นั่นบ้านของเธอ”
หญิงสาวมองตามสายตาของนายสิงหาไปที่ บ้าน ที่เขาบอก บ้านหลังนั้นมีลักษณะคล้ายกระท่อมที่แข็งแรงระดับหนึ่ง ตัวบ้านตั้งอยู่บนหาดทราย ยกพื้นสูงเผื่อเวลาน้ำขึ้นน้ำลงราวเมตรครึ่ง
“ให้ฉันนอนที่นี่เหรอ?”
“ทำไม? นอนไม่ได้? แน่สิ ก็เธอ-“
“ได้! ทำไมจะนอนไม่ได้” ณัฐรินีย์รีบร้องขัด เพราะกลัวว่าสิงหาจะเปลี่ยนใจเสียก่อน เธอนอนได้แล้วก็อยากนอนที่นี่มากๆ ด้วย “น่าอยู่จัง ฉันเดินขึ้นไปดูได้ไหม?”
สิงหาที่ตั้งรับไม่ทันได้แต่พยักหน้าอนุญาตราวกับถูกสะกด เขามองร่างบอบบางที่วิ่งขึ้นไปบนบ้านหลังนั้นอย่างอารมณ์ดี กว่าที่สติจะกลับเข้าร่างได้นักโทษสาวก็สำรวจบ้านหลังน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“สุดยอดไปเลย” ณัฐรินีย์ส่งเสียงออกมาเป็นภาษาอังกฤษเพราะดีใจจนลืมตัว เธอมองรอบบ้านที่สว่างเล็กน้อยจากแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายด้วยความชอบใจ “อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปจัง”
ฝ่าเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหยุดชะงัก สิงหาหยุดฟังเสียงของคนที่เดินย่ำอยู่รอบบ้านไม่ยอมโผล่ไปให้อีกฝ่ายเห็น เขาอยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ แต่จนแล้วจนรอดณัฐรินีย์ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
“ที่นี่ไม่มีไฟเหรอลุง? หมายถึงหลอดไฟน่ะ” หญิงสาวที่สำรวจบ้านจนเพลินเดินกลับมาหาสิงหา เสียงเจี้ยวจ๊าวของเธอทำให้ร่างสูงได้สติ ขายาวก้าวขึ้นไปบนตัวบ้านที่มีใครอีกคนยืนอยู่ เขาปรับสีหน้าให้เรียบเฉยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ไม่มี” ชายหนุ่มมองข้ามสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกไป แม้จะแอบไม่พอใจอยู่ลึกๆ เพราะเขาไม่ได้แก่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่คิดจะแก้ไขเพราะมันไม่มีประโยชน์
เรียกอะไรก็เรียก เขาจำได้ว่าเคยบอกเธอไปแบบนั้น
“แล้วอยู่ยังไงล่ะ?”
“จุดไฟเอา”
“อ๋อออออ” หญิงสาวลากเสียงยาว ดวงตาซุกซนฉายแววตื่นเต้นเหมือนเจอของเล่นที่น่าสนใจกวาดมองไปทั่ว “แล้วไฟอยู่ไหนล่ะ?”
“เธอคงเป็นคนที่ถูกจับตัวมาที่อารมณ์ดีที่สุดในโลก” สิงหาประชด ท่าทางของณัฐรินีย์ไม่ได้ตื่นกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกัน... เธอกลับดูมีความสุขทั้งๆ ที่เขาแกล้งให้เธอมาลำบากอยู่ตรงนี้แท้ๆ
เกาะนี้ไม่ใช่เกาะที่ใช้ชีวิตได้ลำบากขนาดนั้น หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออกมีไฟฟ้าปกติ มีเครื่องปรับอากาศ รวมถึงมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใช้ด้วยซ้ำ สัญญาณมือถือก็มี อินเตอร์เน็ตก็ใช้ได้ เกาะนี้เป็นเกาะปิดที่สมบูรณ์และเพรียบพร้อมมากที่สุดในระแวกนี้
เพราะแบบนี้สิงหาถึงได้พานักโทษมาที่นี่แทนที่จะเป็นส่วนของหมู่บ้าน เขาไม่ต้องการให้ณัฐรินีย์อยู่อย่างมีความสุข แต่ก็เหมือนว่าเขาจะประเมินผู้หญิงคนนี้ผิดไปมาก
“หนูอารมณ์ดีกับทุกเรื่องแหละ”
หนู? สิงหาขมวดคิ้วแน่น ตอนที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่าลุงน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอแทนตัวเองว่าหนูแบบนี้แล้วมัน.... แปลกๆ
“โลกใบนี้มันโหดร้ายจะตายไป ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ แบบนั้นคงใช้ชีวิตได้ไม่คุ้มเท่าไหร่”
“เพราะแบบนี้...” เธอถึงได้ลืมเรื่องที่ตัวเองทำไว้เสียสนิทสินะ ทั้งๆ ที่คนถูกกระทำแบบเขาต้องจมอยู่กับฝันร้ายมาตลอดแท้ๆ
สิงหามองผู้หญิงที่กำลังเหม่อมองทะเลด้วยความโกรธแค้นที่เพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงคนนี้ทำลายชีวิตเขา แต่กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไกลถึงอเมริกา มีลูกชายเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เทียวไล้เทียวขื่ออยู่ไม่ห่าง ส่วนเขากลับถูกคนรักทิ้งไปเพราะครอบครัวของเธอกลัวว่าเขาจะกลับมาเดินไม่ได้อีก และจะทำให้ลูกสาวของพวกเขาต้องลำบากถ้าหากยังดึงดันจะคบกันต่อ
โลกใบนี้มันโหดร้าย แต่สิงหากลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้โหดร้ายกว่าหลายเท่านัก หัวใจของเธอดำมืดจนมองไม่เห็นสีอื่นใดอีก
ฝ่ามือใหญ่กำแน่นจนเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นสิงหาก็ไม่ร้องออกมาสักแอะ ดวงตาคมเฝ้ามองแผ่นหลังเล็กบางอย่างอดทนอดกลั้น เขาจะไม่ทำร้ายเธอด้วยมือของตัวเอง แต่เธอจะทรมานจากการต้องอยู่ห่างจากครอบครัวและคนรัก... ทรมานมากกว่าที่เขาเคยเจอ
“เอ๊ะ!” ณัฐรินีย์นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ร่างบางหมุนตัวกลับมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ลุงจะนอนที่นี่ หรือว่าจะนอนที่ไหน หนูเห็นมันมีห้องเดียวนะ”
“ฉันไม่นอนที่นี่”
“อ๋อ... ค่อยยังชั่ว หนูไม่ถนัดนอนกับผู้ชายแปลกหน้าเท่าไหร่”
“งั้นเหรอ?” สิงหายกยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนใจ “งั้นฉันจะนอนที่นี่”
“ได้ยังไง? ฟูกมีอันเดียวเอง”
"ได้สิ ฉันนอนฟูก ส่วนเธอก็นอนพื้น”
“ล้อเล่นแน่ๆ” ณัฐรินีย์พยายามจ้องไปในดวงตาคู่นั้นเพื่อหาว่าเขากำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า แต่เธอกลับไม่พบเจอสิ่งที่กำลังค้นหาเลย “อะ...เอาจริงเหรอ?”
สิงหาตอบคำถามด้วยการเดินเข้าไปในห้องนอนแทน เขาทิ้งตัวนอนบนฟูกขนาดเล็กและปิดตาลงทันที ไม่ได้สนว่าอีกฝ่ายจะเดินตามมาหรือไม่
เขาขอหลับเอาแรงซักหน่อย พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้ต้องทำอีกตั้งเยอะ
สิงหาไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะกล้าเข้ามานอนในห้องที่มีเขานอนอยู่ อย่างน้อยๆ ผู้หญิงทั่วไปก็มักจะมีสัญชาติญาณระวังตัวเองจากเพศตรงข้ามอยู่บ้าง แต่เขาก็ควรจะจำให้ขึ้นใจเสียทีว่าผู้หญิงอย่างณัฐรินีย์ไม่ได้คาดเดาได้ง่ายขนาดนั้น
ชายหนุ่มหนวดยาวตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติที่ตื่นทุกวัน เสียงน้ำกระทบฝั่งดังเป็นจังหวะทุกครั้งที่คลื่นลมพัดมา สิงหารู้สึกว่าร่างกายซีกซ้ายชาไปทั้งแถบเหมือนถูกกดทับเป็นเวลานาน และได้กลิ่นหอมสดชื่นของอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ปลายจมูกจนเผลอสูดดมเข้าไปจนเต็มปอด
“อืม...”
อะไรบางอย่างนั้นขยับเข้าซุกกับอกของเขา ในตอนนั้นเองที่สิงหาเริ่มมีสติ ดวงตาคมเปิดออกกว้าง ก่อนจะมองหาสิ่งที่นุ่มนิ่มและอบอุ่นคล้ายร่างกายของมนุษย์เพื่อพาคำตอบให้ตัวเอง
“เฮ้ย!”
ตุ๊บ!
“โอ้ย!”
สิงหาขยับไปชิดฝาบ้านหลังจากดันร่างที่ถือวิสาสะขึ้นมานอนทับแขนเขาจนชาตกฟูกไป แม้ความสูงของฟูกจากพื้นจะไม่ได้มาก แต่เพราะอีกฝ่ายยังหลับอยู่ หน้าผากของเธอจึงกระแทกเข้ากับพื้นไม้ไผ่เต็มแรง
“ลุง นี่มันไม่ใช่การปลุกที่ดีเลยนะ”
ณัฐรินีย์ลุกขึ้นนั่งน้ำตาคลอ เธอยกมือทั้งสองข้างปิดหน้าผากของตัวเองไว้ เธอเจ็บมาก ผู้ชายอะไรแรงเยอะเหมือนช้างแมมมอธ
“ใครใช้ให้ขึ้นมานอนบนนี้!”
“ไม่มี” มือเล็กลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ “แต่มันหนาว พื้นก็แข็ง นอนได้ชั่วโมงเดียวก็ไม่ไหวแล้ว พอหนูขึ้นไปนอน ลุงก็ขยับแบ่งที่ให้ หนูก็คิดว่าลุงไม่ว่าสิ”
สิงหานึกไม่ออกว่าตัวเองไปทำแบบนั้นตอนไหน เขาขยี้ผมรุงรังจนจนฟูฟ่องกว่าเดิม ก่อนจะรีบลุกออกจากบ้านไปไม่หันกลับมามองคนที่นั่งอยู่บนพื้นอีกเลย
“แค่นี้ก็จะไม่โดนแย่งที่นอนอีกแล้วหนูนิด” ร่างอรชรทิ้งตัวลงนอนบนฟูกหนานุ่มที่ได้เวลาจับจองเป็นเจ้าของเสียที เธอเกลือกกลิ้งร่างกายกับที่นอนอย่างมีความสุข “ผู้ชายอะไรกลัวผู้หญิงยิ่งกว่าพระ แต่อยากแกล้งหนูนิดก่อนเอง... ช่วยไม่ได้”
คนที่ถูกกล่าวหาว่ากลัวผู้หญิงหยุดฝีเท้าลงเมื่อออกห่างจากบ้านหลังนั้นพอสมควร ถ้าใครมาเห็นหน้านายสิงหาตอนนี้คงคิดว่าเขาเพิ่งเห็นผีมา สิงหาหันกลับไปมองบ้านที่ตั้งโดดเดียวอยู่บนหาดที่ตอนนี้น้ำทะเลขึ้นสูงประมาณเข่าอย่างไม่สบอารมณ์ แผนที่เขาวางไว้พังไม่เป็นท่า เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยแบบนั้นจะบ้าบิ่นได้ถึงขนาดนี้
สิงหาไม่ได้กลัวผู้หญิง เพียงแต่เขาไม่อยากเข้าใกล้เธอเกินความจำเป็น เขาไม่ได้จับเธอมาปล้ำเหมือนในละคร เขาแค่ต้องการทำให้ครอบครัวเธอร้อนใจและอยู่ไม่สุขก็เท่านั้น
แค่วันแรกสิงหาก็พ่ายแพ้ให้นักโทษของตัวเองอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว ร่างสูงใหญ่ก้าวไปอีกทางเพื่อกลับที่พัก วันนี้เขาขอกลับไปตั้งหลักก่อน แต่หลังจากนี้เขาจะไม่พลาดอีกเด็ดขาด