สิงหาจอดรถคันเก่าแต่คุณภาพยังคับแน่นเข้าในที่ประจำ เวลาเย็นแบบนี้คนงานและชาวประมงที่ทำงานตรงนี้ทุกวันต่างแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว และที่สิงหาเลือกมาถึงที่นี่ในตอนนี้ก็เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่น
คนที่นี่ไม่ใช่คนที่เกาะของเขา แม้ทุกคนจะไม่มายุ่งวุ่นวาย แต่คงไม่แคล้วได้เป็นขี้ปากอยู่ดี
แปะ!
“ตื่น”
มือหยาบกร้านตามประสาคนทำงานแตะลงบนแขนเรียวเล็กด้วยแรงที่ไม่เบานัก สิงหาทำงานหนักมาทั้งชีวิต ไม่เคยต้องถนอมใคร เพราะฉะนั้นเขาจึงกะแรงกับผู้หญิงที่ตัวผอมจนแทบจะปลิวได้แบบนี้ไม่ถูก
คนถูกตีสะดุ้งตื่นทันที สิ่งแรกที่ณัฐรินีย์เห็นคือความมืด เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะระลึกได้ว่าตัวเองถูกจับตัวมาและตาก็ถูกปิดไว้ ดังนั้นเธอจึงผ่อนจังหวะหายใจให้กลับมาเป็นปกติ รวมถึงบังคับหัวใจที่เต้นแรงให้สงบลง
“ตื่นแล้วก็ลง” สิงหาเดินอ้อมไปอีกฝั่ง เขาเปิดประตูรถให้คนที่ถูกปิดกั้นการมองเห็น แต่อีกฝ่ายกลับนั่งนิ่งไม่ยอมขยับจนเขาเผลอจิ๊ปาก “ทำไมไม่ลงอีก?”
“ที่นี่ที่ไหน?”
“ถ้าฉันบอก ฉันจะปิดตาเธอทำไม?”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ณัฐรินีย์รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เง่าเหลือเกิน เธอพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะก้าวลงจากรถคันสูงโดยที่มีมือหยาบกร้านคอยประคองไม่ห่าง
สิงหาไม่ได้อยากถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนนี้นัก แต่ถ้าปล่อยให้เธองมทางเองวันนี้คงไม่ได้กลับเกาะ นี่ก็เย็นมากแล้ว ถ้ากลับดึกกว่านี้จะอันตราย เขาไม่ได้พาเธอมาตายกลางทะเลหรอกนะ
“เดินไป”
“ดะ...เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีก?” สิงหาขมวดคิ้ว เขารู้สึกหงุดหงิดใจที่ผู้หญิงคนนี้เรื่องเยอะเหลือเกิน แต่ก็สมกับเป็นลูกผู้ดีตีนแดง พ่อแม่ตามใจจนกลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบแบบนี้
“ฉัน... อยากเข้าห้องน้ำ”
“กลั้นไว้ก่อน อีกครึ่งชั่วโมงค่อยเข้า”
“ไม่ได้!” หญิงสาวปฏิเสธเสียงดังลั่น ไม่ได้แล้วจริงๆ เธอไม่สามารถอดทนไปอีกครึ่งชั่วโมงได้อีกแล้ว “ให้ฉันเข้าเถอะนะ ฉันไม่ไหวแล้ว”
“เธอนี่มัน...”
สิงหาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พื้นฐานของชายหนุ่มเป็นคนทำอะไรรวดเร็ว คติประจำใจของคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบเขาคือเวลามันไม่เคยคอยท่า เพราะฉะนั้นสิงหาไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เลยซักครั้ง
ยกเว้นช่วงเวลาสามปีนั้นที่เขาต้องใช้ชีวิตอย่างคนพิการ
“โอ้ย!”
สิงหาคลายมือออก หลังจากได้ยินเสียงร้องจากเจ้าของแขนเล็กที่เขาบีบอยู่
พอคิดถึงเรื่องนั้นทีไรสิงหามักจะใจร้อนและอารมณ์รุนแรงกว่าปกติ เขาเกลียดตระกูลนั้นเป็นที่สุด ตระกูลที่ทำให้เขาเสียเวลาไปสามปีเต็มๆ อนาคตที่กำลังสดใสดับวูบลงเพราะความประมาทจากผู้หญิงคนนี้ และที่น่าเจ็บใจที่สุด... คือการที่กฎหมายแสนศักด์สิทธิ์ทำอะไรครอบครัวนี้ไม่ได้เลย เพราะพวกเขามีเงินล้นฟ้า
และนี่คือแรงจูงใจในการใช้ศาลเตี้ยของสิงหา ในเมื่อกฎหมายทำอะไรไม่ได้ เขาก็จะพิจารณาโทษให้คนพวกนั้นเอง
“โอ้ย! อย่าบีบ ฉันเจ็บ!”
เธอร้อง เพราะเขาเผลอบีบแขนเล็กๆ นั่นอีกครั้ง
ใจเย็นสิงหา ชายหนุ่มบอกตัวเองในใจ พลางคลายมือที่บีบแน่นยิ่งกว่าคีมเหล็กออก ยังไงตอนนี้เขาก็ได้ตัวผู้หญิงคนนี้มาแล้ว ป่านนี้คนที่บ้านของเธอคงนั่งไม่ติด ส่งคนตามหาลูกสาวสุดที่รักกันให้วุ่น แต่อย่าคิดว่าจะเจอได้ง่ายๆ เพราะเขาจะไม่ปล่อยตัวณัฐรินีย์กลับไป จนกว่าจะเห็นความทรมานของครอบครัวนั้น อย่างน้อยก็ต้องเทียบเท่ากับช่วงเวลาสามปีที่เขาทรมานเพราะเดินไม่ได้
“จะไปไหน?”
เสียงใสเอ่ยถาม เมื่อแขนที่ยังไม่หายเจ็บถูกลากแถ่ดๆ ไปตามทางที่มืดมน เธอไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้อะไรเลยนอกจากเสียงคลื่นน้ำตีกับฝั่งที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้คงอยู่ใกล้กับทะเลมากๆ อาจจะห่างกันไม่ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ
“จะเยี่ยวไม่ใช่หรือไง?”
“ฉี่! ฉันจะฉี่!” ณัฐรินีย์แก้ เธอยังกระดากปากที่จะพูดแบบนั้น แต่คำพูดของเธอกลับไม่ได้เข้าไปในหูของผู้ชายที่จับแขนเธออยู่เลย
“จะเยี่ยวก็ตามมา”
หรือหนวดที่ขึ้นมันปิดกั้นการได้ยินของเขาไปหมดแล้วนะ?
ณัฐรินีย์ถูกเปิดตาครั้งแรกในรอบหกชั่วโมง เธอกวาดตามองห้องน้ำแคบๆ ที่ไม่สะอาดเท่าไหร่ด้วยใบหน้าที่บอกอารมณ์ไม่ถูก สมัยอยู่ที่อเมริกา เธอไม่ได้อยู่อย่างหรูหราก็จริง แต่ก็ไม่เคยแย่ขนาดนี้มาก่อน
“เข้าไปสิ อย่าตุกติกนะ ไม่งั้นฉันฆ่าเธอแน่”
“เหอะ!” คิดว่าคนอย่างณัฐรินีย์กลัวตายหรือไง ถ้ากลัว เธอไม่ยอมตามมาถึงที่นี่หรอก
หญิงสาวสะบัดผมใส่ผู้ชายหนวดยาว ก่อนจะก้าวอาดๆ เข้าไปในห้องน้ำที่มีเพียงห้องเดียว คนที่จับเธอมารออยู่ด้านนอกห่างกันแค่ประตูกั้น เขาคงกลัวว่าเธอหนี แต่เธอจะหนีไปไหนได้นอกจากแปลงร่างเป็นแมลงสาบแล้วมุดท่อออกไป
ใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็จัดการธุระส่วนตัวเสร็จ โชคดีที่แม้ภายนอกจะดูแย่ แต่ภายในห้องน้ำก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และดูสะอาดสะอ้านเหมือนถูกทำความสะอาดวันละหลายครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!
“เสร็จหรือยัง!!”
ณัฐรินีย์สะดุ้ง เธอเผลอส่งค้อนให้คนหลังประตูทั้งๆ ที่มองไม่เห็นอีกฝ่าย ผู้ชายอะไรใจร้อน เสียงดัง กักขฬะ และไร้อารยธรรมได้ขนาดนี้
หญิงสาวผลักประตูให้เปิดออกแรงๆ ตั้งใจจะให้โดนหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดยาวๆ นั่นด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายดันรู้ทันและหลบได้ก่อน ตาคมจ้องมองมาอย่างคาดโทษแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ เสียงดังมาเธอก็รุนแรงกลับ แค่นี้ก็หายกันแล้ว
“ไปได้แล้ว”
ผ้าสีดำคาดปิดที่ตาอีกครั้ง โลกของณัฐรินีย์กลับมามืดสนิท ต้นแขนของเธอถูกจับไว้แน่น เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามสิงหาไปโดยไม่รู้ชะตากรรมต่อจากนี้ของตัวเอง
“นายครับ...” สิงหาถลึงตาใส่ลูกน้องที่รออยู่ที่เรือ เพราะอีกฝ่ายเผลอเรียกเหมือนที่เรียกเขาทุกครั้งต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ “เอ่อ... นายสิงห์ เรือเรียบร้อยแล้ว”
"ขอบใจ”
“เรืออะไร นายจะพาฉันไปไหน?”
“ไม่ต้องถามได้ไหม?” สิงหาเอ่ยเสียงเย็น เธอทำให้เขาสายไปเกือบสิบนาที ทั้งยังถามมากจนน่ารำคาญ “ถอดของมีค่าทุกอย่างออกมาให้หมด โดยเฉพาะของที่สามารถติดตามตัวเธอได้ ถ้าฉันรู้ว่าเธอตุกติกฉันจะโยนเธอลงไปในทะเล ให้ที่บ้านเธอตามหาเธอในทะเลก็แล้วกัน แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะเจอเธอในสภาพไหน”
ณัฐรินีย์ลังเลอยู่ซักพัก แต่ในที่สุดเธอก็ยอมถอดเครื่องประดับทุกอย่างออก มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเธอก็ยื่นมันให้เขา
“หมดหรือยัง?”
“หมดแล้ว?”
“แน่ใจ?”
“จะค้นไหมล่ะ?” หญิงสาวอ้าแขนออกเปิดทางให้เขาเข้ามาค้นหา เธอไม่เหลืออะไรติดตัวแล้ว เขาจะเอาอะไรกับเธออีก
สิงหามองสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าทำแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนยอมให้ผู้ชายสัมผัสร่างกายง่ายๆ แบบเธอ มุมปากหลังหนวดยาวยกยิ้มเยาะ ไปอยู่ที่อเมริกาลูกสาวคนโปรดของตระกูลดังคงใจแตกน่าดู
“ฉันฝากลุงเอาไปทิ้งอีกจังหวัดหน่อยนะ อย่าให้พวกมันตามมาที่นี่ได้”
“ครับ... ได้ เดี๋ยวลุงจัดการให้”
“ขอบคุณ”
สิงหามองตามจนร่างของลุงมิ่ง คนที่ชายหนุ่มให้ความไว้ใจเป็นอันดับต้นๆ เดินจากไปจนลับสายตา เมื่อกลับมาอยู่กันสองต่อสองอีกครั้ง สิงหาก็ออกคำสั่งเสียงดุ
“ลงไป”
“ลงอะไร ฉันมองไม่เห็น”
“จิ๊! เธอนี่มันตัวปัญหาจริงๆ” สิงหาปล่อยมือจากต้นแขนเล็ก เขากระโดดเพียงครั้งเดียวก็ลงไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางสปีดโบ๊ท
“ใครใช้ให้นายจับฉันมาล่ะ อ๊ะ!”
เถียงไม่ทันจบ ร่างของเธอก็เหมือนถูกดึงให้ตกลงไปในหลุมอะไรซักอย่าง ณัฐรินีย์เผลอหลับตาปี๋ คิดในใจว่าคงเจ็บหรือไม่ก็ตกน้ำแล้วแน่ๆ แต่สิ่งที่เธอรับรู้ได้กลับกลายเป็นแค่อ้อมแขนอุ่นๆ และแผ่นอกแข็งๆ ของใครบางคนที่เธอซบอยู่
“จะซบอีกนานไหม?”
“โอ๊ะ!” หญิงสาวรีบถอยห่าง และนั่นก็ทำให้เธอรู้ว่าเขาคลายอ้อมแขนอุ่นๆ ออกไปตั้งนานแล้ว มีแต่เธอที่เผลอซบอกกว้างๆ ของเขาด้วยความลืมตัวอยู่คนเดียว “โทษที”
สิงหาไม่สนใจ เขาดันร่างบางให้ไปนั่งลงเรียบร้อย
“นั่งตรงนี้ อย่าตุกติก เพราะฉันไม่รับปากว่าเธอจะตกทะเลหรือเปล่า”
ขู่เก่งเหลือเกิน
ณัฐรินีย์นินทาอีกฝ่ายในใจ ตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้เขาขู่เธอไปกี่ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เห็นจะทำจริงซักครั้ง
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีณัฐรินีย์ก็เข้าใจว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ขู่ ความเร็วที่ไม่กล้าประเมินว่ากี่กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เธอต้องรีบคว้าที่จับไว้ เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงตกลงไปในทะเลจริงๆ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่หญิงสาวต้องนั่งเกร็งอยู่แบบนั้น เธอรู้สึกขอบคุณเขาเป็นครั้งแรกที่ปิดตาเธอไว้ เพราะถ้าได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอคงเป็นลมอยู่บนสปีดโบ๊ทลำนี้ไปแล้ว
“เปิดตาแล้วยังจะเดินช้าอีก”
สิงหาหันไปบ่น เขาเปิดตาให้เธอตั้งแต่มาถึงเกาะแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถูกเนื้อต้องตัวของเธออีก แต่กลับกลายเป็นว่าพอเปิดตาณัฐรินีย์กลับเดินช้ากว่าเดิมจนน่ารำคาญ
วันนี้เขารำคาญผู้หญิงคนนี้ไปกี่ครั้งแล้วไม่อยากจะนับเลย
“ฉันก็รีบอยู่นี่ไง!” แต่ขาเธอมันสั่น แค่เดินช้าๆ ยังยาก นับประสาอะไรกับการเดินตามผู้ชายขายาวๆ นั่นให้ทัน
“เป็นอะไร กลัว?”
สิงหายิ้มเยาะ ถ้าไม่กลัวที่นี่คงใจแข็งน่าดู เกาะนี้เป็นเกาะที่สวยและสมบูรณ์มากในเวลากลางวัน แต่พอมาในเวลากลางคืนความสมบูรณ์ของเกาะก็ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัว ทั้งต้นไม้ใหญ่ ทั้งบรรดาสัตว์เล็กใหญ่ที่ส่งเสียงร้องเป็นระยะๆ ชวนให้ขนลุก
ณัฐรินีย์ไม่ได้ตอบอะไร เธอพยายามเดินตามคนที่เดินอยู่ตรงหน้าจนทัน ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า... แต่เหมือนว่านายสิงหาคนนี้จะเดินช้าลงเพื่อรอเธอ
เป็นผู้ชายที่ปากร้ายแต่ใจดีสินะ...