7
“คนที่สมควรไปรับไปส่งตาลน่าจะเป็นพี่มากกว่า พี่ขอโทษนะที่ไม่ค่อยดูแลตาลเรื่องนี้”
รัฐรวินทร์รู้สึกผิดเรื่องนี้ไม่น้อย เขาไม่ค่อยได้ทำหน้าที่คู่หมั้นเต็มที่เท่าไหร่นัก กิจการที่เขาดูแลอยู่กำลังขยายไปสู่ตลาดยุโรป จึงต้องเตรียมงานและวางแผนการตลาดอย่างหนัก เขาจึงไม่ได้ไปรับหรือส่งเธอไปถ่ายละครหรือทำงานตามสถานที่ต่างๆ ที่นัดหมายไว้กับเจ้าของงาน รัฐรวินทร์ใช้การโทรศัพท์คุยกับเธอมากกว่า
“ตาลไม่ยึดติดเรื่องนี้ค่ะ ตาลรู้ค่ะว่าตอนนี้พี่วินงานยุ่งมาก อีกอย่างงานของตาลก็เลิกไม่เป็นเวลาด้วย เวลาตาลเลิกดึกตีสองตีสามก็เป็นเวลาที่พี่วินนอน ตาลคงไม่รบกวนพี่วินมารับตาลหรอกค่ะ ตาลเข้าใจเรื่องของเราดีค่ะ พี่วินไม่ต้องคิดมากนะคะ”
ภคพรเป็นผู้หญิงสวย นิสัยดี จิตใจอ่อนโยน ไม่ถือตัวและไม่เรื่องมาก กินอยู่ง่าย เธอจึงเป็นที่รักของคนในกองถ่ายและงานอีเว้นท์ต่างๆ รวมถึงแฟนคลับอีกจำนวนมาก งานทางด้านการบันเทิงจึงมีต่อเนื่อง
“ครับ ขอบคุณมากครับที่เข้าใจพี่” รัฐรวินทร์ยิ้มให้คู่หมั้น
“ตาลขอตัวก่อนนะคะพี่วิน ตาลต้องรีบไปกองค่ะ กลัวรถติด”
“ครับ พี่เดินไปส่งที่ประตูนะครับ”
รัฐรวินทร์ทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดี เดินไปส่งภคพรหน้าประตูห้องทำงาน ก่อนจะกลับมานั่งบนเก้าอี้ทำงาน นั่งคิดวิธีจัดการกับเกวลิน หญิงสาวที่ฝากความแค้นไว้ให้กับตน
ภคพรทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากเรื่องระเบียบวินัยที่มาเป็นอันดับหนึ่ง เธอจะมาก่อนเวลานัดหมายเพื่อเตรียมตัวถ่ายละคร และซ้อมคิวก่อนถ่ายจริง เรื่องการแสดงก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน เข้าถึงบทบาทในบนนั้นๆ สมกับเป็นมืออาชีพ รวมถึงนิสัยใจคอที่ดีมากคนหนึ่ง เธอจึงเป็นที่รักของคนในกองถ่าย รวมถึงผู้จัดละครหลายคนที่จองคิวเธอไว้ล่วงหน้าเป็นปี ภคพรจึงมีงานต่อเนื่องถึงปีหน้า ยังไม่รวมงานอีเว้นท์ต่างๆ งานโฆษณาที่มีต่อเนื่องอีกหลายหลานสินค้า
เมื่อมีนางเอกนิสัยดีก็ต้องมีนางร้ายจอมเหวี่ยงนิสัยแย่ ขึ้นชื่อเรื่องความเรื่องมากชนิดสุดโต่ง เอาแต่ใจสุดๆ ตัวแม่ นั่นนี่ก็ไม่เอา ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ได้ เป็นที่ระอาของคนในกองถ่ายและผู้จัด ทว่าก็ต้องยอมเนื่องจากเธอเป็นนางร้ายอันดับหนึ่ง ที่เล่นเรื่องไหนสร้างสีสันให้กับละครเรื่องนั้น จนดังพลุแตก แต่ไม่น่าเชื่อว่า นางเอกและนางร้ายมือหนึ่งของประเทศไทยจะเป็นเพื่อนซี้กัน ทั้งที่นิสัยต่างกันคนละขั้ว
“ทำไมแต่งหน้าอย่างกับงิ้วอย่างนี้เนี่ย” หมิวหรือสิณีนารถโวยช่างแต่งหน้า
“ก็แต่งปกตินี่คะ งิ้วตรงไหนคะน้องหมิว” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองพยายามทำใจให้เย็น ไม่ตอบโต้กลับ เพราะเกรงว่าจะตกงาน
“ก็คิ้วนี่ไง ไม่เห็นเหรอ โก่งอย่างกับงิ้ว” สิณีนารถชี้ไปที่คิ้วขณะมองกระจก “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่า ไม่ต้องแตะต้องคิ้วของฉัน แต่เธอก็ยังแตะมัน”
“พี่เติมนิดเดียวเองนะคะ ไม่ได้ทำให้มันเป็นงิ้วสักหน่อย” ช่างแต่งหน้าเอ่ยเสียงเบา
“อ๋อ พูดอย่างนี้หาว่าฉันวาดคิ้วตัวเองให้เหมือนงิ้วใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหู สิณีนารถก็เหวี่ยงอีกรอบ แล้วด้วยน้ำเสียงแว๊ดๆ เหมือนตลาดแตกก็ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องได้ยิน หนึ่งในนั้นคือภคพรที่ลุกเดินมาหาเพื่อนสนิท
“ใจเย็นๆ นะหมิว ไหนให้ฉันดูสิว่า มันเหมือนงิ้วยังไง” ภคพรส่งสัญญาณมือให้ช่างแต่งหน้าลุกเดินออกไปจากห้อง ก่อนที่เธอจะมานั่งแทนที่คนที่เพิ่งลุกไป นางเอกสาวมองดูคิ้วของนางร้ายที่บอกว่าโก่งเหมือนงิ้ว ซึ่งดูแล้วก็ไม่เห็นมีความผิดปกติใดๆ “ก็ไม่เห็นจะเหมือนงิ้วเลยนี่ สวยจะตายไป”
“สวยตรงไหน เห็นอยู่ว่ามันโก่งเหมือนงิ้ว”
“จ้าๆ โก่งก็โก่ง เดี๋ยวฉันดูให้นะ” ภคพรใช้ความใจเย็นเข้าลูบ หยิบอุปกรณ์แต่งคิ้วขึ้นมาทำทีเป็นวาดไปตามคิ้วของสิณีนารถ “อ่ะ สวยแล้ว ดูสิพอใจไหม”
สิณีนารถมองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ
“อืม ดีขึ้นเยอะเลย” ภคพรยิ้มกับความเอาแต่ใจของเพื่อนที่นับวันจะทวีขึ้นเรื่อยๆ
“หงุดหงิดอะไรถึงต้องไปเหวี่ยงช่างแต่งหน้า” ภคพรรู้ว่า เพื่อนรักกำลังอารมณ์ไม่ดี ต้องหาที่ระบาย แล้วหวยก็มาออกที่ช่างแต่งหน้า
“รู้ดี” พูดพร้อมกับเชิดหน้าใส่
“แล้วมันจริงไหมล่ะ”
“อืม จริง”
“ตกลงหงุดหงิดเรื่องอะไร”
“ก็พี่ต่ายน่ะสิ ดันไปรับงานโฆษณาตัวนึงไว้ ฉันต้องบินไปถ่ายที่มิลาน” สิณีนารถบอกเรื่องที่ทำให้อารมณ์เสีย
“แล้วไม่ดีหรือไง ได้ไปเที่ยวเมืองนอกด้วย ไปทำงานด้วย แถมเงินก็ได้อีก”
“มันก็ดีอยู่หรอก ถ้าเผื่อฉันไม่รับอีกงานนึงไว้ มันก็เลยชนกัน พอรู้ว่าชนกันฉันก็ไม่ยอมไปทำงานที่อิตาลี พี่ต่ายเลยวีนใส่ฉัน มีเหรอที่ฉันจะไม่วีนกลับ พอฉันวีนเข้าหน่อยมานอยด์ใส่ บอกว่าฉันต้องเป็นคนจ่ายค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าของโฆษณาตัวนั้นเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เขาเลยจะให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหนึ่งล้านบาท ฉันคงยอมหรอก ฉันไม่ผิดนะ เพราะทุกทีก่อนที่พี่ต่ายจะรับงาน นางต้องมาถามฉันก่อน แต่นี่ไม่ถามเลย ตอบตกลงไปทันที ใครตกลงก็จ่ายเองสิ”
สิณีนารถบอกเรื่องที่ทำให้เธอหงุดหงิด จะไม่ให้เธออารมณ์เสียได้อย่างไร เพราะอยู่ๆ ต้องจ่ายเงินเป็นล้าน ทั้งที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของตนสักนิดเดียว
“พี่ต่ายหวังดี อยากให้หมิวมีงานเยอะๆ ไง คิดดูสิว่าตอนนี้มีดาราใหม่ๆ มาเยอะ แย่งงานกันจะตายไป พี่ตาลเห็นว่า งานลอยมาตรงหน้าเลยรีบรับไว้” ภคพรพยายามปลอบใจเพื่อน
“หวังดีกับตัวเองด้วยล่ะสิไม่ว่า สามสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะที่พี่ต่ายจะได้” สิณีนารถหมายถึงส่วนแบ่งของรายได้ในแต่ละงานของตนจะถูกแบ่งให้นงเยาว์ ผู้จัดการส่วนตัว “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะกับส่วนแบ่งที่ให้พี่ต่าย เพราะถือว่าช่วยๆ กัน อีกอย่างพี่ต่ายก็เป็นคนดึงฉันมายืนถึงจุดนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดเนรคุณ แค่เคืองๆ พี่ต่ายหน่อยๆ ที่รับงานโดยไม่ได้ถามฉันก่อนก็แค่นั้น”