กลับตระกูลเดิม

2113 คำ
โจวลี่หลินแต่งเข้าตำหนักอ๋องได้สามวัน นางก็มีความกล้ามากขึ้น วันนี้เป็นวันที่นางจะต้องกลับไปยังตระกูลเดิม นางที่ไม่คาดหวังให้เฉินตงหยางตามไปด้วย จึงได้ขอให้หลี่กงกงไปกับตน อย่างน้อยๆการมีอยู่ของเขา ก็คงจะทำให้คนตระกูลจางไม่กล้าทำอะไรนางมากนัก การไปครั้งนี้ หญิงสาวได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะนำเงินในส่วนที่นางจะได้ในฐานะชายาชินอ๋องทั้งหมด มาเช่าบ้านให้ครอบครัวของนางอยู่ การที่ให้พวกเขาอยู่ในครอบครัวเช่นนั้น นางไม่สามารถวางใจได้เลย โจวลี่หลินที่นั่งใบหน้าเคร่งเครียดอยู่ในรถม้าคันเดียวกันกับหลี่กงกง จนเขาสามารถสังเกตได้ จึงได้เอ่ยถามนางออกมา "พระชายามีเรื่อง กังวลพระทัยเรื่องใดหรือไม่" "ข้าแสดงออกชัดเจนเพียงนั้นเชียวหรือ" "ใบหน้าของพระชายาแสดงอาการเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา การได้กลับบ้านเดิมสำหรับพระชายาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ" ทั้งคู่ได้ทำงานร่วมกันหลายเรื่อง จึงทำให้เกิดความสนิทสนมพอควร หลี่กงกงจึงลองเอ่ยถามนาง "ตอบหลี่กงกงตามตรง ตอนแรกข้าหาได้มีความเต็มใจที่จะตกแต่งให้กับท่านอ๋อง แน่นอนว่าเพราะกิตติศักดิ์อันน่ากลัวนั้น หลี่กงกงก็คงพอจะรู้อยู่แล้ว ว่าผู้ที่ได้ตกแต่งให้กับท่านอ๋องจริงๆในตอนแรกนั้นคือพี่สาวของข้า" เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้โจวลี่หลินก็แสดงสีหน้าเศร้าสลด สายตาของนางทอดมองออกไปยังเบื้องหน้าอันแสนไกลคล้ายกับมีเรื่องมากมายที่ยากจะกล่าวมันออกมาตรงๆได้ "กระหม่อมก็พอได้ยินมาบ้าง" "ความเป็นอยู่ของคุณหนูรองตระกูลอันหนิงกั๋วกงแท้ที่จริงแล้วหาได้มีความเป็นอยู่ที่ดีนัก เมื่ออันหนิงกั๋วกงบังคับให้ข้าแต่งงานแทนพี่สาว จึงทำให้ข้าคิดหนีไป ในตอนนั้นต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ยากลำบาก ดีที่ได้ครอบครัวนายพรานช่วยเหลือเอาไว้ แต่ก็ยังโชคร้ายที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ในครานั้น ทำให้ข้าความจำเสื่อม" หลี่กงกงทอดมองนางคราหนึ่ง แต่เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ เพื่อตั้งใจฟังหญิงสาวได้เล่าเรื่องราวต่อไป โจวลี่หลินแสดงใบหน้าเศร้าสลดจนดูน่าสงสาร "แม้แต่ความรู้สึกผูกพันเล็กๆน้อยๆ ข้าก็ยังไม่สามารถรู้สึกได้กับตระกูลที่ใหญ่โตนั้น แต่ข้ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่จริงใจของครอบครัวนายพราน เมื่อตกแต่งออกมาเช่นนี้ จึงมิวางใจเลย ที่จะให้พวกเขาอยู่ในสถานที่ๆแม้แต่ตนเองก็ไม่ได้รับความรู้สึกอบอุ่น" "พระชายาหมายความว่า ต้องการที่จะให้ครอบครัวนายพรานเข้ามาอาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาหรือ" "ข้าไม่ได้หวังสูงถึงเพียงนั้น แต่เพียงต้องการรับพวกเขาออกมาจากจวนตระกูลจาง หาบ้านเช่าดีๆสักหลังให้พวกเขา ไม่ต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากก็เพียงพอแล้ว" "กระหม่อมได้ยินว่าพระชายายังมีพี่ชายที่เกิดจากมารดาเดียวกันคนหนึ่งมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีสูงวัยรู้สึกแปลกใจ สตรีผู้นี้ไร้ที่พึ่งพิง แม้แต่พี่ชายคนเดียวก็ไม่สามารถพึ่งพาอาศัยได้เลยหรือ โจวลี่หลินย่อมรู้ถึงข้อสงสัยของอีกฝ่าย "พี่ชายรองไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับคนพวกนั้นหรอก หากเขาสามารถทำได้ ข้าคงไม่ปรากฏกายอยู่ในตำหนักเมฆาจนถึงตอนนี้อย่างที่ท่านเห็น" หลี่กงกงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยอมรับว่าสตรีผู้นี้ช่างเป็นสตรีที่น่าสงสารไม่น้อย ในเมื่อนางถูกกำหนดมาให้เป็นนายของตนแล้ว การจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสักนิด ท่านอ๋องคงไม่ว่าอันใดกระมัง "กระหม่อมจะพยายามทำเรื่องนี้เพื่อพระชายาเอง" "ขอบคุณหลี่กงกงเป็นอย่างมาก" นางเผยรอยยิ้มจริงใจให้กับอีกฝ่าย เพียงรถม้าของตำหนักเมฆาเดินทางมาจอดที่หน้าจวนอันหนิงกั๋วกง หลี่กงกงก็ถึงกับแปลกใจ เพราะเขาไม่เห็นว่าจะมีผู้ใดมายืนต้อนรับการมาของพวกเขาแม้นแต่เพียงผู้เดียว โจวลี่หลินเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็เข้าใจในทันที นางเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับกล่าวกับเขาว่า "หลี่กงกงมิต้องแปลกใจ การที่ข้ามีชีวิตอยู่จนถึงวันที่สามของการแต่งงานนั้น คงเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ได้คาดคิดเอาไว้ นั่นจึงทำให้วันนี้มิได้มีการออกมาต้อนรับใดๆอย่างที่เห็น" นางกล่าวกับเขาเสร็จ ก็เดินเข้าไปในจวนด้วยท่วงท่าที่ดูมั่นใจ หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก พร้อมกับย่างก้าวที่ดูมั่นคง 'อย่างน้อยๆวันนี้ฐานะของข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว คนพวกนั้นไม่สามารถรังแกกันได้ง่ายๆอีกต่อไปเช่นกัน' บ่าวรับใช้เพียงได้เห็นใบหน้าของโจวลี่หลิน ก็คล้ายกับเห็นผี บางคนถึงกับเซถอยหลัง ล้มคะมำไปไม่รู้ตัวก็มี บางคนที่พอจะตั้งสติได้จึงรีบวิ่งเข้ามาหานาง "คุณหนูรองท่านรอที่นี่ก่อน ข้าจะเข้าไปเรียนนายท่านถึงการมาของท่าน" "บังอาจ…!!! ตอนนี้พระชายาหาใช่คุณหนูรองของจวนตระกูลจางอีกต่อไปแล้ว พวกเจ้ากล้าเรียก สรรพนามเดิมของพระชายาเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย" หลี่กงกงไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งสติได้ เขาหันไปสั่งการกับทหารองครักษ์ที่นำติดตัวมาด้วย "ตบปากบ่าวไม่รู้ความผู้นี้จนกว่าจะรู้สำนึก" ใบหน้าของบ่าวรับใช้ที่รู้ชะตากรรมของตนเอง ซีดเผือดลงทันที เขารีบโขกศีรษะขอการให้อภัยจากโจวลี่หลินเสียงดัง "พระชายาโปรดอภัยให้บ่าวด้วย" โจวลี่หลินไม่เพียงไม่รอฟังการขอขมานั้น นางเดินผ่านบ่าวรับใช้ผู้โชคร้ายไปด้วยสายตาเย็นชา การเขียนเสือให้วัวกลัวครั้งนี้ของนาง ถือว่าได้ผลแล้ว นางหันไปกระซิบบอกกับหลี่กงกงด้วยดวงหน้าที่แสดงถึงความพอใจอย่างยิ่ง "นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ปกติแล้วบ่าวรับใช้พวกนี้ มิเคยเคารพยำเกรงข้าที่อยู่ในฐานะบุตรสาวอันหนิงกั๋วกงเลย" "อย่างน้อยวันนี้พวกเขาคงไม่กล้ารังแกพระชายามากเกินไปนัก เพราะคงเห็นแก่หน้าของท่านอ๋องไม่มากก็น้อย" โจวลี่หลินเองก็คิดไม่ต่างจากหลี่กงกงเท่าใดนัก แต่ผู้ใดจะคิดปล่อยสตรีที่ตนเองเคยรังแกมาทั้งชีวิตไปโดยง่าย เพียงอันหนิงกั๋วกงได้เห็นดวงหน้าที่คุ้นเคยของโจวลี่หลิน ก็ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างคล้ายกับเห็นผี "เหตุใดอันหนิงกั๋วกงถึงได้แสดงสีหน้าเช่นนั้น" ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ โจวลี่หลินไม่เคยเรียกบุรุษผู้นี้ว่าบิดาแม้นสักครั้ง ต่อให้ตอนนี้นางอยู่ในฐานะของบุตรสาวปลอมๆของเขาก็ตาม บิดาที่ไม่สมกับเป็นบิดาผู้นี้ควรคู่แล้วหรือที่นางจะเรียกเขาอย่างเคารพ "นี่เจ้า…!!!" "ทำไมหรือ เห็นข้ายังมีชีวิตอยู่ดี มันเกินความคาดหมายของท่านมากนักหรือไร" โจวลี่หลินไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย นางเดินตรงไปนั่งยังที่นั่งของผู้เป็นประมุขในบ้านอย่างถือวิสาสะ "เจ้าถือดีอย่างไรถึงได้กล้าไปนั่งยังที่นั่งของนายท่าน" เป็นหลี่เพ่ยเจินฮูหยินเอกของอันหนิงกั๋วกงที่ตั้งสติได้ก่อนใคร นางจึงรีบประณามการกระทำของโจวลี่หลินอย่างไม่ไว้หน้า จนลืมถึงสถานะของอีกฝ่ายในตอนนี้ เพราะคุ้นชินกับการกดข่มอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายมาโดยตลอด "บังอาจ…!!! พระชายาคือผู้ใด ใช่บุคคลที่พวกเจ้าจะกล่าววาจาโอหังเช่นนั้นได้หรือ ที่นั่งตรงนั้นควรเป็นที่นั่งของพระชายาถูกต้องแล้ว อย่าได้ลืมว่าตอนนี้นางหาใช่คุณหนูรอง ของจวนอันหนิงกั๋วกงอย่างเช่นในอดีต แต่ตอนนี้นางคือชายาเอกของชินอ๋องเฉินตงหยาง ที่ถือกำเนิดจากพระมารดาองค์เดียวกันกับฝ่าบาท ที่คุมตราทับของทหารเฟยหลงซึ่งคุมกำลังทหารกว่าสามแสนนาย เป็นรองเพียงกองทัพโหลอี้ที่ขึ้นตรงกับฝ่าบาทเพียงเท่านั้น พวกเจ้าที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเพียงกั๋วกง จะเทียบเคียงพระชายาได้อย่างไร" เสียงตวาดลั่นของหลี่กงกงดึงสติของพวกเขาให้กลับมาสู่ความเป็นจริง โจวลี่หลินยกยิ้มอย่างพอใจ ใบหน้าของนางตอนนี้กำลังแสดงออกอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า ที่กำลังทอดมองไปยังผู้ที่ด้อยกว่าอย่างภาคภูมิใจ นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าผลักดันให้ข้าได้รับมิใช่หรือ 'ตำแหน่งที่ต่อให้เป็นพวกเจ้าก็ไม่สามารถล่วงเกินได้' "ตั้งแต่พระชายาเสด็จมาถึงที่นี่ ข้าไม่เห็นพวกเจ้าจะเตรียมการทำการต้อนรับใด มิหนำซ้ำแม้แต่ทำความเคารพตามศักดิ์ฐานะของพระชายา พวกเจ้าก็ยังมิได้กระทำ เช่นนี้มิเท่ากับว่าเป็นการลบหลู่เกียรติของท่านอ๋องหรอกหรือ เรื่องนี้ข้าคงไม่สามารถปล่อยผ่านได้ หลังกลับไปท่านอ๋องจะต้องทราบเรื่องนี้ และบทลงโทษนั้นข้าก็สุดรู้เช่นกัน กับผู้ที่ไม่เคารพยำเกรงในตัวท่านอ๋อง" "หลี่กงกงนี่อาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด พวกข้าเห็นว่านางเป็นบุตรสาวจึงได้รู้สึกคุ้นชินกับสรรพนามเดิมและการปฏิบัติเช่นนั้นมาตลอด จนลืมไปถึงสถานะที่แท้จริงของนางว่าเป็นเช่นไร หวังว่าหลี่กงกงจะไม่ถือสาเรื่องนี้ เอาความกับพวกข้ากระมัง" "หึ เห็นแก่พวกท่านที่เป็นครอบครัวของพระชายา ข้าจะไม่เอาความเรื่องนี้ก็ได้ แต่ต่อไปหากพวกเจ้ายังปฏิบัติอย่างจาบจ้วงกับพระชายาอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ" แต่ยังไม่ทันที่คนตระกูลจางจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกกับคำกล่าวไม่ถือสาของหลี่กงกง หลี่เพ่ยเจินและอันหนิงกั๋วกงก็ดวงหน้าซีดเผือดลงอีกครั้ง "น้องหญิงรองนี่เจ้ายังไม่ตายหรือ" "โอ๊ะ… ตะโกนได้เสียงดังถึงเพียงนี้ เกรงว่าพี่หญิงใหญ่คงจะหายเป็นปกติแล้วกระมัง แปลกนักใช้ระยะเวลาเพียงแค่สามวัน อาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่แทบจะลุกจากเตียงไม่ได้ของท่าน ก็หายเป็นปกติแล้ว หลี่กงกงว่าช่างเป็นสวรรค์โปรดปรานโชคชะตาของนางหรือไม่" โจวลี่หลินไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้นาน นางพร้อมที่จะเหยียบขย้ำ เพื่อเปิดเผยโฉมหน้าอันชั่วร้ายของคนในตระกูลนี้ทุกครั้งที่สบโอกาส และคล้ายกับครั้งนี้สวรรค์เป็นใจ จางหยวนลี่ยังคงมีท่าทีอวดดีอย่างไม่รู้ชะตากรรมของตนเองเอาเสียเลย "น้องหญิงรองข้านึกว่าจะได้แต่งตัวไว้ทุกข์ให้กับเจ้าเสียแล้ว คาดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะยังปกติสุขดีถึงเพียงนี้" "พี่หญิงใหญ่กล่าวเช่นนี้หมายถึง ตำหนักอ๋องจะเป็นสถานที่เช่นไรหรือ หลี่กงกงได้ยินหรือไม่ นางกำลังดูหมิ่นเกียรติของท่านอ๋องอยู่" เมื่อโจวลี่หลินพูดมาถึงตรงนี้ คล้ายกับว่าจางหยวนลี่เพิ่งจะทราบถึงการมีตัวตนของหลี่กงกง "ข้าหาได้หมายความเช่นนั้น" หลี่กงกงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ เขาใช้สายตาเหี้ยมเกรียมทอดมองไปที่จางหยวนลี่อย่างไม่พอใจ กงกงผู้สูงวัยเบนสายตาไปยังผู้ที่เป็นใหญ่ที่สุดภายในจวน อันหนิงกั๋วกงที่รู้ถึงความเหี้ยมโหดของเฉินตงหยาง จึงเริ่มมีเหงื่อผุดพรายเต็มกรอบหน้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม