“คิดว่าอยู่ที่นี่ได้ไหม?”
เขาถาม นภัทสรีย์ตามองต่ำ ไม่รู้ทำไมเธอไม่ค่อยกล้าสบนัยน์ตาคมเข้มทรงอำนาจที่จ้องมองมาของพ่อเลี้ยงหนุ่มซึ่งครั้งหนึ่งเธอก็เคยรู้จักและพูดคุยกับเขาอย่างคนรู้จักกัน
บทที่ 4
“อยู่ได้ค่ะ...นิ่มอยู่ได้ค่ะ”
“ก็ต้องอยู่ได้อยู่แล้ว ในเมื่อนิ่มอยากอยู่ที่นี่ไม่ใช่เเหรอ?”
นภัทสรีย์เงียบไป ฟังจากน้ำเสียงและคำพูดของจเด็จดูเหมือนว่าเขากำลังประชดประชันและเหน็บแนมผ่านเสียงอันเยือกเย็นและคำพูดที่เธอรู้ว่าจริงๆ แล้วพี่เขยอาจไม่พอใจ นภัทสรีย์ไม่พูดอะไรอีกแต่ขณะที่กำลังจะหันหลังให้ก็ต้องผงะเมื่อจเด็จจับไหล่บางของเธอเอาไว้ เข้าหมุนให้ตัวเธอหันกลับมาหาเขา อยู่ในท่าที่ต้องเผชิญหน้ากัน เธอรู้สึกตกใจกับอากัปกิริยานั้นคราวนี้เองที่เธอต้องเงยหน้ามองเขา พ่อเลี้ยงหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้คงตัวเธอซึ่งกำลังเผชิญหน้าให้ตัวเล็กไปถนัดตา
“พี่เด็จ...เอ้อ...นิ่ม...นิ่มอยู่ได้ค่ะ...นิ่มอยู่ที่นี่ได้ค่ะ หรืออยู่ตรงไหนของปางไม้นี่ก็ได้”
เธอตอบเสียงสั่นในเวลานั้นกลับเห็นรอยเหยียดหยันบนริมฝีปากได้รูปของใบหน้าหล่อเหลา
“นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่พี่อยากจะคุยกับนิ่มเหรอกนะ นิ่มรู้ใช่ไหมว่าต้องมาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร แต่สิ่งที่พี่อยากรู้มากกว่านั้นก็คือทำไมนิ่มถึงได้ตอบรับข้อตกลงที่เพียงเสนอให้ง่ายนัก”
“นิ่มคุยกับพี่เพียงเรื่องนี้แล้วค่ะ ตอนแรกก็ลําบากใจนะคะนิ่มไม่ได้อยากจะรับปาก แต่ว่า...พอมาคิดอีกทีนิ่มสงสารพี่เพียงค่ะ”
“สงสารหรือว่ารู้สึกอย่างอื่นกันแน่ พูดให้ชัดๆ นะหรือไม่บางทีนิ่มอาจจะพูดชัดแล้วแต่ความรู้สึกข้างในของนิ่มพี่มองเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าเห็นมันไม่ชัดสักที”
“นิ่มไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นนะคะ นิ่มแค่อยากจะทำให้พี่สาวของนิ่มมีความสุขมากที่สุดก็เท่านั้น”
“ด้วยกันมีผัวคนเดียวกันกับพี่สาวอย่างนั้นเเหรอ!”
จเด็จเผลอขึ้นเสียงด้วยแรงอารมณ์และคราวนี้ก็จับไหล่บอบบางอีกข้างของเธอเอาไว้บีบมันแน่นขึ้น นภัทสรีย์พยายามอดกลั้นเธอทั้งรู้สึกตระหนกและประหลาดใจที่การพบกันครั้งนี้ระหว่างเธอกับเขามันช่างแตกต่างกันกับเมื่อตอนก่อนหน้าที่เขาแต่งงานกับพี่สาวราวฟ้ากับเหว จเด็จ สิงหอัครวัฒน์ เจ้าของปางไม้หนุ่มหล่อที่เธอเคยรู้จัก เขาเป็นสุภาพบุรุษแม้จะมีความเคร่งขรึม แต่การวางตัว การพูดจาและทุกท่วงท่าของเขาล้วนเคยอยู่ลึกความทรงจำอันดีงามของเธอทั้งสิ้น หากแต่บัดนี้ทุกอย่างได้สูญสลายไปหมด บัดนี้เขากลายร่างเป็นซาตานไปแล้วหรืออย่างไรกัน
จเด็จพูดกับเธอด้วยเสียงเครียดและหน้าตาของเขาก็ดูจะไม่พอใจอย่างมาก นภัทสรีย์พยายามกดเก็บความรู้สึกเอาไว้ข้างใน เธอเริ่มเจ็บที่หัวไหล่หากแต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้เพราะกลัวว่าถ้าเกิดเสียงดังอาจจะมีใครข้างนอกผ่านมาได้ยิน
“พี่เด็จคะ...นิ่มรู้ว่าพี่เด็จไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แต่ว่านิ่มเองก็ตัดสินใจอะไรได้ลำบากเหลือเกิน หรือว่าถ้าพี่เด็จไม่พอใจไม่อยากจะทำในสิ่งที่มันขัดกับความรู้สึกของตัวเองเราลองไปพูดกับพี่เพียงอีกสักครั้งจะดีไหมคะ”
“เพียงเขาไม่ฟังพี่เหรอก เพราะเขาเองต้องการให้เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว และที่สำคัญตอนนี้อะไร ๆ มันก็ดูมันจะสายไป ยังไงนิ่มก็มาอยู่ที่นี่แล้วนี่ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนว่านิ่มตอบรับข้อเสนอของเพียง แต่สิ่งที่พี่อยากรู้ก็คือการที่นิ่มมาอยู่ที่นี่มันอาจไม่ใช่แค่ความเห็นใจพี่สาวของนิ่มเพียงอย่างเดียว นิ่มหวังอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม”
“นิ่มจะหวังอะไรมากไปกว่านี้คะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปก็ทำเพื่อทดแทนพระคุณของพี่สาว ตอนแรกก็อยากจะปฏิเสธแต่พี่เด็จเองก็รู้อยู่แก่ใจเหมือนกันนะคะว่าตอนนี้พี่เพียงตกอยู่ในสภาพแบบไหน”
“พี่ต้องเข้าใจความรู้สึกของนิ่มทุกอย่างมั้ย...คนที่พี่แคร์และก็ต้องทำความเข้าใจมากที่สุดคือเมียของพี่ต่างหาก”
“พี่เด็จอาจไม่ต้องเข้าใจและแคร์ความรู้สึกของนิ่มก็ได้ ถูกแล้วล่ะค่ะว่าคนที่พี่เด็จจะต้องแคร์แล้วก็เข้าใจมากที่สุดก็คือพี่เพียง”
“ถ้ารู้อย่างนี้แล้วนิ่มจะตอบรับข้อเสนอของพี่สาวเพื่ออะไรกัน หรือว่านิ่มเองกำลังคิดอะไรอยู่ นิ่มคงจะหวังอะไรที่มากกว่าการมีลูกให้พี่แล้วก็ทำให้เพียงกมลมีความสุขเท่านั้นใช่ไหม”
“พี่เด็จ...นิ่มเจ็บนะคะ”
“จับเบา ๆ แค่นี้ถึงกับร้องออกมาเลยเชียวเเหรอ อย่าทำเป็นสำออยนักเลย จะว่าไปมารยาหญิงมันมีมากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนอีกนะ หรือว่าพี่อาจจะเข้าใจผิด พี่คงจะรู้จักแต่เมียพี่คนเดียวที่ไม่มีจริตจะก้าน ไม่รู้จักการดัดจริต รู้แต่ว่าเมียพี่มีอะไรก็จะพูดกับพี่ตรง ๆ และไม่เคยแอบซ่อนความคิดอะไรไว้ และพี่ขอยืนยันตรงนี้เลยนะนิ่ม ไม่ว่าจะเกิดอะไรเพียงคือเมียของพี่แล้วจะเป็นผู้หญิงที่พี่รักเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
คำพูดของจเด็จหนักแน่นแต่น้ำเสียงเครียดจัดของเขาทำให้นภัทสรีย์รู้สึกหวาดหวั่น เธอตระหนกต่อท่าทีของเขามากจนตัวสั่นสะท้าน นึกไม่ถึงเลยว่าการที่เธอตอบรับข้อเสนอของพี่สาวจะมีผลต่อจิตใจของสามีเพียงกมลมากถึงขนาดนี้