“มึงใส่อะไรส่งไปในแก้ว?” โต้งหันไปถามบิ๊กไบค์ที่กำลังนั่งยิ้มหน้าระรื่นอย่างสุขใจ
“อะไรวะ” ผมเริ่มระแวงเมื่อเห็นสายตาระริกระรี้และรอยยิ้มอันชั่วร้ายของพวกมันทั้งสาม ไอ้แก้วที่ว่านั่นผมก็กระดกมันเข้าปากไปนอนเล่นในท้องเรียบร้อยแล้วสิ
“พอดีว่าของมันเหลืออ่ะ” บิ๊กไบค์ตอบ
“ของอะไร?” บิ๊กไบค์ยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็ทำให้ผมพึงระลึกขึ้นได้ถึงของบางอย่างที่เคยหามาให้บิ๊กไบค์เพื่อจัดการกับคิดตี้ และมันคือ...ยาปลุกเซ็กซ์
“นี่มึงใส่แก้วให้กูกินเหรอ ไอ้ไบค์!” ผมลุกพรวดถามเพื่อนด้วยความตกใจสุดขีด เอาแล้วไง มันเล่นกูซะแล้วไอ้เพื่อนเวร
“ถูกต้องนะครับ” บิ๊กไบค์ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปรบมือให้ผมอย่างชื่นชม
“มึงเอาให้กูกินทำไมว่ะ!” ผมก้าวขาข้ามโต๊ะเพื่อที่จะไปเอาเรื่องบิ๊กไบค์แต่ก็โดนราเรซล็อกคอไว้ซะก่อน
“ปล่อยกูไอ้เรซ” ผมพยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกราะกุม ยิ่งสะบัดแรงเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกหมดแรงเท่านั้น นี่มันเวรกรรมอะไรของผมว่ะ ถึงได้มาเจอเพื่อนผู้ประเสริฐวางยาเอาได้ เพื่อนผมมันน่ารักเชี่ย ๆ จริง ๆ
ไรผมเริ่มเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดขึ้นตามกรอบหน้าของผม อยู่ดีๆ ก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว มันร้อนยิ่งกลัวตอนที่เอมม่ายั่วผมอีก แขนขาเริ่มชานิดๆ และเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่จนราเรซต้องประคองไว้
“ได้เวลากลับบ้านไปหาเมียแล้วครับคุณชายเลโอ” ราเรซกระซิบบอก
เชี่ย...นี่พวกมันเล่นอะไรกันว่ะ ผมอยากกระโดดเตะพวกมันทั้งสามตัวจริงๆ ที่เล่นอะไรพิเรนๆ แบบนี้ แต่ก็ทำได้แค่คิดแหละครับ ทำอะไรพวกมันไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ปล่อยตัวปล่อยใจให้พวกมันหิ้วปีกขึ้นรถตามอำเภอใจ นี่ผมเมายาหรือเมาเหล้าว่ะเนี่ย ทำไมถึงไม่มีแรงต่อต้านไอ้พวกนี้เลย แต่ว่า...อีกสักพักก็คงจะมีแรงขึ้นมาอย่างมหาศาลแล้วล่ะ และเมื่อถึงตอนนั้น ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้และต้องการใครสักคนมาเป็นที่ลองรับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในตอนนี้ ใครคนนั้นคงไม่พ้นยายตัวเล็กที่อยู่ในห้องของผมที่บ้านในตอนนี้แน่นอน
บิ๊กไบค์เป็นขับรถพาพวกผมซิ่งจากผับจนมาถึงบ้านอย่างรวดเร็ว ก็มันเป็นนักแข่งนี่ครับ เรื่องเหยียบมิไมค์ต้องยกให้มันเลย เร็วไม่เร็วไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือผมเริ่มไม่รับรู้การมีตัวตนของเพื่อนๆ แล้วในตอนนี้ ใจมันจดจ่ออยู่กับ..บางอย่าง ที่พอจะดับอารมณ์ดิบในร่างกายของผมได้ สมองเริ่มจินตนาการไปต่างๆ นานา
“พวกมึง...” เสียงผมแหบพร่าขาดห่วงหายไป ผมสลัดความคิดชั่วๆ ออกไปชั่วขณะ พยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามเท่าไรความต้องการทางกายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เลือดในกายสูบฉีดจนร้อนรุ่มไปทั่วร่าง
“มีไรมึง” ราเรซที่นั่งข้างผมหันมาถาม
“กูไม่ไหวแล้วว่ะ” ผมบอกเพื่อนตามความจริง มันไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมต้องการ... ต้องการที่สุด
“ถึงบ้านมึงแล้ว” บิ๊กไบค์หันมาบอกผม
ราเรซกับบิ๊กไบค์ช่วยกันพยุงร่างผมให้เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน เลี้ยวซ้ายไปคือห้องนอนของผม ทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องผมก็โดนพวกมันเหวี่ยงลงเตียงอย่างแรง เล่นเอาผมจุกแทบตัวง้อ ผมยังไม่ทันได้เอ่ยร่ำลาอะไร ไอ้พวกเพื่อนเวรก็ชิ่งหนีออกไปจากห้องแล้ว ไอ้เพื่อนเชี่ย! ผมด่าพวกมันในใจ อย่าให้ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน ผมจะเล่นพวกมันให้หนักเลยคอยดูสิ
ผมค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้นนั่ง ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ให้สม่ำเสมอ ยุบน้อ... พองน้อ... ไม่ๆ ๆ อย่าพองนะ ให้ตายสิ! ผมไม่มีสติแล้วเนี่ย ผมหันไปมองเตียงกว้างที่ว่างเปล่าค่อยใจชื่นขึ้นมาหน่อย สงสัยต้นหลิวอยู่ชั้นล่าง ผมจึงจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกเพราะเหงื่อซึมจนเปียกชุ่มมันทำให้เสื้อเชิ้ตแนบไปกับผิวเนื้อแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน ผมพยายามถอดออกอย่างทุลักทุเลกว่าจะแกะกระดุมได้แต่ละเม็ดมันชั่งยากอะไรเบอนั้น มือก็สั่นหยิบจับอะไรก็ยาก ยิ่งรีบก็ยิ่งลื่น ลนลานจนทำอะไรไม่ถูกแล้วเนี่ย พอถอดเสื้อออกได้สำเร็จผมเหวี่ยงลงพื้นห้องอย่างไม่มีชิ้นดี ก่อนที่ต้นหลิวจะเข้ามาในห้องผมควรอาบน้ำหรือไม่ก็ขังตัวเองไว้ในห้องน้ำจนถึงเช้าเลยก็แล้วกัน ผมถอดกางเกงออกเหลือเพียงบ๊อกเซอร์แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
แกร๊ก!
“อ้าว! นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ชิหายแล้ว!
พวกผมทั้งสามคนรีบออกมาจากห้องนอนของเลโออย่างเร่งรีบเพราะกลัวว่าไอ้เพื่อนรักจะหน้ามืดแล้วจับพวกผมปล้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นเดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติดอีกล่ะ
“กูเป็นห่วงต้นหลิวว่ะ” ผมกับราเรซชะงักแล้วหันไปมองหน้าไอ้โต้งที่กำลังยืนมองไปชั้นบนหน้าห้องนอนของเลโอ
“งั้นมึงก็ไปรับอารมณ์มันแทนต้นหลิวดิ” ราเรซบอก
ตุบ!
“โอ๊ย!!” ไม่ต้องแปลกใจครับ เสียงไอ้เรซโดนพี่เขยแอนพี่เมียถีบครับ คนเดียวควบสองตำแหน่ง โคตรเจ๊งเลย
“เอาน่า ยังไงสองคนนั้นก็แต่งงานกันแล้ว ไม่มีอะไรที่มึงต้องเป็นห่วงหรอก” ผมตบบ่าโต้งอย่างให้กำลังใจ และเป็นการเตือนสติมันในตัว “อีกอย่าง มึงก็ดูออกนิ ว่าต้นหลิวชอบเลโอ”
ใช่ครับ เพราะต้นหลิวชอบเลโอ ผมถึงยอมเห็นด้วยกับแผนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมค้านหัวชนฝาและไม่ยอมร่วมมือกับพวกมัน แต่ที่ยอมก็เพราะผมรู้ว่าต้นหลิวชอบเลโอ และ...
“เรียบร้อยดีไหมลูก” เสียงเอ่ยถามจากหญิงวัยกลางคนกำลังเดินมาหาพวกผมที่ยืนอยู่หน้าบันได แม่ของเลโอ
“เรียบร้อยดีครับ” บิ๊กไบค์ตอบ
“แล้วทำไมสีหน้าของโต้งดูไม่ค่อยดีเลยล่ะลูก” แม่ของเลโอหันมาถามผม
“ไอ้โต้งมันเป็นห่วงต้นหลิวนะครับ” ราเรซตอบแทน
แม่ของเลโอยื่นมือมาจับมือผม ท่านประคองมือผมด้วยมือทั้งสองข้างของท่านและบีบมือผมเบาๆ ผมสบตากับแม่ของเลโอแสดงสีหน้าเป็นกังวลให้ท่านได้รับรู้ว่าผมเป็นห่วงญาติผู้น้องมากแค่ไหน
“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกลูก เรื่องนี้แม่เป็นคนต้นคิดแม่รับผิดชอบเอง” ท่านสบตากับพวกผมทุกคนเป็นการยืนยันความรับผิดชอบ
“ถ้าจะมีคนต้องรับผิดชอบ ก็ต้องรวมพวกผมด้วยครับ” ถึงแม้ผมจะคัดค้านในตอนแรก แต่ผมก็ยอมร่วมมืออยู่ดี
“ผิดกันทุกครับแหละครับ” ราเรซบอก
“ผมใส่ไปเพียงเล็กน้อยเพราะผสมกับเหล้า ผมรู้ปริมาณและกำลังของเลโอดีไม่อันตรายแน่นอน อีกอย่างนะ...แค่เหล้าก็ทำเลโอหัวหมุนแล้วล่ะครับ” บิ๊กไบค์อธิบาย
“งั้นเรามาลุ้นกันดีกว่า ว่าแผนส่งตัวเจ้าบ่าวเข้าห้องจะสำเร็จไหม”
พวกผมทั้งสามหันมามองหน้ากันพร้อมกับแอบขนลุกนิดๆ เมื่อเจอรอยยิ้มร้ายๆ ของแม่ของเลโอ ช่างเป็นผู้หญิงสวยที่น่าเกรงขามซะจริง